Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เหล็กไม่เอาถ่าน
•
ติดตาม
18 ม.ค. 2023 เวลา 05:28 • ความคิดเห็น
“DNA”
ทุกวันนี้ผมกับพ่อส่วนใหญ่เราจะเจอกันในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่ผมจะเข้าไปดูร้านแก๊ส กิจการที่พ่อบุกเบิกและทำมาตั้งแต่ผมยังเด็ก
นอกจากรูปร่าง หน้าตา และฟันล่างคู่หน้าที่เกซ้อนกันเหมือนกับพ่อแล้วอย่างอื่นผมกับพ่อแตกต่างกันมาก
นิสัย และทัศนคติ เราแทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนกัน เรามองโลกคนละแบบ
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพ่อรับราชการทหารมาเกินครึ่งชีวิต คำสั่งที่พ่อบอกจึงถือเป็นสิ่งที่เด็ดขาดและไม่ควรถกเถียงให้มากความ
ในขณะที่ผมแม้จะดื้อและหัวรั้นแต่หากมีคนมาแย้งในสิ่งที่ผมคิดด้วยเหตุและผล แน่นอนผมหยุดและรับฟัง
เมื่อตอนยังเด็ก ผมพยายามหาคำตอบอยู่หลายครั้งว่าทำไมผมกับพ่อถึงต่างกันเหลือเกิน เหตุผลอย่างหนึ่งที่ผมคิดได้คือ มันอาจเป็นเรื่องของยุคสมัย รวมถึงประสบการณ์ที่พ่อผ่านมา
พ่อเกิดในครอบครัวชาวนาเป็นครอบครัวใหญ่แถวทุ่งรังสิต พอพ่อโตขึ้นมาหน่อย
ปู่และย่าก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งถิ่นฐานอยู่แถวสายไหมและเปลี่ยนอาชีพเป็นค้าขาย
1
พ่อเป็นลูกคนชายคนที่ 3 ของบ้าน มีพี่ชาย 2 คน น้องชาย 3 คน และน้องสาวอีก 2 คน ด้วยความที่เป็นครอบครัวใหญ่มีลูกเยอะ และเป็นพี่ของน้อง ๆ อีก 5 คน
ชีวิตวัยเด็กๆ ของพ่อเลยไม่สบายนักเนื่องจากต้องช่วยดูแลน้อง ๆ ช่วยที่บ้านทำงาน รวมถึงหารายได้เพิ่มเติมด้วยการเอาไอศกรีมแท่งใส่ถังน้ำพลาสติกอันเล็ก ๆ เดินขายแถวๆบ้านเพื่อหารายได้ ซึ่งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พ่อรู้ว่าชอบค้าขาย
แต่พอโตหลังจากจบมัธยม พ่อไม่ได้ทำเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบแต่เลือกที่จะสมัครเข้าโรงเรียนทหาร เนื่องจากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องการเรียนให้กับที่บ้านรวมถึงเพื่อความมั่นคงของอาชีพ
หลังจากผมเกิดพ่อทำงานหนักมากขึ้น นอกจากรับราชการแล้ว กลางคืนพ่อไปขับรถแท็กซี่รับส่งผู้โดยสารที่สนามบินดอนเมือง เช้ามืดยังขับรถรับจ้างส่งแม่ค้าที่ตลาดสะพานใหม่จากนั้นจึงอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานในกองทัพอากาศ
พ่อทำแบบนี้ทุกวัน จนเก็บเงินได้มากพอที่จะเปิดร้านแก๊สเล็ก ๆ อาจเป็นเพราะที่บ้านปู่และย่าขายถ่านมาก่อน และเห็นว่ามีคนใช้ถ่านน้อยลงทุกวัน พ่อจึงมองเห็นโอกาส แต่กว่าร้านจะตั้งหลักได้ก็นานพอสมควร ระหว่างนั้นพ่อต้องรับข้าวและน้ำมาขายไปด้วย
เนื่องจากตอนนั้นคนใช้แก๊สยังมีไม่มากและยังไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างลูกจ้าง และทำให้บางครั้งเด็กอายุ 6 ขวบอย่างผมบางครั้งก็ต้องนำถังแก๊สใส่รถเข็นเข็นไปส่งลูกค้าเอง
แม้กระทั่งเวลาผ่านไปร้านแก๊สเริ่มมั่นคงมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นจนสามารถจ้างคนงานได้ แต่พ่อยังคงไม่ลาออกจากราชการทหาร พ่อยังคงทำงานหนักเหมือนเดิมพ่อจะทำงานแทบตลอดเวลาและชอบให้ลูกทำงานด้วย ตอนเด็กผมจึงไม่ค่อยได้เล่นมากนัก เนื่องจากต้องช่วยเฝ้าร้านหลังเลิกเรียนและวันหยุด
ผมไม่แน่ใจว่าการที่พ่อทำงานหนักจะส่งผลให้พ่อหงุดหงิดและโมโหง่ายหรือเปล่า การหงุดหงิดและโมโหง่ายของพ่อยังทำให้ที่บ้านผมขาดเสียงทะเลาะ ไม่ว่าจะเสียงทะเลาะกันระหว่างพ่อกับแม่ หรือ พ่อกับพี่น้องคนอื่น ๆ ของผม
ผมมักโดนพ่อดุบ่อยๆ เช่นกันเวลาอ่านหนังสือตอนที่ช่วยเฝ้าร้าน จนบางครั้งผมก็อดสงสัยเหมือนกันว่าทำไมผมไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ได้วิ่งเล่น อ่านการ์ตูน หรือ ไปเที่ยวในวันหยุด
เสียงทะเลาะภายในบ้านที่เกิดขึ้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อผม ผมกลายเป็นเด็กเงียบๆ ในห้องเรียน ค่อนข้างปลีกตัว เพราะเบื่อที่จะฟังเสียงคนทะเลาะกัน ไม่ชอบเสียงดังและความวุ่นวาย
หนังสือกับเสียงเพลงกลายมาเป็นความสุขของผมที่ทำให้หลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่ไม่วุ่นวายและเต็มไปด้วยความสุข เมื่อถึงเวลากลับสู่โลกแห่งความจริง แม้จะหลีกหนีเสียงทะเลาะภายในครอบครัวไม่ได้ แต่ผมก็ปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่า เมื่อโตขึ้นสิ่งใดที่ผมไม่ชอบผมจะไม่ทำสิ่งนั้นกับคนอื่น
และเส้นทางที่ผมเดินก็แตกต่างจากพ่อและทุกคนในบ้าน ผมไม่ได้เลือกอาชีพค้าขายอย่างที่พ่อชอบและไม่ได้เลือกเป็นทหารอย่างที่พ่อเคยเป็นแต่เลือกอาชีพที่ตรงข้ามกับอาชีพพ่อเคยทำ
ไม่ใช่ว่าเป็นผู้ก่อการร้ายนะครับ แต่ผมเลือกทำงานในสายวิจัย ซึ่งเป็นงานที่เปิดกว้างด้านความคิด ผมมีหัวหน้าไม่กี่คน ส่วนใหญ่เราจะมีแต่เพื่อนร่วมงาน งานใหม่ๆที่เข้ามาบางครั้งก็สนุกตรงที่การได้ ถกเถียงกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น !!
บ่อยครั้งที่ผมเถียงกับหัวหน้าและคนอื่น ๆ เราเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียดและจริงจัง แต่ทุกอย่างจบลงที่เหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นเมื่ออยู่ที่บ้าน
อย่างที่บอกไปแม้จะมีงานของตัวเองแต่ทุกวันอาทิตย์ผมยังคงไปช่วยพ่อที่ร้านแก๊ส ร้านแก๊สไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบนักแต่ก็กลายความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดและเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงผมกับพ่อเข้าไว้ด้วยกัน
อาจเป็นเพราะวันที่พ่อตัดสินใจบอกว่าจะลาออกจากราชการ และมาดูร้านแก๊สแต่เพียงอย่างเดียว คือหลังจากที่ผมเรียนจบและเพิ่งเข้าทำงานที่มั่นคงในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง
ผมเชื่อว่าพ่อก็เหนื่อยกับการทำงานหนัก เมื่อส่งผมถึงฝั่งจึงกล้าที่จะปลดภาระตัวเองลงบ้าง
ทุกวันนี้พ่อกับผมเราคุยกันมากขึ้น อาจเป็นเพราะแม้ผมจะหันหลังให้ทุกการกระทำของพ่อที่ผมไม่ชอบแต่ก็หันกลับมามองอยู่เรื่อย ๆ และพยายามเข้าใจพ่อให้มากขึ้นด้วยการใส่แฟคเตอร์ภาระและความสบายของครอบครัวเข้าไปอธิบายการกระทำของพ่อ และบางครั้งผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปช่วยงานและบรรยายให้กองทัพอากาศที่พ่อเคยทำงานอยู่
ก่อนบรรยายผมมักจะเข้าไปคุยกับพ่อเพื่อเก็บเรื่องราวและประสบการณ์ของพ่อไปส่งต่อ แม้พ่อจะชอบงานค้าขายมากกว่าแต่พ่อก็ดูมีความสุขเวลาเล่าเรื่องสมัยที่พ่อยังทำงานในกองทัพให้ฟังและนั้นก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่ผมเห็น
เรื่องของพ่อทำให้ผมรู้สึกว่า ความผูกพันทางสายเลือด อิทธิพลของพ่อแม่ต่อพฤติกรรมของลูกมีอยู่จริง
แต่ผมก็เชื่ออีกว่าคนเรามีทางเลือก
เราสามารถเลือกเก็บสิ่งที่ดีและทิ้งสิ่งที่เราไม่ชอบไว้ข้างหลัง เพื่อที่จะสร้างทางเดินของตัวเองได้
#เหล็กไม่เอาถ่าน
เรื่องเล่า
ข้อคิด
1 บันทึก
7
1
21
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Every day a good day
1
7
1
21
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย