17 ม.ค. 2023 เวลา 11:19 • ประวัติศาสตร์

เมื่อเสือกินคน

  • เสือเบงกอล
เสือเบงกอล เป็นเสือที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ใน อินเดีย บังกลาเทศ ภูฏาน เนปาล มีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 120-300 กิโลกรัม มีความยาวช่วงลำตัวระหว่าง 2-3 เมตร เขี้ยวหน้ายาว 3-4นิ้ว พร้อมกรงเล็บที่แหลมคม ด้วยร่างกายใหญ่โตเต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อบวกกับเขี้ยวเล็บอันแหลมคมทำให้เสือเบงกอลคือนักล่าที่น่ากลัวแห่งพงไพร
ด้วยขนาดของมันทำให้มนุษย์ดูตัวเล็กไปเลย photo:Quora
เมื่อมันเห็นเหยื่อ มันเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบไปยังเป้าหมาย เมื่อเข้าระยะสังหารมันกระโจนขย้ำเหยื่ออันเคราะห์ร้ายอย่างรวดเร็วและกัดที่ต้นคอเพื่อปลิดชีพ แยกร่างเหยื่อออกเป็นชิ้นๆด้วยกรงเล็บอันแหลมคม และลากขึ้นไปกินบนต้นไหม้
เหตุการณ์เสือล่ามนุษย์เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศเนปาล และประเทศอินเดียเมื่อ123ปีที่แล้ว เสือตัวนั้นเป็นเสือตัวเมียชื่อ ‘’จำปาวัฒน์(Champawat)’’ มันออกล่ามนุษย์ทั้งในเนปาลและอินเดียและเลือกเฉพาะเด็กและผู้หญิงเพราะเป็นเป้าหมายที่ง่ายต่อการฆ่า
  • จุดเริ่มต้นของความน่าสะพรึงกลัว
ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ.1900 ณ ประเทศเนปาล ได้มีรายงานว่ามีการพบศพชาวบ้านที่ออกไปหาของป่าในหมู่บ้านแถบตะวันตกของเนปาล ตามตัวของศพมีร่องรอยของเสืออยู่ และหลังจากนั้นมาตลอด3ปี มันก็ออกล่าเหยื่อแถบนั้นอยู่เรื่อยๆจนชาวบ้านหวาดผวา กองทัพเนปาลจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้วยการปูพรมไล่ล่าเจ้าเสื้อร้ายตัวนี้ แต่มันไหวตัวทันและหนีไปอินเดีย มันได้สังหารชาวบ้านไปทั้งหมด 200ศพ
ในอินเดีย เจ้าเสือร้ายจำปาวัฒน์ก็ออกล่าเหยื่ออีกครั้ง ด้วยประสบการณ์ที่มันสั่งสมมาจากการล่าในเนปาลทำให้มันน่ากลัวมากยิ่งขึ้น มันออกล่าในตอนกลางวัน เพราะผู้คนสมัยนั้นเชื่อว่าเสือจะออกล่าตอนกลางคืน ทำให้ผู้คนเข้าป่าไปหาฟืนหาของป่า
เสือร้ายใช้ความเข้าใจผิดนี้ให้เป็นโอกาสในการล่าเหยื่อของมัน เพราะมีผู้คนเข้าป่าอย่างมากมาย นอกจากนี้มันยังใช้วิธีการเปลี่ยนสถานที่ในการล่าในวันเดียวกันเพื่อทำให้ผู้คนสับสน มันจะสังหารเหยื่ออีกที่หนึ่งและจะวิ่งไปอีกที่หนึ่งที่ห่างกันประมาณ30กิโลเมตรภายในวันเดียวกัน และใช้ตำบล ‘’จำปาวัฒน์’’ในรัฐอุตราขันฑ์เป็นศูนย์กลางในการออกล่า ซึ่งเป็นที่ๆมันได้ชื่อนี้มา มันออกล่าแบบนี้อยู่นานถึง 4ปี จนกระทั่งปี ค.ศ.1907 วาระสุดท้ายของมันก็ได้มาถึง
  • นักล่าเจอกับนักล่า
จิม คอร์เบ็ตต์(Jim Corbett) เป็นชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในอินเดีย พ่อของเขาย้ายมาอินเดียและตั้งรกรากที่นี่ทำให้เขาเกิดและเติบโตที่อินเดีย เขามักเข้าป่ากับชนพื้นเมืองตั้งแต่เด็กทำให้เขาชำนาญพืนป่าเป็นอย่างยิ่ง เขาล่าเสือดาวตัวแรกได้เมื่ออายุเพียง12ปีเท่านั้น ในปี ค.ศ.1907 ได้มีเจ้าหน้าที่อังกฤษมาติดต่อขอให้เขาไปจัดการกับเสือร้ายที่ออกอาละวาดฆ่าชาวบ้านสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนมานานนับปี
จิม คอร์เบ็ตต์ photo:Wikipedia
เขาตกลงรับงานนี้และไม่คิดเงินสักแดงเดียวแต่มีข้อแม้คือเขาจะออกล่าคนเดียวพร้อมกับสุนัขของเขา เมื่อเขาไปถึงรัฐอุตราขันฑ์ ได้มีรายงานว่ามีหญิงสาวถูกเสือฆ่า ร่างของหญิงสาวขาดแหว่งเหลือเพียงครึ่งตัวพร้อมกับเลือดที่ไหลนองไปทั่วพื้น เมื่อเขากำลังสำรวจพื้นที่เกิดเหตุเขาเกือบพลาดท่าให้กับเสื้อร้ายตัวนี้แต่เขาใช้ปืนยิงขู่ให้มันหนีไป
จิมเริ่มปฏิบัติการออกล่ามัน เขาขอให้ชาวบ้านช่วยกันโห่ร้องตีกลองเสียงดังพร้อมกับยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อล่อให้เสือออกมาจากถ้ำ ซึ่งจิมซุ่มรอคอยมันอยู่พร้อมกับปืนไรเฟิล เมื่อเสือร้ายวิ่งออกมาเขายิงแสกหน้ามันเข้าไปแต่พลาดเป้า
จิมที่กระสุนปืนหมดตอนนี้จึงวิ่งพรวดไปเอาปืนของชาวบ้านและวิ่งกลับมาเพชิญหน้ากับเสือร้ายที่ตอนนี้อย่างห่างจากเขาไปเพียงแค่ 6เมตรเท่านั้น เสือร้ายเมื่อเห็นจิมก็พุ่งกระโจนเข้าหาด้วยความโกรธ
จิมชักปืนขึ้นลั่นไกปืนเปลี้ยงกระสุนทะลุเข้าร่างของเสือร้ายล้มลง เป็นการปิดฉากการฆ่ามนุษย์ของเสือร้ายแห่งจำปาวัฒน์ไว้เพียงเท่านี้ จิม คอร์เบ็ตต์ เองหลังจากที่เขาล่าเสือร้ายจำปาวัฒน์แล้ว เขาก็ออกล่าเสือกินคนอีกหลายๆตัวเป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งเขาเห็นว่าจำนวนของเสือลดลงอย่างน่าใจหาย เขาจึงทิ้งอาชีพล่าสัตว์และออกมาเป็นนักอนุรักษ์สัตว์ป่า จนได้รับเกียรตินำชื่อไปตั้งเป็นชื่ออุทยานแห่งชาติชื่อจิม คอร์เบ็ตต์ในรัฐอุตราขันฑ์ และเขาเสียชีวิตในเคนยา ปี ค.ศ.1955
เสือร้ายแห่งจำปาวัฒน์ได้ฆ่าคนไปทั้งสิ้น 436ศพ แบ่งเป็นการสังหารในเนปาล 200ศพ และในอินเดีย 236ศพ
หัวเสือจำปาวัฒน์ที่แสดงให้เห็นว่าเขี้ยวของมันหัก photo:Wikipedia
  • ต้นเหตุที่ของการล่ามนุษย์
สาเหตุที่เสือหันมาทำร้ายมนุษย์เพราะว่ามันไม่สามารถล่ากวาง หรือสัตว์ป่าได้อีกต่อไปอาจจะด้วยความชรา ความเจ็บป่วย ทำให้กำลังของพวกมันลดลง อย่างเช่นเสือร้ายแห่งจำปาวัฒน์เองก็มีเขี้ยวหน้าที่หักและมีบาดแผลจากการถูกยิงมาก่อน
อังกฤษในยุคนั้นได้ถางป่าเพื่อนำที่ไปทำที่ดินเพาะปลูกทำให้ผืนป่าเริ่มลดลงเรื่อยๆ และเมื่อผืนป่าลดลงสัตว์ป่าก็เริ่มลดลง ทำให้เสือไม่มีอาหารที่เพียงพอจนต้องออกมาล่ามนุษย์กิน
เสือเบงกอลได้สังหารมนุษย์ไปราว 7000คนภายในระยะเวลา5ปี ในช่วงปี ค.ศ.1930-35 หรือราวๆปีละ 1000 กว่าคน ทำให้เกิดการล่าเสือขึ้นในอินเดียจนทำให้จำนวนเสือลดฮวบ
*References*
> Kyle Glatz, The Man-Eating Tiger that Killed 436 People, May 5, 2022,AZ Animals:
> Chris Erikson, How a lone Irishman killed a terrifying, people-eating tiger, February 2, 2019,Nypost:
> R. RAJ RAO, ‘No Beast So Fierce: The Champawat Tiger and Her Hunter, the First Tiger Conservationist’ by Dane Huckelbridge: In the forests of the night, May 11, 2019,The Hindu:
> Engrid Barnett, THE TIGER QUEEN: THE STORY OF THE CHAMPAWAT TIGER, APRIL 21, 2020,Riplay’s:
>Bobins Abraham, The Story Of Champawat Maneater, An Injured Tigress That Went On To Kill At Least 436 Humans ,on Jul 26, 2022,İndia Time:
โฆษณา