7 ม.ค. 2023 เวลา 04:04 • ความคิดเห็น

พลังที่ยิ่งใหญ่กว่า Passion

ใครต่อใครชอบบอกว่าต้องมี Passion จึงจะทำอะไรได้สำเร็จ เพราะ Passion เป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เราอยากลุกขึ้นมาทำงานอย่างไม่รู้เบื่อ ซึ่งก็น่าจะจริงตามนั้นสำหรับคนที่มี แต่หลายคนก็มักจะเจอสถานการณ์ที่ Passion มาบ้างไม่มาบ้าง วันที่ไม่มาก็ไม่ค่อยมีแรงทำอะไรใหม่ๆเท่าไหร่นัก
6
แล้วมันมีหนทางอื่นมีพลังอื่นที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ดีกว่า Passion หรือไม่ คนที่ประสบความสำเร็จหลายคนจุดเริ่มก็อาจจะไม่ได้มาจาก Passion ทีเดียวนัก ถึงแม้ว่าตอนหลังๆยังฟิตปั๋งชอบทำงานเพราะ Passion ที่ตัวเองค้นพบในระยะหลังอยู่ก็ตาม
พี่อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา เจ้าของอาณาจักรเจมาร์ทที่ปัจจุบันมีบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ห้าบริษัท มูลค่ารวมกันเกือบสองแสนล้านบาท เล่าถึงจุดเปลี่ยนชีวิตจากดีลเลอร์ห้องแถวขายโทรศัพท์มือถือเล็กๆจนพลิกผันกล้าเสี่ยงขยายธุรกิจมือถือเงินผ่อนอย่างที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน แล้วค่อยๆเติบใหญ่กลายเป็นธุรกิจร้อยล้านก่อนจะใช้ความเก่งต่อยอดขึ้นมาเป็นหลักหมื่นหลักแสนล้านในปัจจุบัน
5
พี่อดิศักดิ์เล่าในคลาสเอบีซีว่า ตอนที่ทำธุรกิจมือถือเล็กๆพอไปได้นั้น พี่อดิศักดิ์ไปร่วมลงทุนกับเพื่อนๆสามคนเปิดโรงงานผลิตทีวีโดยร่วมกันค้ำประกันโดยที่พี่อดิศักดิ์เองก็ไม่ได้ไปบริหารจัดการอะไร ปรากฏว่าธุรกิจทีวีเจ๊ง ผู้ร่วมหุ้นก็หายไปหมด พี่อดิศักดิ์เลยต้องรับภาระหนี้สามสิบล้านบาทซึ่งเป็นเงินที่มากจนไม่มีทางออกเพราะสมัยนั้นกว่าจะหาเงินได้ล้านนึงยังยากแสนยาก…พี่อดิศักดิ์เล่าไว้อย่างนั้น
4
ด้วยหนี้ท่วมหัวกับรายได้ที่คิดยังไงก็ไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้ แรงกดดันมหาศาลจากภาระดอกเบี้ย ทำให้พี่อดิศักดิ์ต้องคิดใหม่ทำใหม่ พยายามหาทุกช่องทางที่จะปลดหนี้ให้ได้ ลองทำอะไรที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน ไปเจรจาขอลองทำธุรกิจเงินผ่อนมือถือจากโอเปเรเตอร์ยักษ์ใหญ่ในสมัยนั้น
2
ส่วนใหญ่ก็ถูกปฏิเสธ ถ้าสมัยตอนไม่มีหนี้อะไรก็คงท้อคงเลิกไปแล้ว แต่ด้วยภาระทำให้พี่อดิศักดิ์ก็ไม่ยอมแพ้ลองตื๊ออยู่นานจนได้ลองทำธุรกิจผ่อนมือถือพร้อมได้กินค่าต๋งเล็กๆ เริ่มจากเดือนละไม่กี่สิบเครื่องจนกลายเป็นเดือนละหลายหมื่นเครื่องในระยะเวลาสามปี ได้รายได้หลายร้อยล้านบาทจนมาปลดหนี้และตั้งตัวจนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านมือถือและขยายตัวกลายเป็นกลุ่มการเงินที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน
4
ภาระหนี้ที่ดูจะเป็นโชคร้ายในชีวิตของพี่อดิศักดิ์ กลับกลายเป็นพลังกดดันขับเคลื่อนให้พี่เขาต้องคิดนอกกรอบ ดิ้นรน ทำงานหนักและคิดใหญ่ทำใหญ่ขึ้นจนมีวันนี้ ผมไม่ได้ถามพี่อดิศักดิ์ในวันที่สัมภาษณ์แต่เดาว่าถ้ามองจากวันนี้พี่อดิศักดิ์น่าจะขอบคุณหนี้ก้อนมหึมานั้นที่มาเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนให้หลังพิงฝาบังคับให้เป็นนักสู้ จนเปลี่ยนชีวิตได้ในที่สุด มองในวันนี้หนี้ก้อนนั้นอาจจะเป็นโชคดีครั้งสำคัญในชีวิตของพี่เขาเลยก็ได้
6
พลังแห่งหนี้นั้นเป็นพลังอันมหาศาลที่กดดันเราอย่างไม่มีวันหยุด แน่นอนว่าพลังอันรุนแรงแบบนี้มีดาบสองคมเสมอ คนที่ใช้แรงกดดันนั้นบีบตัวเองให้หาทางออกที่เดิมไม่เคยคิดทำ อดทน แล้วทะยานได้แบบพี่อดิศักดิ์ก็มีไม่น้อย คนที่คิดสั้นไปโกงเขา ใช้วิธีแบบสิ้นหวังก็มีให้เห็นอยู่เยอะ การใช้พลังนี้ให้ถูกทางนั้นต้องมาพร้อมความอดทนอดกลั้นควบคู่กันไปด้วยเสมอ
6
แน่นอนว่าอยู่ดีๆเราเองก็ไม่ควรกดดันตัวเองด้วยการไปเป็นหนี้ถ้าไม่จำเป็น แต่ถ้าเกิดจับพลัดจับผลูเป็นหนี้ก้อนโตกับเขาขึ้นมา อย่างน้อยตัวอย่างของพี่อดิศักดิ์ก็อาจจะช่วยเป็นกำลังใจให้ค่อยๆปลดหนี้ ลองคิดลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ อดทนไม่คิดอะไรสั้นๆ แล้วพลังแห่งหนี้ก็อาจจะเป็นคุณกับเราได้เหมือนกันนะครับ
2
โฆษณา