13 ม.ค. 2023 เวลา 13:37 • ความคิดเห็น
เอาแค่ในชีวิตของเรา ที่ผ่านมา ก็เห็นอะไรมันเปลี่ยนแปลงไปมาก ในสมัยเด็กๆ เห็นพระเทศน์มีคนเฒ่าคนแก่ไปฟังเทศน์ เข้าวัดทำบุญ เด็กๆก็ตามไปวัด ไปวิ่งเล่นในวัด เชิงตะกอน ก็ไปอยู่ห่างไกล กุฏิโบสถ์ศาลา ไม่มีใครเอาเชิงตะกอนที่เผาศพมาอยู่หน้าวัด ใบลานที่ผูก จานอักษร ..เค้าเรียกว่าภาษาขอม ..เราก็เห็นมากมาย บางวัดกองพะเนิน เชือกที่ผูกหลุดออก บ้างก็เอาไปใส่ในโลงเก่าๆ มีแมงป่องตะขาบ ไปอาศัย ..พระเณรก็ยกไปเผาทิ้ง คนเฒ่าคนแก่ที่เข้าวัด ..ทางเหนือ ๆ เค้าก็ ..ถอดรองเท้าตั้งแต่ประตูวัด
เดี๋ยวนี้ ..ในวัดก็มีไอ้ไข่ นางตะเคียน แล้วไอ้ไข่นางตะเคียนมีคำสอนเหตุผลอะไรดีๆให้แก่คน ให้จิตรู้จักกรรมมั้ย ให้รู้จักใช้สติปัญญา แก้อารมณ์ของตนเองมั้ย.. แล้วสมัยนั่นยังไม่มีตู้บริจาคน้ำปะปา ไฟฟ้าไม่มี เวียนเทียนสังฆทานไม่มี ให้คนนั้นคนนี้ สาธุ ..ทำเหมือนเล่นลิเก..ไม่มี เพราะตอนนั้น มีแต่น้ำบ่อ กับตะเกียงหรือเทียนไข ยิ่งวัดไกลๆ ก็ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไร เรื่องราวพุทธพาณิชย์ เอาศาสนามาขายกินหาเงินทองไม่มี คนที่เข้าวัดทำบุญ ก็หวังได้บุญกัน ไม่ได้หวังให้มีกรรมรำรวย เงินทอง ยศฐานบรรดาศักดิ์
เมื่อตอนเด็กๆวัดไหน..เจ้าอาวาสมรณะภาพ ..ชาวบ้านก็รวมตัวกัน ไปอาราธนาพระที่ท่านปฏิบัติดีๆ มาเป็นเจ้าอาวาส ที่ผิดแปลกแตกต่างจากสมัยนี้ ยุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงไป วัดที่ชาวบ้าน สละที่ทางให้เป็นวัด ให้ชาวบ้านมาสร้างบุญกุศล เปลี่ยนแปลงไป บ้างก็ทำเป็นที่ท่องเที่ยว .ไปเสีย ..มันก็เลยมุงมั่นเพลิดเพลิน เงินทอง จมอยู่กับ โลภโกรธหลงนั่นแหละ จึงหาวัดที่ที่จูงคนไม่ค่อยได้ คงเป็นกรรมของคนยุคนี้ที่ถูกปิดเรื่องราวการสร้างบุญกุศลให้แก่จิตของตน เห็นว่าบุญกุศลไม่สำคัญ ไม่มีจริง
เวลาทำบุญทำทาน คนเค้าก็นั่งกันกับพื้น ไม่นั่งเก้าอี้ เหมือนในสมัยนี้ ศาลาทำบุญทำทาน กับ ศาลาสวดศพ เค้าก็แยกจากกัน ไม่เอามารวมกัน
คนรุ่นนั่นเค้ารู้จักกรรม..เพราะเวลาคนจะตาย ..ป่วยตาย ก็อยู่กับบ้าน ก่อนตาย สร้างกรรมอะไรไว้ ชอบชนไก่ กรรมนั่นก็แสดงให้ดู มันมีให้คนเห็นบ่อยๆ คนก็เลยเกรงกลัว เรื่องการสร้างกรรม ไม่อยากให้ตัวเองมีกรรม แต่สมัยนี้ เจ็บป่วยเข้าไป โรงพยาบาล..ไปตายโรงพยาบาลกัน ..มีกายให้ยา..มีท่อ มีเครื่องช่วยอะไรมากมาย กรรมเค้าก็เลยไม่แสดงให้ดูเป็นหนังตัวอย่าง ว่าจิตออกจากร่างจะไปดี หรือชั่ว ..แต่ที่เห็นๆ ไปงานศพ พิธีกร ก็บอกให้ไปสวรรค์วิมานกันทั้งนั่น ไม่รู้ว่าจริงมั้ย ..
เมื่อตอนอายุยี่สิบกว่าๆ เราไปนอนวัด ..ก็นั่งฟัง คนแก่..มาถือศีลอยู่วัด สวดมนต์กัน เราก็ไปนั่งฟัง เค้าสวดจนจบ ..พอสวดมนต์ เสร็จ..คนแก่ที่นั่งข้างๆ เข้ามากระซิบถามว่า ..ไอ้หนู..เอ็งมีปัญหาขีวิตอะไรหรือเปล่า ..เราได้ฟัง..ขำ..ทำไมว่า ..จะต้องเข้าวัดตอนมีปัญหาชีวิต ..ก็ผมอยากเรียนรู้จัก ..ว่าเข้ามาวัดมาทำอะไรกันบ้าง..ไม่ได้มีปัญหาชีวิต..
หมายเหตุ ที่เขียนนี้ไม่ได้ เป็นเรื่องราวคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เป็นเรื่องราวของคนกับวัด ที่เปลี่ยนแปลงไป เดี๋ยว..คนนั้น คนนี้เกิด .บ้านเมืองมันก็เปลี่ยนแปลง แต่คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธะเจ้า นั่นบริสุทธิ์ ..เพียงแต่ว่า ใครจะเสาะแสวงหา เอามาประพฤติปฏิบัติ ให้เกิดบุญกุศล ให้กายมีบุญ จิตมีธรรม จิตดวงนั่นแหละ ที่จะได้รับคุณธรรม จากพระศาสนา เกิดเป็นคุณให้แก่จิต หลีกหนีเวรกรรม
โฆษณา