Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บ
บันทึกการเดินทาง-เรื่องสั้น
•
ติดตาม
8 ม.ค. 2023 เวลา 00:55 • ไลฟ์สไตล์
เดินเมือง?
อะไรคือเดินเมือง แล้วทำไมต้องเดินเมือง เดินเมืองเพื่ออะไร ?
■
เป็นประโยคคำถามที่หมุนในหัวและชวนให้สนุกกับเรื่องราวที่จะได้พบเจออีกครั้ง ที่ทำให้รู้สึกพองโตกับความรู้สึกแบบนี้อีกหนเป็นคราวที่สอง หลังจากที่ครั้งแรกได้มีโอกาสร่วมเดินเมืองในเมืองหลวงเมื่อต้นปีกับทีมมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็กที่ชวนให้ได้ร่วมเรียนรู้
■
และครั้งนี้ที่เอ่ยว่าจะเป็นครั้งที่สอง และเป็นการเดินเมืองที่อยู่ใกล้บ้านตัวเองเสียด้วยสิ นั่นคือที่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ นี่เอง
วันนี้ (7 มกราคม 2566) ภาคบ่าย หลังจากที่ภาคเช้าได้ทำกิจกรรมร่วมกับพี่น้องเครือข่ายทุกภาคที่มารวมตัวกัน ณ สวนเอ็นอ้านาเทิง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ และในภาคบ่ายได้ทำกิจกรรม #เดินเมือง ในพื้นที่เมืองราษีไศล
คำถามแรกในหัวที่ปรากฏคือ เฮ้ย... เราจะได้เดินเมืองอีกแล้วใช่ไหม เป็นคำถามที่ชวนคิดในเชิงบวกว่า เราจะได้อะไรดี ๆ จากกิจกรรมนี้อีกแล้ว ตื่นเต้นและตื่นเต้น รีบคิดในหัวต่อทันทีว่า ราศีที่เรารู้จักมันแค่ไหน คำตอบที่ได้คือ...แค่หางอึ่ง ทำให้เราได้เห็นได้รู้เพิ่มขึ้นอีกโขเป็นแน่จากกิจกรรมครั้งนี้
■
และแล้วพอถึงเวลากำหนดหมาย ตั้งต้นที่ศาลาที่ว่าการอำเภอราศีไศล เทียบรถแล้วลงเดินไปเจอเครือข่ายจากภาคใต้ที่อยู่เป็นกลุ่มท้ายสุดของขบวนและมีขบวนหัวแถวอยู่ไกลพอสมควร เดินกันออกจากตลาดหน้าที่ว่าการ มุ่งไปตามถนนหลักไปทางวัดใต้ (อันนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวัดเหนือวัดใต้ และวัดอะไรอยู่ทิศไหนของการปักหมุด ณ ตอนนี้) ซึ่งเบื้องต้นนั้นไม่รู้ว่าจะไปทางไหน เพราะอยากอาศัยการเรียนรู้ระหว่างทางด้วยการสังเกตให้มากที่สุด
■
อาหารแบกะดินที่เป็นจำนวนปลาเล็กปลาน้อย ผักพื้นบ้าน ถูกวางบนภาชนะครุถังบ้าง วางบนอุปกรณ์แบบบ้าน ๆ นั่งเป็นแถวข้างทางของแม่ค้าพ่อค้าวัยทำงานถึงสูงอายุ ที่นั่งคุยกันไปด้วย เรียกลูกค้าที่ผ่านไปมาด้วยสำเนียงภาษาถิ่นไทยกลาง แล้วก็สังเกตว่าแม่ค้าก็คุยกับด้วยภาษาถิ่นเยอกันเอง บางคนก็ใส่ชุดผ้าไหมลายลูกแก้ว เสื้อแซวก็มี
■
ความสนใจแว็บแรก พยายามอยากเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด แต่เผอิญได้เดินร่วมเข้ากลุ่มกับพี่น้องจากทางใต้ที่มาจากสามจังหวัดชายแดนใต้ จึงได้สนทนากันเองในกลุ่มเป็นหลัก เหมือนกับว่าเราเป็นคนพื้นที่เสียเองซะนั่น แต่กะยินดีแลกเปลี่ยนให้ความรู้ในสิ่งที่ได้พบเจอ ถือว่าเครือข่ายมาจากภาคอื่นหรือคนต่างพื้นที่ เขาอาจจะไม่ได้รู้ว่าอะไรที่เขาเห็นนั่นเอง แต่ก็ยินดีแลกเปลี่ยนกัน
■
เดินมาเหมือนหนึ่งว่านักการเมืองมาหาเสียงก็ไม่ปาน จะบอกว่ามาขายประกันก็ไม่ถึงขนาดนี้ เอาเป็นว่าเป็นการเรียนรู้ฉบับพิเศษนอกห้องเรียนก็แล้วกัน เดินมาสุดตลาดแบกะดินราว 300 เมตรถึงสี่แยกแรก มีรถสามล้อเครื่อง หรือมอไซค์พ่วงข้าง ซาเล้งก็เรียกจอดเทียบรออยู่ราวร่วม 10 คัน กลุ่มคนบางคนก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับรถเหล่านั้นที่บรรทุกได้ราว3-5คน แล้วออกตัวไปอย่างช้า ๆ ส่วนคนอีกจำนวนส่วนใหญ่ก็เดินไปตามหลัง
■
อาคารไม้ บ้านไม้หลังเก่าๆ ยังปรากฏให้เห็น ตึกช่องห้องสีสวยก็มีให้เห็นเช่นกัน ที่อยู่ติดกันสลับกันไปกับร้านค้าและพาณิชอื่น ๆ ทำให้เห็นถึงความเป็นชุมชนกึ่งเมืองที่กำลังพัฒนานั่นเอง สำเนียง ภาษา ผู้คนของพื้นที่ยังคงทำหน้าที่และต่างมองกลุ่มเราแบบแปลก ๆ คงเพราะมีการเดินเป็นกลุ่มใหญ่นั่นเอง
■
ถนนในซอยดูจะกว้างหรูหรา สะอาดตา ทำให้การสัญจรครั้งนี้ที่แวะตามซอยได้สะดวกดี พลันเดินไปได้สักพัก ทันรถสามล้อที่จอดรอกันอยู่ อีกคันบอกว่าขึ้นได้อีกคน จึงได้ซ้อนท้ายติดเพิ่มอีกคนไป ข้อดีคือทำให้ได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมขึ้นนั่นเอง หากเราเดินเราจะได้เห็นและได้เห็น หากเราคุยกับเจ้าของพื้นที่จะทำให้รู้มากขึ้น
โชว์เฟอร์ได้พูดให้ฟังขณะนั่งในรถว่าบริเวณนี้เป็นชุมชนชาวเยอและที่อยู่ติดแม่น้ำมูน จะมีอาชีพปลูกผักขายตามสวนหลังบ้าน
เออ ใช่จริงด้วย เป็นล็อก ๆ เป็นแปลงที่มีหลากชนิดด้วย แทบทุกครัวเรือนเลยในแถวนี้
ความคิดตามและสายตามองเห็นขณะที่ฟังข้อมูลไปด้วย
ผักเหล่านี้ ก็คือผักที่เราเห็นในตลาดที่เขานำมาแบกะดินขายนะ ไม่ได้อยู่ในแผงขายถาวร”
ความรู้ใหม่ที่ได้รู้และอยากรู้ว่าหากมีการปลูกกันเยอะแบบนี้จะขายได้ไหม ขายที่ไหนกัน และนั่นคือคำตอบเป็นเบื้องต้น
ไม่นานนัก รถดังกล่าวจอดลงที่หน้าศาลปู่ตา ศาลเจ้า ที่ดูกว้างและยิ่งใหญ่ในอาณาบริเวณนี้
■
เสียงรถที่ผ่านมาแทบทุกคัน ทั้งเล็ก ใหญ่จะกดแตรส่งเสียงแล้วผ่านไป คันแล้วคันเล่า ทำให้คิดว่า เรายืนข้างศาลแบบนี้บังถนนหรือกีดการสัญจรหรือไม่ แต่ก็มองมาที่ตัวเองแล้วก็ตอบในใจว่า “เราไม่ได้ยืนกลางถนนหรือทำให้การสัญจรถนนลำบากสักหน่อย แต่ก็ได้ยินแทบทุกคันที่สัญจรผ่านไปและผ่านมา”
■
ศาลปรากฏที่เห็น สามศาล ณ ประตูแรกด้านหลังที่เข้าไป เป็นศาลปู่ตาลาว และถัดมาเป็นศาลปู่ตาเยอ และต่อด้วยศาลเจ้าของชาวจีน ที่อยู่ติด ๆ กัน การเรียกขานชื่อศาลเจ้าเรียกตามตัวตรง ๆเลยศาลปู่ตาลาว ปู่ตาเยอและศาลเจ๊ก ให้เข้าใจง่าย บ่งบอกให้เห็นวัฒนธรรมร่วมสมัยและท้องถิ่นที่อยู่ร่วมกันในพื้นที่นี้ ส่วนความเชื่อและการเซ่นไหว้นั้น ๆ มีปราชญ์ชาวบ้านได้อธิบายให้ฟังโดยมีนักร่วมเดินเมืองยืนฟังอย่างที่อยากรู้
■
พลันขณะที่ทุกคนกำลังฟังอยู่ จึงได้ละนำตัวเองเข้ากราบไหว้ศาลปู่ตาทั้งลาวและเยอ ก่อนออกมาแล้วเดินอ้อมหลังศาลดังกล่าวไปด้านหลังด้วยอยากรู้ อยากเห็นอะไรที่อยู่ด้านหลัง เป็นแม้น้ำหรือบ้านเรือนผู้คน แต่ภาพที่เห็นคือ แปลงผักที่มีผักอยู่หลายทะนาน หลากหลายแปลง หลากหลายชนิดพืชผักที่เขียว เหมือนว่าที่ตรงนี้คงมีน้ำอยู่ตลอดเป็นแน่
ไม่นานนักก็เลือกที่จะเดินต่อไปยังแม่น้ำ โดยข้ามถนนข้างโรงเรียนเมืองคง (คงคาวิทยา)ไปหาแม่น้ำ ยังคงเป็นกลุ่มเดินคือพี่น้องเครือข่ายมุสลิมอีกเช่นเคยที่อยู่ท้ายขบวนอีกครั้ง ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน และมาถึงแม่น้ำที่มีการก่อเป็นพนังกั้นด้วยปูนสำหรับนักท่องเที่ยวได้เห็น แต่เหมือนแม่น้ำนั้นจะมีแต่น้ำ ไม่มีต้นไม้หรือพืชใด ๆ ที่อาศัยในแม่น้ำเลย
■
แอบคิดว่าความเจริญและความสวยงานของสายตาผู้คนทำให้สิ่งที่มีชีวิตและอาศัยแหล่งน้ำก็หายไปกับความเจริญด้วยแน่เลย เรือท้องแบนของคนหาปลาเทียบท่าเรือหลายคนในขณะที่เราเดินไปเลียบเลาะฝั่ง หันหน้ามองถนนและหมู่บ้านเห็นกำแพงปูนชาวบ้านบางเรือนยังปรากฎคราบน้ำที่ฝากไว้ดูต่างหน้าเมื่อยามน้ำหลากเข้ามาอาศัยตามพายุ โนรู เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หากมองย้อนมาจุดที่เรายืน คงได้ท่วมหัวเป็นแน่
เดินและเดินตามตลิ่ง มาหยุดที่ท้ายวัด ชื่อวัดใต้ มีจุดเช็คอินหลังวัด เขียนเป็นภาษาไทยอ่านเป็นสำเนียงเยอที่ว่า วัดขะเดือบ ที่ปลายว่า วัดใต้ ให้ได้ถ่ายเก็บภาพงาม ๆ ก่อนจะเดินขึ้นตัววัดกราบสักการะที่เจดีย์เก่าแก่ และมีพระพุทธรูปไม้โบราณ ให้ได้เห็น ซึ่งที่วัดแห่งนี้ได้ข้อมูลว่า เป็นวัดที่จัดปริวาสกรรมปฏิบัติธรรมทุกปีด้วย ก็น่าชื่นชมที่มีเจ้าคณะพระสังฆาธิการและสงฆ์ได้จัดปฏิบัติธรรมในสถานที่กลางเมืองราษีไศลให้ได้ฝึกจิตด้วย
ก่อนที่จะขึ้นรถคันเดิม เข้ามากลางถนนหลักอีกครั้งแล้วเลี้ยวอ้อมไปยังศูนย์เรียนรู้ ทามมูลหลานเยอ ที่จุดนัดพบยามแลงนี้
■
วิว ทิวทัศน์งดงาม อาทิตย์ตกที่หลังพุ่มไม้พาดผ่านสายน้ำมูนดังกล่าว กับการจัดกิจกรรมออกบูทอาหารของเครือข่ายมาแบ่งปันกันกิน ตามอัธยาศัย
■
การร่วมวงเป็นกึ่งตัวยู กึ่งวงกลมได้เกิดขึ้น กึ่งการถอดบทเรียนเกิดขึ้น น่าจะเป็นจุดที่อยากรู้ อยากร่วมแลกเปลี่ยน ว่าการเดินเมือง เดินทำไม ได้อะไร เห็นอะไร แล้วมันจะยังไงต่อนั่นเอง
โพธิ์กระสังข์บ้านเรา ควรมีกิจกรรมแบบนี้ อยากให้มี อย่างน้อย ๆ เป็นการทำข้อมูลว่ากวยโพธิ์กระสังข์ที่เราเรียกตัวเองแบบนี้ มีเพียงกวยกับกูยหรือ แล้วคนที่มาจากที่อื่นล่ะ ลาว เขมร เจ๊กที่มีอิทธิพลต่อชุมชนเรามาแต่อดีตก็มีที่มาหรือไม่มีอะไรให้เรียนรู้มากจากกว่าเชียวหรือ ชวนคิด ชวนจินตนาการ
■
หากเราจะขยับความเป็นบ้านเรา เปิดบ้านเราให้ลูกหลานบ้านเราได้เห็น ให้เครือข่ายจากข้างนอกได้เห็น ได้รู้ว่าเป็นวิถี ความเป็นอาคารบ้านเรือน ความเป็นภาษา ความเป็นเหง้าราก ความเป็นประเพณีต่าง ๆที่ไม่ต้องเอามาอ่านสอน บอกในห้องเรียน แต่ผ่านการเดินเมืองเช่นที่เราได้สัมผัสที่ราษีไศลวันนี้ น่าจะดีไม่น้อยและดีมากสำหรับความพองโตของความรู้สึกที่เตลิดออกไป
เดินเมืองครั้งนี้ ที่ราษีไศล ไม่ได้วิเศษมากที่ได้พบเจอ แต่สิ่งที่พบเจอและพยายามบอกตัวเองตลอดว่า กระบวนการแบบนี้ไงคือควรเรียนรู้ และคือการเรียนรู้จริง ๆ โดยเฉพาะบ้านเกิดที่เราก็คิดว่ามีอะไรดี ๆ ไม่น้อยกว่าบ้านอื่น ๆ เป็นแน่ หากเราคิดและมองร่วมกัน เพื่อบ้านของเรา เพื่อสิ่งดี ๆ ที่บ้านเรา
■
การเรียนรู้ที่ไม่ต้องวิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว การเห็นความสำคัญของอดีตและการเป็นอยู่ที่มีลมหายใจของเราเป็นที่ตั้ง ณ ตอนนี้ ร่วมผสานกันให้เป็นเรื่องราวที่จะถูกบันทึกไว้ว่า ณ วันนี้ที่เรายังมีลมหายใจและทำอะไรได้บ้าง ก็ควรบันทึกเอาไว้ เพราะวันนี้หากเราบันทึกไว้แล้ว อีกไม่รู้กี่ปีมันจะเป็นประวัติศาสตร์ เฉกเช่นที่โพธิ์กระสังข์เคยมีสิ่งดีงามแล้วเหลือไว้เพียงคำบอกเล่าในวันนั้น
✓
เดินเมืองวันนี้ ที่ทำให้เราได้สัมผัสและอิ่มเอมไปกับกระบวนการของการได้เรียนรู้
✓
ขอบคุณโอกาสและโอกาสดี ๆ
✓
ขอบคุณมิตรภาพและเครือข่าย
✓
ขอบคุณยิ่งสำหรับแหล่งเรียนรู้ที่กรอบไม่มีให้เราได้สัมผัส
✓
ขอบคุณยิ่ง
★
#มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก
★
#สสส.
★
#มพด.
★
#ศูนย์สื่อชุมชนคนชายแดนไทย-กัมพูชา
บันทึกช่วยจำ
ขวัญชิต โพธิ์กระสังข์
บันทึก ณ ห้องเลขที่ 629 พรมพิมาน เมืองสีเกด
เมื่อ 8 มค.65
1 บันทึก
1
2
1
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย