16 ม.ค. 2023 เวลา 12:24 • ธุรกิจ

บททดสอบการฝึกจิตวิญญานของผู้ประกอบการยุคใหม่

คุณครูผู้สอนคลาส Intro To Business หรือวิชาเริ่มทำธุรกิจในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเคยเล่าไว้ว่า แบบฝึกหัดหนึ่งในการให้นักเรียนทำความเข้าใจผู้ประกอบการนั้น ครูให้นักเรียนได้ลองไปทำรายงานโดยการไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบการ SME แล้วกลับมาเล่าให้ฟังว่าได้ความรู้อะไรกลับมาบ้าง ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการก็จะเล่าว่าบริษัททำอะไร ขายอะไร ทำการตลาดยังไง แต่ความรู้ที่สำคัญที่สุดที่เวลานักเรียนกลับมาแชร์กันนั้นมีความน่าสนใจมาก
เพราะผู้ประกอบการแทบทุกคนจะบอกเด็กๆว่า หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ความเก่งด้าน Excel ทำบัญชีเป็น หรือรู้เรื่องภาษี ฯลฯ แต่อยู่ที่คาแรกเตอร์ของคน ความอยากที่จะทำ มี Passion ในสิ่งทีทำ มีความมุ่งมั่น และมี GRIT เป็นคุณลักษณะที่ทุกคนพูดเหมือนกัน
ในหนังสือของคุณ Angela Duckworth อันโด่งดังที่มีชื่อเดียวกันนั้น อธิบายว่าจากที่เธอเคยทำวิจัยคนที่ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพต่างๆ จะมีลักษณะเด่นเหมือนกันก็คือมีนิสัยที่เรียกว่า GRIT ที่มาจากสองลักษณะประกอบกัน คือ Passion และ Perseverance คือมีความหลงใหล หมกมุ่นหัวปักหัวปำ และมีความอึด อดทน ไม่ย่อท้อ ล้มก็ลุกขึ้นใหม่ เป็นคุณลักษณะที่สำคัญในทุกเรื่องที่คนประสบความสำเร็จจะมี รวมถึงการเป็นผู้ประกอบการที่ดีด้วย
1
คุณครูคนนี้เลยคิดถึงวิธีการที่จะสอน GRIT ให้นักเรียนได้อย่างไร จะให้อ่านหนังสือ ไปฟังสัมมนา อ่านไปก็คงยากที่จะปลูกฝัง GRIT ให้นักเรียนได้ เหมือนการขี่จักรยาน อ่านแต่วิธีการขี่ให้ถูกต้องอย่างไรก็ไม่สามารถขี่ได้ ถ้าไม่ลองขี่จริงๆดู แล้วจะสอนทักษะที่สำคัญอย่าง GRIT ทักษะที่จะสู้ไม่ถอย (Resilience) ในยามที่มีแต่อุปสรรคได้อย่างไร
2
คุณครูคนนี้เลยเปิดสอนคลาสพิเศษขึ้นมา คลาสนี้โจทย์ง่ายและไม่ซับซ้อน เป็นคลาสที่สอนทักษะสำคัญในการเป็นผู้ประกอบการในการทำธุรกิจผ่านการวิ่ง และการสอบไล่ก็ง่ายๆแค่ว่า ภายใน 22 อาทิตย์ที่เรียนคลาสนี้ การสอบคือต้องวิ่งมาราธอนให้ได้…
คุณครูมั่นใจว่า การผ่านมาราธอนได้นั้น นักเรียนจะได้ฝึกฝนและเรียนรู้ทักษะที่สำคัญ สร้างคุณลักษณะที่ผู้ประกอบการทุกคนบอกได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้า ความอดทน ความมุ่งมั่น การเรียนรู้จากความล้มเหลวและ GRIT ที่จุด Start ของงานมาราธอนนั้น ไม่ว่าจะเป็น CEO หรือภารโรง ถ้าไม่ได้ลงแรง ไม่ได้ฝึกมา ไม่ได้มีทักษะชีวิตที่จำเป็น ก็ไม่มีทางจบมาราธอนได้
5
การเรียนการสอบก็ตรงไปตรงมา ทำยังไงก็ได้ให้จบมาราธอน 42.185 กิโลภายในเวลา 7 ชั่วโมง นักเรียนรุ่นแรกๆมีหลากหลาย ตั้งแต่แม่เลี้ยงเดี่ยวอายุ 19 จนถึงผู้บริหารอายุ 60 การเรียนการสอนก็มีแค่นักเรียนฝึกเองสามวันต่ออาทิตย์ วันเสาร์ก็มาเจอรวมๆกันครั้งนึง วิ่งยาวๆด้วยกัน และวันจันทร์มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
3
ในวันที่พูดคุยแลกเปลี่ยน ก็คุยกันอยู่สามเรื่อง คุยถึงวิธีการกิน อาหาร การเทรน และเรื่องวินัย คุยกันว่า วินัยที่เรียนรู้จากการฝึกวิ่งมาราธอนนั้นจะเอามาใช้กับชีวิตหรือธุรกิจอย่างไร การที่มีเป้าใหญ่ๆที่น่ากลัว ดูแล้วไม่น่าจะทำได้ แล้วเอามาย่อยเป็นเป้าเล็กๆ ค่อยๆไปนั้น มีพัฒนาการอย่างไร
1
คุณครูตั้งคำถามคล้ายๆกับการพยายามกินช้างทั้งตัวนั้น ช้างเป็นเป้าหมายที่ใหญ่จนนึกไม่ออก แต่มีวิธีเดียวที่จะกินช้างทั้งตัวได้ก็คือ การกินทีละคำ
มีนักเรียนคนหนึ่งในคลาสที่ต้องเรียนเต็มเวลา ต้องเทรนมาราธอน แล้วกำลังจะเปิดร้านทำผมตามความฝัน ตอนนักเรียนคนนี้มาเล่าในคลาส เธอบอกว่าการเปิดร้านไม่ต่างจากมาราธอนเลย เพราะมีเป้าที่ใหญ่และยากมาก ตอนจะเปิดก็มีแต่อุปสรรค กองแช่งก็บอกให้เลิกเถอะ ทำไม่ได้หรอก ธนาคารก็ไม่ให้กู้ ต้องดิ้นรนหมุนเงินเอง เริ่มเปิดก็โดนเทศกิจมากวนมาแกล้ง แต่เธอให้วิธีคิดแบบเทรนมาราธอน คือ เอาปัญหาใหญ่มาเบรกเป็นชิ้นเล็กๆ แก้ทีละอย่าง เหมือนกินช้างทีละคำ จนผ่านมาได้
ครูเล่าอีกว่า มาราธอนสอนหัวใจการทำธุรกิจอีกอย่างก็คือ ความสม่ำเสมอ การมีวินัยในการกินดี นอนเป็นเวลา ออกกำลัง ไม่ใช่แค่ทำวันเดียว ไม่ใช่ทำเฉพาะวันที่อากาศดี ไม่ใช่ทำวันที่มีอารมณ์อยากออกกำลัง แต่ต้องทำทุกวันแม้แต่วันที่ไม่อยากออก วันที่อากาศไม่ดี หรือวันที่ขี้เกียจสุดๆ เป็นวิธีเดียวที่จะเอาชนะเป้าหมายใหญ่ๆ ได้
it’s not about doing the occasional big things, it’s about doing the consistent small things
คุณครูบอกกับนักเรียน
1
มีนักเรียนอายุในวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง มีอาชีพเป็นที่ปรึกษาแนะแนว เคยผ่าสะโพกเมื่อเก้าปีก่อน ออกกำลังไม่ค่อยได้ เลยปล่อยตัวจนอ้วนและอ่อนแอ แต่กล้ามาลองลงคลาสนี้ อยากทำอะไรเพื่อให้แม่ที่เสียไปแล้ว เธอรู้ว่าตัวเองมีข้อจำกัดทางการภาพมาก มีเวลาแค่ 22 อาทิตย์และต้องวิ่ง 42 กิโลภายใน 7 ชั่วโมง แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่ใจใหญ่กว่าร่างกาย เธอมาซ้อมแบบช้าๆ เดินสองนาที วิ่งเหยาๆสองนาที ทำซ้ำๆ ช้าๆ ไปเรื่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
22 อาทิตย์ผ่านไป วันที่เธอต้องวิ่งจริง เธอก็ทำได้ในเวลา 6 ชั่วโมง 48 นาที และน้ำหนักลดไปเกือบยี่สิบกี่โล…
คุณครูเล่าว่า เวลาที่ครูชอบที่สุดคืออาทิตย์ที่ห้าหลังจากเริ่มซ้อมไปซักพัก เพราะนักเรียนจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆจากการที่กินดีกินถูก นอนเป็นเวลา ออกกำลัง ร่างกายดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความมั่นใจ กลายเป็นนิสัยที่จะพุ่งชนเป้าใหม่ๆทุกอาทิตย์
3
ในอาทิตย์ที่ห้านั้น จะเริ่มมีนักเรียนคิดต่อไปแล้วว่า ถ้าวิ่งมาราธอนได้ ก็น่าจะเรียน Algebra ได้ ถ้าวิ่งมาราธอนได้ ก็น่าจะเรียนจบปริญญาตรีได้ ถ้าวิ่งมาราธอนได้ก็น่าจะเปิดร้านทำผมได้
2
คุณครูสรุปบทเรียนจากคลาสมาราธอนนี้ไว้ว่า เรามักจะชอบตั้งเป้าแล้วไปลุ้นว่าเราจะถึงเป้าหมายได้โดยพึ่งดวงหรือโชค แต่การผ่านมาราธอนนั้น จะทำให้เรามีคุณลักษณะที่เราจะไม่ต้องขึ้นกับ Chance แต่เป็น Choice ที่เราเลือกเองได้
มาราธอนเป็นหลักสูตรชีวิต คุณครูจบไว้ในการบรรยายแบบนั้น..
2
ผมอ่านต้นเรื่องนี้จากหนังสือของนิ้วกลม แล้วเลยไปหาฟังเอาต่อใน Ted Talk เป็นเรื่องราวของคุณครู Andrew Johnston ที่ Community College แห่งหนึ่งใน Denver เนื่องจากผมยังไม่เคยวิ่งมาราธอนแต่วิ่งฮาล์ฟบ้างมินิบ้าง ก็เห็นประโยชน์ตรงกับที่คุณ Andrew บอก แต่ในเป้าที่ง่ายกว่า
เลยอยากสรุปมาให้กับพนักงานบริษัทคล้ายๆผม ที่อาจจะเริ่มคิดเป็นผู้ประกอบการกะเขาไม่ว่าจะโดยสมัครใจหรือโดนผลจากโควิด จะได้ซักซ้อมคุณลักษณะในการเอาตัวรอดเมื่อจำเป็นต้องลงสนามจริงๆในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเรียนรู้ผ่านการวิ่งเป้าหมายยักษ์เหมือนคุณครูแอนดรูว์เคยสอนไว้ อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นมาราธอนอาจจะมินิหรือฮาล์ฟก็อาจจะพอเข้าใจหลักการได้ไม่มากก็น้อย
22 อาทิตย์ สำหรับการลองเรียนวิชา การเข้าถึงวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการที่ดี น่าลองอยู่เหมือนกันสำหรับผู้ที่สนใจจะทำธุรกิจเองนะครับ...
โฆษณา