10 ม.ค. 2023 เวลา 01:25 • ไลฟ์สไตล์

ค้นพบคนที่ไม่ยอมแพ้ ในตัวคุณ

ศาสตราจารย์ไอน์สไตน์ เป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพ ที่มีอารมณ์ขัน ตลก ทำให้ได้รับ ฉายา ว่าเป็นศาสตราจารย์สติเฟื่อง ซึ่งบางภาพคุณจะเห็นท่านแลบลิ้นให้ช่างภาพบ้าง หรือทำหน้าตลกๆ เมื่อสนทนา ผ่านทางเลนส์กล้อง
จากอัตตะชีวประวัติที่ผู้คนได้รู้จักท่านในฐานะนักฟิสิกส์ทฤษฎีที่มีชื่อก้องโลก และสามารถอ่านได้ทั่วไป
จากการค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพและพัฒนาทฤษฎี
ควอนตัม ท่านได้กล่าวในจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งไอน์สไตน์เขียนถึง มักซ์ บอร์น ในปี พ.ศ. 2469 เขาบอกว่า "ผมเชื่อว่า พระเจ้าไม่ได้สร้างสรรพสิ่งด้วยการทอยเต๋า"
การทอยเต๋า นี้หมายถึง ความน่าจะเป็น ที่อธิบายถึงการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัมของ พัฒนาขึ้นโดย นีลส์ บอร์ กับ แวร์เนอร์ ไฮเซนแบร์ก ใช้ความน่าจะเป็น นั่นเอง ซึ่งต่อมา บอร์ก็สามารถที่จะแย้งได้ ตามทฤษฎี
แม้ท่านจะมีความชราและต้องนอนในโรงพยาบาล ท่านก็ยังพยายามเขียนสูตรคำนวณในเรื่องมิติ ในเรื่องที่คนยุคนั้นยังไม่มีความเข้าใจ จนวาระสุดท้ายท่านสิ้นลม ในขณะที่มือยังถือสูตรคำนวณที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เลย คาดว่า พยาบาลอาจเป็นผู้เก็บไว้ หรือทิ้งไปก็ไม่มีใครทราบ เนื่องจากสูญหายและไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย
การดำเนินชีวิตของท่านที่มีเป้าหมายในการค้นคิดทางด้านฟิสิกส์ของท่านที่เป็นประโยชน์และภัยต่อมนุษยชาตินั้น ขึ้นอยู่กับผู้ที่นำมาใช้และวัตถุประสงค์ที่จะใช้ ไปในทางใด
ท่านจึงได้รับสมญานามว่า อัจฉริยะที่สุดในโลก ทั้งๆที่ท่านใช้ศักยภาพของสมองไปเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งท่านทั้งหลายได้ทราบกันดีอยู่แล้วเรื่องนี้
Hello Thailand อยากจะชี้ชวนให้ท่านมองเห็นความตั้งใจและไม่ละความพยายามในจุดมุ่งหมายของท่าน เพราะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติในทางวิทยาศาสตร์และชีวิตประจำวัน
การได้เข้าใจในหลักการทำงานของกฏเกณฑ์ของธรรมชาติมีผลอย่างมากในชีวิตประจำวัน
หากท่านเข้าใจในทฤษฎีสัมพัทธภาพว่าคือสิ่งใด ท่านอาจนำมาปรับใช้หรือฝึกตัวท่านให้ได้รับประโยชน์ เช่น ท่านอาจฝึกอารมณ์ให้ใจเย็นมากขึ้น เพื่อท่านจะได้ยืดเวลาที่มีให้ยาวนานขึ้นได้ และสามารถพิจารณารอบคอบมากขึ้น ในขณะที่ท่านใช้เวลาที่นับจากนาฬิกาที่เท่ากันกับคนที่เร่งรีบ ร้อนรน เป็นต้น
การค้นหาผู้ที่ไม่ยอมแพ้ ในตัวคุณ ก็ควรใช้หลักการขั้นตอนในทฤษฎีสัมพัทธภาพของท่านศาสตราจารย์ไอน์สไตน์ เช่นกัน
การมองสิ่งรอบข้างด้วยความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ความน่าจะเป็น เหมือนที่ท่านเคยกล่าวไว้ จึงควรทำความเข้าใจว่า ความเป็นไปได้นี้คือ ความสามารถที่มีอยู่ในตัวท่านอยู่แล้ว เพียงแต่ท่านต้องนำมันขึ้นมาใช้
ถูกต้อง “ ท่านมีความเป็นไปได้ “ แต่ส่วนใหญ่ผู้คนจะคิดถึง ความน่าจะเป็นมากกว่า
ความเป็นไปได้ นั้นเกิดจากความรู้สึกนึกคิดที่เรียกว่า ความเชื่อ ซึ่งความเชื่อนี้ บางคนก็คิดว่า น่าจะเป็น ไปได้ แต่ถ้าเราคิดข้ามไปอีกขั้นหนึ่ง จากความน่าจะเป็น ไปเป็น ความเป็นไปได้ ท่านก็จะมีความเชื่อที่สมบูรณ์
หมายถึง ท่านมีศักยภาพที่สมบูรณ์อยู่ในตัวท่านเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
ถ้าท่านคิดถึงความน่าจะเป็น ในเชิงคณิตศาสตร์ ท่านจะมีคำตอบอยู่หลายคำตอบ และทุกคำตอบก็ล้วนน่าจะเป็น ซึ่งต้องนำไปพิสูจน์ในทุกคำตอบนั้นต่อไป
ท่านจึงอาจไม่ไปต่อ หรืออาจทิ้งเป้าหมายของท่านไป
แต่หากท่านใช้ ความเป็นไปได้ คำตอบของท่านจะมีแค่คำตอบเดียว และเป็นคำตอบที่ชัดเจน โดยที่ยังไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์หรือคนอื่นเข้ามาเป็นตัวช่วยในความคิดขณะนั้น แต่ท่านได้เห็นคำตอบในจินตนาการของท่านแล้ว
พอพูดถึงจินตนาการ หลายคนคนก็ไม่เข้าใจว่าต้องสร้างไปทำไม หรืออาจคิดว่า อ๋อ แค่เป็นความคิดที่เพ้อเจ้อ เพ้อฝัน อันหนึ่ง ก็เลยไม่อยากจะจินตนาการ
คำตอบที่ชัดเจนที่จะบอกกับท่านว่า ภาพจินตนาการนั้นคือคำตอบของท่านเอง และเป็นคำตอบที่มันจะปรากฏขึ้นจริงในชีวิตของท่าน ก็คือเป้าหมายของท่านในขณะนั้น
คนเรามีเป้าหมายหลายอย่างได้ อันนี้ต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่ได้จำกัด ในชีวิตประจำวัน และบอกได้ว่า เป็นต่างวาระ เช่น ท่านอาจต้องการมีเงิน 5 แสน ในช่วงอายุ 20 ปีต้นๆ ต่อมาท่านอาจต้องการมี 10 ล้านบาทในช่วงอีก สองสามปีต่อมาเป็นต้น เทียบเรื่องเงิน เพราะจะทำให้ท่านเห็นชัดเจนขึ้น เท่านั้นเอง
ในขณะที่ท่านมีเป้าหมาย อาจจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาทำให้ท่านคิดว่า จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะมันน่าจะมีความเป็นไปได้ แล้วท่านก็คิดไปต่างๆนานา อันนี้ เรียกว่าท่านไม่ได้ให้โอกาสตัวเอง ในทางความคิด แล้วท่านก็จะบอกกับตัวเองว่า ทำไมชีวิตมันถึงวนมาอยู่ที่เดิมๆ
เพราะท่านไม่เชื่อถึงความเป็นไปได้ นี่คือตัวอย่างของความน่าจะเป็นในชีวิตท่าน เพราะการเรียนรู้ในสังคม บทเรียนจากคณิตศาสตร์ในโรงเรียน หรือจากผู้ใหญ่ที่ดำเนินชีวิตมาแบบ ไม่ได้ใช้ความเชื่อ เพราะชีวิตของคนบางยุค ต้องไปผูกกับผู้อื่น
มันก็เลยเกิดการเสาะแสวงประโยชน์ขึ้นมาในรูปแบบท่างการตลาดได้ เช่น ต้องแต่งตัวแบบนี้ ถือกระเป๋าแบรนด์เนม เพื่อให้ตนเองเป็นที่ยอมรับ เป็นต้น อันนี้คือมีชีวิตขึ้นอยู่กับความคิดคนอื่น
ในขณะที่ท่าน ใช้ความเป็นไปได้ ท่านจะไม่สนใจในคำพูดคนอื่น หรือเอาความรู้สึกไปผูกกับสิ่งที่ท่านมองเห็นภาพที่ปรากฏขึ้นในเหตุการณ์ต่างๆ ท่านจะใช้เวลากับตนเองมากขึ้น และอย่างเข้าใจ เพราะท่านมีเป้าหมายที่จะต้องทำ จนมันปรากฏขึ้นเป็นจริงในชีวิตของท่าน
กระบวนการแบบนี้ เรียกว่า ผู้ไม่ยอมแพ้ หรือผู้ชนะตนเอง การเอาชนะตนเองได้ ต้องมีความเชื่อ และมีความรู้สึกว่าเป็นไปได้เข้ามาในใจท่านก่อน โดยยังไม่ต้องหาเหตุผลใดใด หรือต้องรู้ว่ามันจะไปอย่างไร ทำอย่างไร
แค่ท่านคิดถึงภาพสุดท้ายของสิ่งที่ท่านปรารถนาจะให้เกิดขึ้นในชีวิตของท่าน
เมื่อท่านได้สร้างภาพในจินตนาการของท่าน นั่นคือ การได้สร้างพลังในการขับเคลื่อนทางกลศาสตร์ของ
ควอนตัม อันนี้จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ ท่านโอน์สไตน์ได้พัฒนาทฤษฎีนี้ขึ้น แต่แท้จริงแล้ว เรื่องกลศาสตร์นั้นมีอยู่ในชีวิตของมนุษย์อยู่แล้ว แค่มนุษย์ไม่รู้จักว่า นี่คือศักยภาพของมนุษย์ อันหนึ่ง
สิ่งที่เปิดเผยศักยภาพของมนุษย์นั้น เริ่มต้นมาจากพระคัมภีร์ที่มี ท่านยอห์นหรือโยฮัน เป็นผู้บันทึก ถึงการมองไกล การเชื่อมต่อพลังงานระหว่างมนุษย์กับจักรวาล หรือเรียกพระเจ้า หรือบ้างก็เรียกธาตุดั่งเดิม หรือ source หรือพระผู้สร้าง ก็เรียก และยังมีการใช้ชื่ออื่นอีกมาก
ท่านยอห์น มองเห็นอนาคตของโลก ในช่วง สองสามพันปีที่แล้วได้อย่างไร และผู้ที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์ ในการทำนาย ที่ใช้จิตสัมผัส เช่น
นอสตร้าดามุส รัสปูติน แม่เฒ่าบาบาวังก้า แม้กระทั่งในยุคปัจจุบัน ทีไทยเรามี หมอบี คุณริวจิตสัมผัสหรือคุณเจนตาทิพย์ หรือใครอีกหลายคน ซึ่งผู้คนเหล่านี้ล้วนออกมาเป็นพยานในเรื่องจิตใจที่มนุษย์สามารถติดต่อกับโลกในมิติอื่นได้ และรับรู้เรื่องราวในอนาคตได้
แท้จริงเหล่านี้คือเรื่องพลังงานที่ปรากฏในควอนตัมทั้งสิ้น ที่ปรากฏว่าท่านเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง หรือแม้แต่ผู้คนเหล่านี้ ไม่กล้าออกตัวมาก เพราะ คนส่วนมากยังไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้
แต่สิ่งที่ Hello Thailand กล่าวถึงนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้อื่น แต่เป็นเรื่องศักยภาพในตัวท่านทั้งหลายที่สามารถดึงสิ่งเหล่านี้ออกมาด้วยการฝึกความคิด และความรู้สึกให้เกิดสิ่งที่คิดนั้นปรากฏขึ้นมาในไม่ช้าได้
พอท่านทั้งหลายเข้าใจแล้วผ่านบทเรียนที่เป็นพื้นฐาน ท่านจะใช้สิ่งเหล่านี้ในทุกวัน แล้วมันจะเกิดขึ้นและทันเวลาเสมอ ดังนั้นท่านต้องใจเย็น ที่จะฝึก
ความคิดทางบวก มีขึ้น ต่อเมื่อท่านรู้ว่า ผลลัพธ์ มันคืออะไรก่อน เช่นท่านจะรู้สึกว่าท่านต้องช้าในการโกรธ เพราะว่า เป็นประโยชน์ต่อร่างกายท่าน หัวใจท่าน เป็นต้น
ท่านจึงยอมที่จะคิดบวก ( Positive Thinking ) เพราะเกิดประโยชน์ต่อร่างกายท่านด้วย อย่างคำในภาษาอังกฤษ มีการออกแบบคำคล้ายกันมาก คือ Positive คือ คิดบวก และคำว่า Posible คือ เป็นไปได้
ดังนั้นเมื่อท่านคิดบวก เมื่อใด เป้าหมายของท่านก็จะเป็นไปได้ เมื่อนั้น
และความรู้สึกที่มีความสุข อารมณ์ดี ก็จะทำให้ท่านได้มีพลังงานที่ ไปแปรรูปจากพลังงานทางความคิดไปสร้างให้เกิดความจริงปรากฏ เหมือนท่านอยู่ในแดนมหัศจรรย์ แล้วท่านจะรู้สึกได้ว่า เป็นเช่นนั้น
ท่านจะทำบางอย่างที่นำท่านไปสู่เป้าหมายของท่าน และมีผู้คนเข้ามาเมตตา ช่วยเหลือท่าน มีคนสนับสนุนท่าน และท้ายสุดท่านไปถึงเป้าหมายนี้ได้
ยังมีรายละเอียดอีกมากที่สามารถสนับสนุนท่านให้ค้นพบผู้ไม่ยอมแพ้ในตนเอง และจะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเอง
หากท่านต้องการรับเคล็ดลับ และไม่ลับ เป็นประโยชน์ต่อท่าน ขอเชิญท่านติดตามเพจ Hello Thailand เพื่อท่านจะได้รับวิธีการดำเนินชีวิตที่มีความสุขและเรื่องราวต่างๆได้ก่อน
Cr: Wikipedia
Hello Thailand 🇹🇭
โฆษณา