13 ม.ค. 2023 เวลา 15:24 • ท่องเที่ยว

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ 9 วัน 7 คืน งบไม่เกิน 100,000 บาท

EP. 0 สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน คำพูดนี้ไม่เกินจริง เพราะความสวยงามของธรรมชาติสวยเหมือนอยู่ในภาพวาด ที่ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้ซักครั้งในชีวิต นอกจากความสวยงามแล้ว สวิตเซอร์แลนด์ยังเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงอันดับต้นๆของโลกอีกด้วย ทำให้ข้าวของ อุปโภค บริโภคของสวิตเซอร์แลนด์ก็แพงตามไปด้วย
สวิตใช้สกุลเงินเป็นของตนเอง คือ สวิสฟรังก์(Swiss franc/CHF) 1 CHF เท่ากับ 37-38 บาท
1
เรามีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นครั้งแรกในระหว่างวันที่ 25 ธ.ค. 65 - 3 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ไปกับแฟน 2 คน ไปกันเองไม่ซื้อทัวร์ ซึ่งได้เที่ยวเต็มๆเป็นเวลา 7 วัน และใช้เวลาเดินทางอีก 2 วัน เพราะต้องใช้เวลาในการเดินทางถึง 12 ชม. ในครั้งนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Etihad airways แวะไปต่อเครื่องที่ Abu Dhabi 1 stop เสียเวลาในการต่อเครื่องไป 3 ชม. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับอยู่ที่ 21,XXX บาท
หลังจากลงเครื่องปุ๊บเราก็เที่ยวต่อเลยทันที
  • วันที่ 1 Lucerne
  • วันที่ 2 First
  • วันที่ 3 Schilthon
  • วันที่ 4 Iseltwald, Blausee
  • วันที่ 5 Montreux
  • วันที่ 6 Zermatt, Matterhorn
  • วันที่ 7 Zurich
(เดี๋ยวเราจะมาลงรายละเอียดสถานที่เที่ยวในแต่ละที่เป็น part ย่อยๆต่อไปนะ)
สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่น่าอิจฉามาก มีครบทั้งภูเขา ทะเลสาบ น้ำตก แม่น้ำ ทุ่งหญ้า และหิมะ ไปตรงไหนก็สวยงามไปหมด แถมผู้คนยังเป็นมิตรมาก
I’M Miiiewz
สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน
การเดินทางใช้รถไฟเป็นหลัก ซื้อ swiss travel pass ราคาประมาณ 15000 สำหรับ 8 วัน ครอบคลุม รถไฟ รถบัส เรือ กระเช้า รวมไปถึงใช้ขึ้นเขาฟรี หรือลดราคาค่าขึ้น และยังเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรีอีกด้วย คุ้มไหมไม่รู้แต่สะดวกมาก บัตรใบเดียว แสดงบัตรแล้วเข้าฟรีเลย รถไฟที่สามารถนั่งได้ฟรีจะเป็นรถไฟชั้น 2 แต่ถึงจะเป็นรถไฟชั้น 2 ก็น่านั่ง
Swiss pass ไม่จำเป็นต้องปริ้นเป็นเปเปอร์ก็ได้นะ เซฟไฟล์อิเลคทรอนิคไปแสดงได้เลย ใช้คู่กับ application SBB Mobile ดาวน์โหลดใส่มือถือไว้ใช้งานง่าย แค่เพียงเราเลือกสถานที่ปัจจุบันที่เราอยู่กับสถานีปลายทางที่เราต้องการจะไป แอปจะแสดงเวลาที่รถไฟจะมา ชานชลาที่รถไฟจะจอด และชื่อขบวนที่เราต้องขึ้น เพียงแค่เราไปให้ทันเวลา ถูกชานชลา ไม่มีหลงแน่นอน รถไฟมาตรงเวลามาก แสดงเวลาแบบเรียลไทม์ทุกสถานี เป็นเทคโนโลยีที่ทุกประเทศควรนำไปใช้ และรถไฟของเค้าก็สามารถเข้าถึงทุกแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายมาก
รถไฟที่สวิตเซอร์แลนด์สามารถนำอาหารขึ้นไปกินได้ บางขบวนมีแบบเป็น restaurants ในขบวนด้วย ภายในรถไฟจะมีปลั๊กไฟสำหรับชาร์จแบตได้ด้วย แต่ปลั๊กจากประเทศไทยส่วนใหญ่ต้องใช้หัวแปลงเพราะเต้าเสียบไม่เหมือนกัน และอย่าลืมสังเกตปุ่มเปิดประตูข้างประตูรถไฟนะ ถึงแม้รถไฟจะจอดที่สถานีแล้วแต่ถ้าไม่กดปุ่มเปิดประตู ประตูจะไม่เปิดอัตโนมัติ
บรรยากาศภายในรถไฟ
โดยใน 7 วัน 7 คืน เราพักโรงแรมทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่
  • คืนที่ 1 Central Luzern Hotel ราคาคืนละ ~8,XXX บาท
  • คืนที่ 2-4 Interaken Youth Hotel ราคาคืนละ ~ 5,XXX บาท
  • คืนที่ 5 Ambassador Zermatt Hotel ราคาคืนละ ~12,XXX บาท
  • คืนที่ 6-7 Hotel Bristol Zurich ราคาคืนละ ~5,XXX บาท
อาหารการกิน มื้อเช้ากินที่โรงแรมเป็นหลัก ถ้าไม่ได้รีบออกไปเที่ยวเช้ามากเกินไป เพราะเราเลือกจองโรงแรมแบบรวมอาหารเช้า ส่วนใหญ่อาหารเช้าของโรงแรมจะเป็น นม กาแฟ น้ำผลไม้ โยเกิร์ต ชีส ขนมปัง เบคอน แอปเปิ้ล เหมือนกันเกือบทุกโรงแรม เรากินชีสไม่ไหว ดำรงชีวิตด้วยโยเกิร์ตใส่ซีเรียล นม และไข่ต้มจิ้มเกลือ (ไม่มีแม็กกี้) ขนมปังของเค้าจะเป็นคล้ายๆขนมปังฝรั่งเศส (baguette) ที่ข้างนอกจะแข็งๆ ไม่ถูกปากเราเท่าไหร่ ถ้าต้องการประหยัดขึ้นอีกสามารถเลือกจองโรงแรมที่ไม่รวมอาหารเช้า แล้วพกอาหารสำเร็จรูปจากไทยไปกินเอง
เมนูอาหารเช้า
ส่วนมื้ออื่นถ้าอยากประหยัดเข้า supermarkets เช่น Coop, Migros, Globus และ Denner ซึ่งหาได้ง่ายเหมือน 7/11 บ้านเรา จะมีอาหารพร้อมทาน ที่ราคาถูกสุดจะเป็นสลัด ซูชิ และไก่ย่าง เราแนะนำไก่ย่างมากเพราะถูกและอร่อย แต่ไม่ได้มีทุกสาขา เราเจอที่ interaken นอน 3 วันกินบ่อยมาก เฉลี่ยมื้อละ 300-500 บาทต่อคน แต่ถ้าเข้าร้านอาหารจะตกมื้อละประมาณ 2000 เป็นอย่างต่ำสำหรับ 2 คน แต่อาหารส่วนใหญ่จะติดเค็ม กินไปซักพักจะเริ่มรู้สึกเลี่ยน คิดถึงอาหารไทยตลอด อยากจะกินแต่ต้มยำกับข้าวสวยร้อนๆ
Coop supermarket
ส่วนน้ำดื่มก็มีราคาแพง ขวด 500 ml. ราคาเริ่มต้นที่ 35 บาท แต่คนที่นี่เค้ากินน้ำประปา หรือน้ำพุที่อยู่ตามสวนสาธารณะกันเป็นปกติเลย เราเคยลองกินน้ำจากน้ำพุแล้วเย็นชื่นใจ เพราะอากาศหนาวน้ำเลยเย็นไปด้วย คนที่นี่จึงไม่กินน้ำแข็งกันเลย เมนูตามคาเฟ่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูร้อน
ส่วนห้องน้ำให้เข้าตามร้านอาหาร สถานีรถไฟ ซูเปอร์มาเก็ต สะอาด และไม่เสียเงิน ห้องน้ำสาธารณะบางแห่งต้องเสียค่าบริการ
น้ำพุในสวนสาธารณะ
เราไปเที่ยวในช่วง winter อากาศหนาวมาก เจอทุกสภาวะทั้งหิมะ ฝน ลม แดด อุณหภูมิเฉลี่ยในเมืองประมาณ 5 องศา ขึ้นเขาอุณหภูมิต่ำถึงติดลบ แต่ถ้าแดดออกช่วยให้อุ่นขึ้นมาก เราแต่งตัวอย่างต่ำ 3-4 ชั้น ทั้งเสื้อและกางเกง ขึ้นเขาเพิ่มเป็น 5 ชั้น the Best ของอุปกรณ์กันหนาวขอยกให้ขนเป็ด เสื้อขนเป็ด กางเกงขนเป็ด อุณหภูมิติดลบเอาอยู่เลย ถ้าเราแพ็คกระเป๋าด้วยถุงสูญญากาศ พอดูดอากาศออกพวกเสื้อขนเป็ดนี่จากที่ตัวพองๆเหลือนิดเดียวเองไม่กินที่เลยนะ
หมวก ถุงมือ รองเท้าลุยหิมะจำเป็นมากถ้าต้องขึ้นเขา เราได้รองเท้าลุยหิมะจาก decatlon ราคาประมาณ 1,500 บาท ใส่ดีกันหนาว กันลื่น กันน้ำได้จริง ใส่สบายและอุ่น แนะนำเลยสำหรับพวกงบน้อยอย่างเรา ส่วนถุงมือนี่เป็นอะไรที่หายง่ายสุด เพราะต้องถอดบ่อยเวลาถ่ายรูป ทำล่วงหายไปถึง 2 รอบ แต่มีคนใจดีมาบอก ทำให้ตามไปเก็บมาได้ อีกตัวช่วยนึงถ้าไม่อยากใส่ถุงมือ ใช้ถุงร้อน เอาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ แล้วเอามือซุกกระเป๋าอุ่นสบายเลย
รองเท้าลุยหิมะ Decathlon
เนื่องจากเรามาในช่วง winter บรรยากาศในเมืองจึงเต็มไปด้วยนักสกี ทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟ หรือรถบัส จะต้องเจอนักสกีกลุ่มใหญ่ มีทั้งเด็กเล็ก หนุ่มสาว และผู้สูงอายุ ที่กำลังเตรียมตัวไปเล่นสกี นับเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับชาวสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้เราอยากจะลองเล่นบ้างเลย
สวิตเป็นประเทศที่สวยมาก ภูเขา ทะเลสาบ น้ำตก หิมะ น้ำทะเลสีฟ้าใส ไปตรงไหนก็สวย แถมผู้คนเป็นมิตรมาก เวลาเข้าไปถามเค้าจะอธิบายละเอียดมาก ยิ้มแย้ม เดินสวนกันยังทักทายทั้งที่ไม่ใช่คนรู้จัก บางคนก็ชวนคุย ทริปนี้ตั้งใจมาพักผ่อนแต่เหมือนได้มาออกกำลังกายมากกว่า เพราะทุกวันเราเดินเยอะมาก วันละ 2 หมื่นก้าวทุกวัน แต่บรรยากาศสวยขนาดนี้เดิน 8 กิโลก็ยังไหว สบายมากคร่า
สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน
กล้องถ่ายรูปเราใช้ nikon z6 สำหรับถ่ายรูป เลิศมาก ไม่เปลืองเมม แบตทนอยู่ได้ทั้งวัน ภาพสวยคมชัด เลิฟสุด แต่มีน้ำหนักพอสมควร อีกตัวคือ gopro hero 11 สำหรับถ่าย vdo ตัวเล็กกระทัดรัด พกพาง่ายติดเข้ากับที่คล้องคอสะดวกมาก แต่ แต่ แต่ เปลืองเมมมาก เดี๋ยวเต็มๆ แบตก็เปลือง ถ่าย 10 นาที หมดไป 30% และอีกตัวคือกล้องมือถือ พกง่าย ถ่ายสะดวก หยิบเร็ว คุ้นเคยกันดี
สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริปคนละ ~90000 ได้แก่
ค่าตั๋วเครื่องบิน 21,385 บาท/คน
ค่า Shangen Visa 4,020 บาท/คน
ค่าประกันการเดินทาง 785 บาท/คน
ค่า Sim card 899 บาท/คน
ค่า swiss travel pass 15,000 บาท/คน
ค่าโรงแรม ~50,000 บาท/2คน
ค่าอาหาร+ค่าขึ้นเขา ~20,000 บาท/คน
ค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวมค่าของฝากตามอัธยาศรัย
ป.ล. ไม่แนะนำสำหรับใครที่คิดจะลากกระเป๋าเที่ยวเลยนะ ถึงแม้เค้าจะอำนวยความสะดวกมีที่วางกระเป๋าบนรถไฟ มีบันไดเลื่อน แต่เชื่อเถอะว่าเปลืองพลังงานมาก ถ้าไปสถานีไหนแล้วเจอบันไดนะ หึ แทบกลั้นใจ
โฆษณา