14 ม.ค. 2023 เวลา 08:44 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จักวาลการเงินของเราเป็นอย่างไรกันบ้างในสัปดาห์ที่ผ่านมาไปติดตามกันครับ

ตลาดการเงินในช่วงปี 2023 ถือว่าเปิดตัวได้อย่างโดดเด่น สินทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี
โดดเด่นที่สุดคือตลาดคริบโท นำโดย Bitcoin และ Ethereum ที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 26-29%ในเวลาเพียงสองสัปดาห์ ตามมาด้วยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (MSCI ACWI Consumer Discretionary) และหุ้นขนาดเล็กในสหรัฐ (Russell 2000) ที่ฟื้นตัวขึ้นราว 7-9% สวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับตัวลง 1.2% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก
ผมแบ่งธีมที่ขับเคลื่อนตลาดช่วงนี้ออกเป็น 3 ธีมหลักได้แก่ Fed Easing vs. Rest of the World Tightening, US Soft-landing และ China Restart และนักลงทุนควรตั้งคำถามว่าทั้งสามธีมนี้ มีเหตุผลที่เหมาะสมหรือไม่ ส่งผลอย่างไรกับตลาด และจะยืนระยะต่อไปในปี 2023 ได้นานแค่ไหน
China Restart เป็นธีมที่ใหม่ที่สุด
เพราะเริ่มเกิดขึ้นหลังจากที่ทางการจีนผ่อนคลายมาตราการ Zero-Covid เร็วกว่าคาด ผมมองว่าเป็นธีมที่ส่งผลบวกกับการลงทุนในเอเชียชัดเจน แต่ต้องจับตาในแง่ความต่อเนื่อง
ยอดค้าปลีกในจีนหดตัวในช่วงปลายปี 2022 ที่มา Bloomberg
หลังจากนี้ เราควรจะได้เห็นการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจีน กำลังซื้อที่ฟื้นตัว แต่ด้วยความที่เป็น Policy Driven Theme ความเสี่ยงหลักของการลงทุน คือตลาดมักรับข่าวทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ธีมนี้อาจเปลี่ยนบาบาทจาก P/E Expansion เป็น Earning Improvement ในระยะกลาง
US Soft-Landing เป็นธีมที่มีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้น
เหตุผลสนับสนุนอยู่ที่ตลาดแรงงานสหรัฐที่แทบไม่ชะลอตัวลง สวนทางกับเงินเฟ้อกลับตัวอย่างมีนัย จนตลาดมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจไม่เกิดขึ้นมากอย่างที่เคยกังวล ความเสี่ยงที่เหลืออยู่ คือการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรม และมุมมองตลาด
ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยหรือ Soft-Landing ได้จริง ผมเชื่อว่าการลงทุนในตราสารหนี้กลุ่ม High Yield จะได้รับความสนใจมาก เพราะผลตอบแทนสูงแต่โอกาสผิดนัดชำระหนี้ต่ำลง อย่างไรก็ดี เมื่อเศรษฐกิจไม่มีปัญหา การลดดอกเบี้ยทันทีก็อาจไม่มีความจำเป็นด้วย ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลที่ลดลงมากช่วงนี้อาจปรับตัวสูงขึ้นได้
1
นักลงทุนจึงสามารถใช้บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10ปีเป็น Leading Indicator ได้ถ้าเริ่มหยุดลงและปรับตัวขึ้น ธีมนี้ก็อาจยืนระยะและกลายเป็นธีมหลักของตลาด
เศรษฐกิสหรัฐสร้าง Surprise เชิงบวกและอาจไม่ถดถอย ที่มา Bloomberg
Fed Easing vs. Rest of the World Tightening คือธีมที่ส่งผลกับตลาดการเงินมากที่สุด
แต่เหตุผลสนับสนุนดูจะนำหน้าตัวเลขเศรษฐกิจ และท่าทีของผู้กำหนดนโยบายมากไปเสียหน่อย
โดยมุมมองตลาดตอนนี้คือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยไปจบที่ระดับ 5.00% ในช่วงเดือนพฤษภาคม หลังจากนั้นก็ลดดอกเบี้ยหนึ่งครั้งในช่วงเดือนธันวาคม ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะขึ้นดอกเบี้ยไปแตะ 3.25% ในเดือนมิถุนายนหลังจากนั้นจะคงดอกเบี้ยต่อเนื่อง ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) จะสามารถขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก (Policy Balance Rate) จากระดับ -0.10% ตอนนี้ไปที่ 0.25% ในช่วงปลายปี ทั้งหมดทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า ยูโรและเยนญี่ปุ่นแข็ง
อย่างไรก็ดี ธีมนี้แตกต่างจากสองธีมแรก คือไม่มีทั้งตัวเลขเศรษฐกิจ หรือมุมมองของผู้กำหนดนโยบายสนับสนุน ทำให้ผมมองว่าโอกาสที่ธีมนี้จะได้ไปต่อตลอดปีมีน้อย และระยะสั้นมีโอกาสกลับตัว
การลงทุนสาย Growth อาจฟื้นตัวอย่างโดดเด่นจากธีมนี้ แต่ถ้าอนาคตของธีมไม่แน่นอน นักลงทุนอาจเลือกขายทำกำไร กลับมาเน้นลงทุนในกลุ่ม Value ที่มีระดับราคาไม่แพง รอดูทิศทางเศรษฐกิจ และมุมมองของธนาคารกลางหลักต่าง ๆ ก่อน
เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าแรงกว่าการปรับลดลงของยีลด์สหรัฐเทียบญี่ปุ่น ที่มา Bloomberg
สำหรับสัปดาห์ที่ 16-20 มกราคม 2023
ตลาดการเงินจะเริ่มต้นด้วยการประชุม World Economic Forum ที่กรุง Davos เนื้อหาการประชุมส่วนใหญ่ยังคงเป็นเรื่องการรับมือกับวิกฤติสภาวะอากาศ ไม่น่ามีผลกระทบกับตลาดการเงินมาก
ความเสี่ยงในมุมมองของ WEF ที่มา Bloomberg
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจอยู่ในฝั่งเอเชีย ที่จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนช่วงปลายปีในวันที่ 17 อย่างไรก็ดี รายงานนี้อาจยังเป็นลบมากกว่าบวก เพราะเป็นไตรมาสที่ 4 ที่มีนโยบาย Zero-Covid อยู่ โดยตลาดคาดว่า China GDP จะเติบโตเพียง 1.6%y/y คิดเป็นการหดตัว 1.2%q/q ส่งผลให้ทั้งปี 2022 เศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 2.7%
ฝั่งสหรัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตาคือการงานยอดค้าปลีก (US Retail Sales Advance) ในวันที่ 18 ที่คาดว่าจะหดตัว 0.9%m/m และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ (Initial Jobless Claims) ที่คาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 2.14 แสนตำแหน่งจากสับดาห์ก่อนที่ 2.05 แสนตำแหน่ง ภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนี้อาจกดดันการลงทุนธีม US Soft-Landing เช่น US Small-cap Equity หรือ High Yield Debt
ส่วนฝั่งนโยบายการเงิน BoJ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 18 คาดว่าจะ "คงนโยบายการเงิน" ทั้งหมดไว้ตามเดิม จุดที่น่าจับตาคือมุมมองของ BoJ ต่อเงินเยนที่แข็งค่าเร็ว อาจเป็นประเด็นที่ทำให้ทางการญี่ปุ่น ไม่ต้องกังวลเรื่องเสถียรภาพหรือเงินเฟ้อ และอาจไม่ต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยอย่างที่ธีม Rest of the World Tightening หวัง
ผมชื่อทุกท่านคงอยากเห็นสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ อย่างไรก็ดี ต้องระลึกไว้เสมอว่าการฟื้นตัวจะเกิดขึ้นอย่างมั่นคงได้ ต้องมีพื้นฐานและเหตุผลสนับสนุนที่มากกว่าแค่ความหวังนะครับ
โฆษณา