20 ม.ค. 2023 เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ตลาดทุนไทยกำลังเผชิญกับอะไร

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาตลาดทุนไทย กล่าวในงาน สัมมนา “Improving Thailand’s Capital Market and Efficiency” ในหัวข้อ ”ทิศทางเศรษฐกิจและตลาดทุน”
ตลาดทุนไทย กำลังอยู่ในจุดที่สำคัญที่เรากำลังเปลี่ยนผ่านสำคัญ ในอดีตประเทศไทยเคยเจอทางแยกสำคัญ
โดยในครั้งนั้นไทยเลือกที่จะไม่ผลิตรถยนต์เป็นของตัวเอง ทำให้สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาได้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งต่างจากมาเลเซียที่ได้มีบริษัทผลิตรถยนต์โปรตอน โฮลดิ้ง เป็นของตัวเอง จึงไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนได้มากนัก เพราะต้องปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ ซึ่งในปัจจุบันนี้ ไทยกำลังเจอทางแยกอีกครั้งและเราต้องเลือกให้ถูกว่าจะดำเนินไปในทิศทางไหน โดยมี 3 เทรนด์ ที่กำลังเกิดขึ้น ได้แก่
1. การเปิดกว้างของการลงทุน Opening
ในอดีตการเลือกลงทุนไม่เปิดกว้างนัก แต่ในปัจจุบันมีการเปิดกว้างของการลงทุนเพิ่มขึ้น นักลงทุนสามารถไปลงทุนในที่ต่างๆได้มากขึ้น ทั้ง Alternative asset อย่างเช่น Cryptocurrency ในปีที่ผ่านมาก็มีนักลงทุนเข้าไปเปิดบัญชีคลิปโทเป็นจำนวนมาก รวมถึงการเห็นโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่ของในตลาดทุนไทย หรือไปลงทุนในหุ้นคุณภาพของต่างประเทศ ก็เปิดกว้างที่นักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนได้ง่ายผ่านทาง application เป็นโอกาสที่เปิดกว้างของนักลงทุนอย่างยิ่ง
อีกทั้งในช่วงเวลาต่อจาก อาจจะเป็นโอกาสในการเริ่มเข้าลงทุนอีกครั้งเมื่อวิกฤตใกล้จบ จากปีที่แล้วที่มีผลตอบแทนการลงทุนลดลงไปมาก เมื่อหากวิกฤตใกล้จบ อาจจะเป็นโอกาสในการลงทุน อาจจะไม่ใช่ที่ราคาต่ำสุดเสมอไป แต่เป็นโอกาสจากที่อื่น ๆ ในโลก เห็นได้จากแนวโน้มการเกิดธุรกิจใหม่ ๆ ในต่างประเทศที่มีเพิ่มขึ้น
2. เทคโนโลยีเปลี่ยน : Data Driven
เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จึงทำให้บริษัทใหญ่ดั้งเดิม อาทิ บริษัทที่ทำธุรกิจอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ เหล็ก น้ำมัน หรืออาหาร มีความสามารถในการแข่งขันลดลง ถูกแทนที่ด้วยบริษัทที่เน้นเทคโนโลยี อย่างบริษัท Apple Amazon หรือ Tesla ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทระดับจากการขับเคลื่อนบริษัทด้วยเทคโนโลยี หากบริษัทอื่นไม่ปรับตัวตาม อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะแข่งขันในตลาดต่อไปได้ โดยหนึ่งในวิธีการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาธุรกิจมักเกิดเป็นรูปแบบบริษัท Start Up
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คือบริษัท Start Up ยังคงมีจำนวนน้อย ขณะที่ทั่วโลกเริ่มเกิดบริษัทลักษณะนี้เยอะขึ้น หากไทยยังดำเนินธุรกิจด้วยรูปแบบเก่า อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะแข่งขันกับที่อื่นได้ในระยะยาว
1
3. Asia Rising
นักธุรกิจมองว่าใน Asia มี 4 ประตูใหญ่ ได้แก่ จีน รัสเซีย อินเดีย อาเซียน โดยกำลังซื้อ 40-50% อยู่ใน Asia เห็นได้จากในปัจจุบันมีมหาเศรษฐีจำนวนมากเกิดขึ้นมาจากฝั่งเอเชีย นอกจากนี้ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เราต้องให้ความสำคัญ
ซึ่งเห็นได้จากการที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งเริ่มเอาอาจารย์ออกมาจากประเทศจีนซึ่งจะทำให้ภูมิภาค ASEAN มีความโดดเด่นขึ้นมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุน FDI ที่จะเลือกเข้ามาที่ ASEAN มากขึ้น เป็นสัญญาณว่าอนาคต ASIA จะกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเข้ามาลงทุน
อย่างไรก็ดี ไทยยังเป็นประเทศที่ FDI เข้ามาน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน หากเวียดนามกับไทยจะคิดเป็นสัดส่วน 3:1 หรือ Tesla เข้าที่อินโดนีเซีย สนามบินที่เวียดนามกำลังเกิดใหม่ เป็นต้น แต่ในอนาคตไทยอาจจะกลายเป็นเป็น Hub ของ Business ซึ่งส่วนหนึ่งเกดหลังจากที่รถไฟฟ้าใต้ดินดำเนินการเสร็จสมบูรณ์
โดยสรุป อนาคตตลาดทุนไทยมี 3 เป้าหมายที่สำคัญที่ต้องทำ เพื่อเตรียมความพร้อมและหาโอกาสสำหรับการเผชิญกับ Trends ที่กำลังจะเกิดขึ้น ได้แก่
  • 1.
    ทำอย่างไรเพื่อให้บริษัทแข่งขันในตลาดได้ กล่าวคือ ทำตัวให้เข็มแข็งและเป็นผู้นำในภูมิภาค
  • 2.
    ทำอย่างไรให้ตลาดทุนปกป้องทุกคนอย่างแท้จริง เพราะอนาคต ASIA จะเป็นแหล่งสินทรัพย์ที่สำคัญ ต้องทำให้คนอยากเข้ามาลงทุนที่ไทยแบบปลอดภัย และ
  • 3.
    หาทางให้ตลาดทุนลด work for all โดยทำให้ตลาดทุนเป็นคนของคนตัวเล็ก และให้ SMEs เข้าสู่ตลาดทุนได้ หากเราสามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ตลาดทุนไทยจะสามารถแข่งขันกับตลาดอื่นได้อ่างมีประสิทธิภาพ
1
ผู้เขียน : ธนัชญา ปิยวรไพบูลย์, Economics Data Analytics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶︎ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
โฆษณา