ต้องขอบคุณดาวเทียม TESS(Transiting Exoplanet Survey Satellite) ที่ได้พบ TOI-700 e และจากชื่อของมัน(TOI-Tess Object of Interest) เป็นดาวเคราะห์ดวงที่สองที่พบในเขตเอื้ออาศัยได้ในระบบแห่งนี้ ร่วมกับ TOI-700 d ซึ่งถูกพบก่อนหน้านี้ในปี 2020 พร้อมกับเพื่อนบ้านของมัน TOI-700 b และ c Emily Gilbert นักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ จากห้องทดลองไอพ่นขับดัน(JPL) กล่าวว่า นี่เป็นหนึ่งในระบบเพียงไม่กี่แห่งที่มีดาวเคราะห์ขนาดเล็กหลายดวงในเขตเอื้ออาศัยได้ที่เรารู้จัก
ภาพจากศิลปินแสดง TOI-700 e พิภพขนาดใกล้เคียงกับโลกในเขตเอื้ออาศัยได้รอบดาวฤกษ์แม่ของมัน จะเห็นดาวเคราะห์เพื่อนบ้านอีกดวงที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลก TOI-700 d อยู่ไกลๆ
และสำหรับ TOI-700 e ซึ่งเชื่อว่ามีขนาด 95% ของโลกและเป็นหินซะส่วนใหญ่ อยู่ในเขตเอื้ออาศัยได้ส่วนที่อาจมีน้ำปรากฏอยู่บางช่วงเวลาความเป็นมาของดาวเคราะห์(optimistic habitable zone) ในขณะที่ TOI-700 d อยู่ในส่วนที่แคบกว่าของเขตเอื้ออาศัยได้นี้ ซึ่งนักดาราศาสตร์คิดว่าน่าจะมีน้ำในสภาพของเหลวอยู่เกือบตลอดความเป็นมาของดาวเคราะห์(conservative habitable zone)
ดาวเคราะห์ดวงในสุดในระบบ TOI-700 b มีขนาดราว 90% ของโลก และโคจรรอบดาวฤกษ์แม่ทุกๆ 10 วัน ส่วน TOI-700 c มีขนาด 2.5 เท่าโลก และโคจรครบรอบทุกๆ 16 วัน
TOI-700 e ใช้เวลา 28 วันเพื่อโคจรหนึ่งรอบ วงโคจรอยู่ระหว่างดาวเคราะห์ c และ d ในขณะที่ TOI-700 d ซึ่งอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย ใช้เวลา 37 วัน เนื่องจาก TOI-700 e มีขนาดเล็กกว่า TOI-700 d จึงต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากกว่าเพื่อยืนยันว่าเป็นสัญญาณจากดาวเคราะห์ใหม่จริงๆ
วงโคจรของดาวเคราะห์ในระบบ TOI-700
Ben Hord นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยมารีแลนด์ กล่าวว่า ถ้าดาวฤกษ์อยู่ใกล้กว่านี้อีกหน่อย หรือดาวเคราะห์มีขนาดใหญ่กว่านี้อีกหน่อย เราก็อาจจะได้พบ TOI-700 e ตั้งแต่ข้อมูลปีแรกจาก TESS แต่สัญญาณนี้แผ่วมากจนเราต้องใช้การสำรวจการผ่านหน้าอีกปีเพื่อจำแนกมัน
TOI-700 e และ d ต่างก็ถูกยึดจับด้วยแรงบีบฉีก(tidal locked) หรือพูดอีกอย่างก็คือ ด้านหนึ่ง์ของดาวเคราะห์จะหันเข้าหาดาวฤกษ์เสมอ ในแบบเดียวกับที่เราได้เห็นด้านเดิมๆ ของดวงจันทร์เมื่อมองจากโลก การมีซีกโลกด้านเดียวที่อาบแสงดาวอย่างคงที่จะลดความน่าจะเป็นที่จะมีสิ่งมีชีวิตเชิงซ้อนจะเริ่มอุบัติขึ้นอย่างราบรื่นไป