10 ม.ค. 2023 เวลา 04:09 • สิ่งแวดล้อม
ดอกเอเดลไวส์(Edelweiss)
หรือดอกไม้แทนรักแท้จากสวิตเซอร์แลนด์
ดอกเอเดลไวส์(Edelweiss)
เคยสงสัยไหมครับว่าเวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศในโซนเมืองหนาวเราจะเห็นสัญลักษณ์ของดอกเอเดลไวส์เต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นในโรงแรม,ร้านอาหารจนถึงกระทั่งเครื่องสำอางค์ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังครับว่าดอกไม้เมืองหนาวนี้มีความสำคัญและมีประวัติความเป็นมาอย่างไร
ดอกเอเดลไวส์มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปยุโรป บริเวณเทือกเขาแอลป์ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล1,500-3,000เมตร
ได้รับสมญานามว่า "ราชินีแห่งเทือกเขาแอลป์" และดอกไม้นี้จะอยู่บริเวณตามหน้าผาจึงได้รับอีกนามหนึ่งว่า "ดอกไม้เมฆ" ด้วยความที่พบได้ในภูเขาสูงชันจึง
มีความหายาก ในหนึ่งปีจะบานได้แค่ 3 ครั้ง ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะได้พบดอกไม้นี้ได้ ผู้ชายยุโรปจึงจะออกตามหาดอกไม้นี้
เพื่อจะนำไปให้หญิงสาวที่ตนรักเพื่อบอกแทนความหมายว่าเป็นรักแท้ที่สูงส่ง
ดอกเอเดลไวส์ ถือเป็น พืชที่ได้รับความคุ้มครองในหลายๆประเทศในทวีปยุโรป อยู่ในวงศ์เดียวกันกับดอกทานตะวันที่พวกเรารู้จักกันดี และเอกลักษณ์ของดอกไม้นี้คือ ตัวดอกมีขนปกคลุมทั้งดอกและใบ มีไว้เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำ ทำให้สามารถอยู่รอดในอุณหภูมิที่หนาวเหน็บได้ อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจและช่องท้องได้อีกด้วยครับ
นอกจากนี้คำว่า Edelweiss มาจากภาษาเยอรมัน Edelแปลว่า"สูงศักดิ์" และ weissแปลว่า"ขาว" ครับ
ดอกเอเดลไวส์นั้นถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ความพิเศษและมหัศจรรย์ของเอเดลไวส์นั้นคือการที่เราเด็ดออกจากต้นแล้ว ดอกไม้นี้จะคงรูปร่างไม่เปลี่ยนแปลง เลยได้ชื่อว่าเป็นความหมายของ"รักแท้"
ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงนั่นเองครับ
โฆษณา