11 ม.ค. 2023 เวลา 15:21 • ปรัชญา

เมื่อความฝันฉันหายไป

เมื่อความฝันฉันหายไป
เคยตื่นมาแล้วนึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตไหม แค่เดินไปในที่เดิม ๆ กินของแบบเดิม แต่งตัวแบบเดิม ชีวิตแบบนั้นสำหรับเราในเมื่อก่อนก็คือชีวิตของคนที่จิตวิญญาณได้ตายไปแล้ว
“และวันนี้ฉันได้กลายเป็นคนคนนั้น” มันยากที่จะยอมรับว่า วันหนึ่งคุณตื่นมาแล้วจะรู้สึกหดหู่ได้ขนาดนี้ คุณที่เคยสดใส เคยรู้ว่าตัวเองอยากจะทำ หรือไม่อยากจะทำอะไร ตอนนี้คุณกลับตอบคำถามเหล่านั้นไม่ได้
“อยากทำอะไร” เชื่อไหมว่าบางอารมณ์ก็ตอบไม่ได้ ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร ถ้าคำถามเกิดขึ้นตอนเมื่อสักสิบ หรือยี่สิบปีก่อน คำตอบมากมายจะไหลออกมาจนไม่สามารถที่จะจดได้หมด
มันน่าตกใจที่สิ่งเหล่านั้นลอยหายไปกับช่วงเวลาที่เป็นช่วงเวลาที่น่าจะได้ใช้ชีวิตมากที่สุด
แต่อย่างน้อย เราก็ยังนึกถึงและจำได้ว่าเราอยากทำอะไร และอยากจะเป็นอะไร
ถ้าไม่อยากให้ความฝันหายไป มาตั้งใจเก็บความฝันของทุกคนกลับคืนมาเถอะ
ลองนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาเท่าที่จำได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นช่วงเวลาที่ห่างไกล มันอาจจะห่างจากนี้แค่ไม่กี่วันก่อน ไม่กี่เดือนก่อน หรือปีก่อน สองสามปีที่แล้ว หรือช่วงเวลานับสิบปีที่ได้ผ่านมาแล้ว ไม่ว่าจะนานเท่าไร พยายามนึกถึงช่วงเวลาที่คุณเคยมีความฝันที่เต็มเปี่ยม
นึกให้ออกว่าเคยอยากทำอะไร อยากมีอะไร ความอยากนั้นจะเกิดจากตัวแปรอื่น ๆ ก็ได้ ตัวแปรที่ว่าอาจจะเป็น คุณพ่อ คุณแม่ สัตว์เลี้ยงที่คุณรักมันมาก เพื่อนสนิทที่ตอนนี้อาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอะไร พยายามนึกให้ออก
นึกให้ออกว่าตอนนั้นเคยมีความสุขมากเท่าไร เคยเสียใจมากแค่ไหน ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี พยายามซึมซับมันเข้ามาในใจ ความมุ่งมั่นในตอนนั้น สิ่งที่อยากได้ พยายามเก็บรายละเอียดมันออกมาทุกอย่าง และเมื่อมันชัดเจนอยู่ในใจแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจดมันอีกต่อไป
มันอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างตั้งใจว่าจะซื้อโคนันเล่มถัดไป จะเก็บการ์ตูนที่อยากได้ให้ครบ (ถึงแม้ว่าวันนี้การ์ตูนชุดนั้นในตอนนี้เราจะให้คนอื่นไปแล้วก็เถอะ) หรือตั้งใจที่จะเล่นเดอะซิมส์สองด้วยธีมแฮร์รี่พอตเตอร์(สุดท้ายจบลงที่สร้างได้เกือบครบแล้วก็ลืมมันไปเพราะมาเล่นเดอะซิมส์สาม แล้วก็จางไปอีกเมื่อมาเล่นเดอะซิมส์สี่)
ความฝันมันไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามันจะเล็ก ที่เราอยากจะบอกคือ ความฝันของแต่ละคนมันยิ่งใหญ่สำหรับคนคนนั้นเสมอ และแม้ว่าจะฟังดูไร้สาระแต่มันก็ทำให้มีความสุข
ฟังความฝันที่ไร้สาระและไม่มีตัวแปรของเราไปแล้ว อยากฟังความฝันที่มีตัวแปรบ้างไหม สังคมทำให้เรารู้จักกับการทำงาน เราเคยทำงานมาหลายอย่าง ตั้งแต่ตอนที่เราไม่ได้ทำเพราะต้องการเงิน
ตอนนั้นเราก็แค่อยากออกจากบ้าน อยากมีเงินเพิ่มอีกนิดเพื่อไปทำตามความฝันอย่างอื่นของเรา แต่การที่เราได้เข้าไปอยู่ในสังคมของคนที่เขามีการมีงานทำ ทำให้เราได้รู้ว่าแทบจะทุกคนคิดเหมือนกันว่าอยากจะได้เงินเดือนที่มาก และเงินคือตัวแปรสำคัญ
เราไม่ได้กำลังจะบอกว่ามันคือสิ่งที่ถูกหรือผิด และไม่ได้เหมารวมว่าทุกคนจะต้องคิดแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลายคนก็คิดว่าการได้เงินเดือนมากคือการประสบความสำเร็จในรูปแบบหนึ่ง เราได้เงินมากเท่าที่เราคิดว่ามันเพียงพอกับความต้องการของเรา แต่นั่นมันทำให้เรากลายเป็นคนแบบย่อหน้าแรก
ตอนนี้เราเลยออกมาตามเก็บเศษความฝันจากอดีตของเรา อยากวาดเราก็จะวาด อยากเขียนเราก็จะเขียน อยากเล่นเกมส์ เราก็จะทำ เราจะทำทุกอย่างที่เราเคยคิดว่าเราอยากทำ
ทุกคนก็มาลองมองหาความฝันของตัวเองดูนะ
พอจะเป็นศิลปินได้ไหม
โฆษณา