21 ม.ค. 2023 เวลา 04:03 • ประวัติศาสตร์

มาเกอรีต อัลลิแบร์ สตรีที่โลกไม่จดจำ

ท่ามกลางความร้อนแรงในทวิตเตอร์ ณ เวลานี้ ที่มีข่าวกำลังฮิตติดเทรนด์เรื่องเมแกนชายาของเจ้าชายแฮร์รี ที่ถูกกล่าวหาดัง ๆ ในโลกโซเชียลว่าอดีตเคยเป็น “สาวเรือยอร์ช - yacht girl” ที่ประกอบอาชีพสร้างความบันเทิงให้กับแขกชั้นสูงกระเป๋าหนักมาก่อน เมแกนถูกกล่าวหาว่า “เคยรับแขก” ขึ้นเรือยอร์ชเดินทางมาถึงภูเก็ตที่ไทยเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับเศรษฐีเจฟฟรีย์ เอ็บสตีน กับสหายระดับราชวงศ์ชั้นสูงของอังกฤษคือเจ้าชายแอนดรูว์ ผู้เป็นลุงและพ่อทูนหัวของเจ้าชายแฮร์รี
รายแรกถูกดำเนินคดีในข้อหาค้าประเวณีเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เลยชิงฆ่าตัวตายในคุก ส่วนรายหลังก็ถูกสาวอเมริกันฟ้องในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเธอตอนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จนต้องไปเคลียร์กันด้วยการจ่ายเงินก้อนมหาศาลเพื่อยุติคดีความ ส่วนข่าวลือที่กำลังร้อนแรงนี้จะจริงเท็จเช่นไรเวลาและหลักฐานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไป
พอเห็นข่าวลืออื้อฉาวของเมแกนเช่นนี้เลยอยากจะเล่าเรื่องเก่าในอดีตที่ไม่นานนมเท่าไหร่นัก ว่าเรื่องอะไรทำนองนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งก็เคยมีสมาชิกราชวงศ์ที่มีหญิงคู่ใจเป็นโสเภณีมาก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนอื่นไกล ก็คืออดีตกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ผู้สละบัลลังก์เพื่อความรักที่มีต่อวอลลิซ ซิมป์สัน นั่นเอง
แต่ก่อนจะมาเจอะกับวอลลิซ ซิมป์สัน อดีตกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ก็ผ่านสตรีมามากมาย แต่คู่รักชู้ชื่นคนแรกของพระองค์นั้นได้ประสบพบเจอกันในช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อครั้งพระองค์ยังดำรงพระยศเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ และไปได้สาวสวยโสเภณีชาวฝรั่งเศสมาครองคู่อยู่พักใหญ่
สตรีผู้นี้มีชื่อว่า มาเกอรีต อัลลิแบร์ ผู้มาก่อนวอลลิซ ซิมป์สัน แต่โลกกลับไม่จดจำเธอ ทั้ง ๆ ที่มีประวัติชีวิตที่โลดโผนมาก จากโสเภณีกลายมาเป็นคู่เชยว่าที่กษัตริย์อังกฤษ และกลายเป็นเจ้าหญิงเพราะแต่งงานกับเจ้าอียิปต์ และก็กลายเป็นฆาตกรสังหารสามีตนเอง
1
เกริ่นมายาวขนาดนี้ก็อย่ารีรอดีกว่า มาดูว่าสตรีผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไรและมาเกี่ยวพันกับคนชั้นสูงได้อย่างไร และสิ่งนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เตือนใจเราได้ ว่าไม่ว่าจะยากดีมีจนสูงต่ำดำขาวอย่างไร แต่ถ้าฝนตกขี้หมูไหลคนแบบไหนที่ศีลเสมอกันย่อมมาพบกันได้
มาเกอรีต โสเภณีชั้นสูง (Medium)
• โสเภณีฝรั่งเศส
มาเกอรีต มารี อัลลิแบร์ (Marguerite Marie Alibert) เป็นสาวฝรั่งเศส เกิดที่กรุงปารีสเมื่อปี 1890 พื้นเพมาจากครอบครัวยากจนมีพ่อเป็นคนขับรถม้าและมีแม่ทำงานเป็นสาวใช้ ทั้งคู่ทำงานให้กับคนร่ำรวยซึ่งต่างจากครอบครัวเธอราวฟ้ากับเหว สิ่งนี้จึงเป็นแรงขับให้มาเกอรีตต้องการเป็นคนชั้นสูงมีฐานะให้จงได้
มาเกอรีตฉายแววว่าโตไปจะเป็นสาวสวยมาก ๆ ตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งสร้างความหวังให้กับพ่อแม่ว่าข้อดีอันนี้จะกลายเป็นตั๋วชั้นดีให้ลูกสาวได้ก้าวสู่โลกที่กว้างไกลและสูงกว่ากำเนิดที่ต่ำต้อย
2
การที่ครอบครัวของเธอทำงานให้กับครอบครัวชนชั้นสูงทำให้เธอได้รับประโยชน์มาก เพราะเธอมีทักษะเยี่ยงชนชั้นสูง ขี่ม้าได้ อ่านออกเขียนได้ มีงานอดิเรกอ่านหนังสือ ได้ไปชมละครในโรงละคร เป็นต้น
แต่ต่อมาน้องชายวัย 4 ขวบของเธอโดนรถชนตาย พ่อแม่โทษเธอว่าดูแลน้องไม่ดีจึงส่งเธอไปที่สำนักนางชีเพื่อเป็นการลงโทษ มาเกอรีตได้เข้าโรงเรียนประจำสำนักนางชีตอนอายุ 15 ปี แต่ให้เธอทำหน้าที่เป็นสาวใช้ในบ้าน แต่พอแตกเนื้อสาวไม่ได้เท่าไหร่ก็ท้องตอนอายุได้ 16 ปี เลยถูกไล่ออกจากสถานที่นั้น ซึ่งไม่ทราบว่าเธอไปท้องกับใคร เธอคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิงและตั้งชื่อให้ว่าเรอมองด์ (Raymonde) แต่เนื่องจากท้องไม่มีพ่อลูกของเธอต้องถูกส่งตัวไปให้คนอื่นเลี้ยง โดยให้อาศัยอยู่กับครอบครัวหนึ่งที่ทำอาชีพเกษตรกร
4
แต่บางเวอร์ชั่นบอกว่าเธออยู่สำนักนางชีที่เข้มงวดมากจนทนไม่ไหวจึงหนีออกไปเมื่อตอนอายุ 15 พ่อแม่ตามหาจนไปพบกับเธอในสภาพกำลังท้อง ส่วนพ่อของเด็กเป็นลูกชายวัยรุ่นของขุนนางอังกฤษ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานกันได้ แต่บางเวอร์ชั่นบอกว่าพ่อของลูกในท้องเป็นนักเรียนศิลปะผู้ยากจนที่ไม่สามารถดูแลเธอได้
1
จากนั้นมาเกอรีตก็กลายเป็นสาวน้อยไร้บ้าน เธอใช้ชีวิตระหกระเหินเร่ร่อนอยู่นับ 8-10 ปี ทางเลือกในชีวิตตอนนั้นก็คือการขายตัวเพื่อหาเลี้ยงชีพ และไปได้ดีกับเส้นทางนี้มาก ๆ จากโสเภณีชั้นต่ำเธอได้ไต่เต้าเป็นโสเภณีชั้นสูงของปารีส
2
จุดเปลี่ยนเพราะมาเกอรีตมาพบกับมาดามเดอนองต์ (Madame Denart) แม่เล้าเจ้าของซ่องที่ชื่อว่า Maison de Rendezvous ที่ให้บริการแก่ลูกค้าชั้นสูง (คงอารมณ์เดียวกับ Soho House ที่มีข่าวลือว่าเป็นคลับที่มีแต่สมาชิกเป็นคนมีระดับที่ทำให้เมแกนกับเจ้าชายแฮร์รีมาเจอกัน)
มาดามแม่เล้าขัดสีฉวีวรรณชุบตัวจนมาเกอรีตกลายเป็นโสเภณีชั้นสูงได้ในฉับพลัน ลูกค้าที่มาใช้บริการมาเกอรีตนั้นเป็นลูกค้าที่ดีที่สุดของซ่อง ซึ่งล้วนแต่เป็นบุรุษผู้มั่งคั่งมีตำแหน่งยศฐาบรรดาศักดิ์จากฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา และประเทศอื่น ๆ
มาเกอรีตนอกจากจะสะสวยแล้ว เธอยังมีคุณสมบัติที่เป็นคนฉลาดเฉลียวพูดจาดีมีไหวพริบ และที่สำคัญที่สุดคือเธอมีทักษะบนเตียงที่ยอดเยี่ยมเอามาก ๆ ทุกท่วงท่าลีลาจนถูกเรียกเปรียบเปรยว่าเธอนั้นเป็นนักยิมนาสติกในห้องนอน ดังนั้นเธอจึงเป็นโสเภณีชั้นสูงที่เป็นที่ต้องการในบรรดาแขกมากที่สุด
สาวน้อยมาเกอรีตในช่วงวัย 17 ปีได้ดิบได้ดีมีผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนเป็นเศรษฐีชาวปารีสวัย 40 ปี (มีเมียแล้ว) ชื่อว่า อังเดร เมลแลร์ (Andre Meller) ชายผู้นี้ลงทุนซื้อห้องชุดให้แก่เธอเพื่อที่จะได้มีความเป็นส่วนตัวเวลามีสัมพันธ์ทางกายต่อกัน
มาเกอรีตเที่ยวไปบอกเพื่อน ๆ ว่าเธอแต่งงานกับเขา แถมยังใช้นามสกุลของเขาเรียกตัวเองด้วย คนจึงรู้จักเธอในชื่อ แม็กกี้ เมลแลร์ (Maggie Meller) แต่ในเวลาที่มีสัมพันธ์กันนั้นผู้อุปถัมภ์ของเธอยังไม่ได้เลิกกับภรรยาคนแรกของเขา ซึ่งต่อมาค่อยเลิกกันทีหลัง
มาเกอรีตกับลูกสาว (Medium)
• ผู้สอนตำรารักรัชทายาทอังกฤษ
ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 มาเกอรีตก็ได้พบกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งเวลส์หนุ่มหล่ออายุ 22 ปี ตอนนั้นพระองค์มาเป็นทหารในกองแนวรบตะวันตก พอว่างเว้นจากการประจำการพระองค์นิยมมาใช้เวลาสังสรรค์ตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญที่ปารีส
ในตอนนั้นเจ้าชายได้กับโสเภณีที่ยืมเพื่อนมาบำเรอให้ และเพื่อนของพระองค์เห็นว่าควรให้พระองค์มีประสบการณ์ทางเพศมากขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ จึงแนะนำมาเกอรีตให้รู้จักกับเจ้าชาย
ทั้งคู่เลยได้ประสบพบเจอกันที่โรงแรมในกรุงปารีส เล่ากันว่าเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดต้องตาต้องใจมาเกอรีตตั้งแต่แรกพบ พระองค์หลงมาเกอรีตเอามาก ๆ มาเกอรีตอายุมากกว่าเจ้าชายประมาณ 2-3 ปีและแน่นอนว่าเธอช่ำชองโลกมากกว่าเจ้าชาย ทั้งสองกลายเป็นคู่รักกันอย่างน้อยก็น่าจะหนึ่งปี
1
มาเกอรีตคือครูผู้สอนเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดในเรื่องกามกรีฑา เทคนิคแบบไหนต้องทำอย่างไรมาเกอรีตคือผู้ประสาทวิชานี้ให้
แต่กล่าวกันว่าเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดบุคลิกนิสัยเลวร้ายและมีอารมณ์ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด (ไม่รู้ว่าเจ้าชายแฮร์รีได้นิสัยมาจากบรรพบุรุษผู้นี้หรือไม่ เพราะมีข่าวว่าแท้จริงแล้วแฮร์รีก็เป็นคนประมาณนี้แหละ) ดังนั้นมาเกอรีตจึงป้องกันตัวด้วยการพกปืนไว้ใต้หมอนเวลานอนอยู่บ่อย ๆ
แต่การมีคู่รักขาประจำเป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทคือสุดยอดแห่งโอกาสของมาเกอรีต ดังนั้นสำหรับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแล้วเธอจึงถือว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สุดยอดต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด เจ้าชายเองก็หาเวลาเดินทางมาหาเธอที่ปารีสเป็นประจำนับครั้งไม่ถ้วน
แต่สุดท้าย งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา สงครามจบรักก็จบ ถึงแม้กระนั้น เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็เลินเล่อเรื่องทิ้งหลักฐานความสัมพันธ์ไว้ (อันนี้ก็อาจจะถ่ายทอดมาสู่เจ้าชายแฮร์รีด้วยก็เป็นได้ เพราะรายหลังถูกกล่าวขานว่าขึ้นชื่อในเรื่องความเบาปัญญา แม้กระทั่งไดอาน่าพระมารดายังเอ่ยเรื่องนี้) ยิ่งเล่าต่อไปนี่ยิ่งคล้ายกับเจ้าชายแฮร์รี
1
สิ่งที่โง่เขลาที่สุดที่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทำในช่วงมีสัมพันธ์เป็นคู่ชู้ชื่นกับมาเกอรีตคือทรงเขียนจดหมายถึงเธออย่างไม่ระมัดระวังมาก ๆ ความรักคงทำให้คนตาบอดกระมัง เพราะพระองค์เอารายละเอียดเรื่องกิจการทหารมาบอก รวมไปถึงเล่าเรื่องราวส่วนตัวมาก ๆ เกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษ โดยเฉพาะเรื่องพระบิดามารดา โดยเฉพาะกับพระบิดาที่มีความสัมพันธ์แบบพ่อลูกที่ปีนเกลียวกัน แถมยังบอกว่าการปฏิบัติราชกรณียกิจอย่างเป็นทางการนั้นเป็นเพียง “การแสดง”
1
เฉพาะช่วงเวลาที่พีกสุดของความสัมพันธ์ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเขียนจดหมายไปร่วม 20 ฉบับ ในจดหมายเรียกมาเกอรีตอย่างเอ็นดูรักใคร่ว่า “มายเบบี๋ - my baby” แถมในจดหมายยังแสดงถึงการใช้ชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่าของเจ้าชายตอนที่ไปเป็นทหาร ในขณะที่ชาวบ้านตาดำ ๆ ที่เป็นทหารอังกฤษไปรบกลับล้มตายเป็นเบือ
ยังกับเดจาวู ที่แฮร์รีก็เอาเรื่องฆ่าคนไป 25 คนตอนไปเป็นทหารและเอาเรื่องส่วนตัวในราชวงศ์มาเขียนหนังสือขายให้ชาวโลกเขาล้อเลียน
จดหมายเหล่านี้กลายเป็นหนามมาทิ่มแทงพระองค์ในภายหลัง เพราะคู่รักโสเภณีชั้นสูงแห่งฝรั่งเศสคนนี้ปฏิเสธที่จะทำลายจดหมายเหล่านี้ทิ้งไป
1
ส่วนสาเหตุที่พระองค์จบความสัมพันธ์กับมาเกอรีตเพราะพระองค์ไปหลงสาวใหม่ เป็นสาวชาวอังกฤษ ซึ่งมาเกอรีตก็มิได้รามือจากพระองค์ไปแต่โดยดี เธอเขียนจดหมายไปหาพระองค์ที่เปรียบเสมือน “ฝันร้ายอยู่ตลอด” ว่าเธอเก็บจดหมายรักทุกฉบับไว้ และไม่มีใครที่จะมาห้ามไม่ให้เธอทำอะไรกับจดหมายเหล่านี้ได้
1
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด (News.com.au)
• การแต่งงานที่กลายเป็นเรื่องเป็นราว
พอเลิกรากับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด มาเกอรีตก็ไม่เสียเวลารั้งรอใด ๆ เธอก้าวเดินต่อไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าด้วยการแต่งงานกับเศรษฐีชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า ชาร์ลส์ ลอแรงต์ (Charles Laurent) เธอเลยได้ชื่อใหม่ว่า มาเกอรีต ลอแรงต์
แต่การแต่งงานไม่ยืนยาว มาไวก็ไปไวเช่นกัน เพราะหลังจากแต่งงานได้ไม่นานก็หย่า แทบไม่ถึงปีด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นการแต่งงานที่คุ้มค่า เพราะเธอได้ทรัพย์สินมาจากอดีตสามีเต็มพิกัด จากนั้นเธอก็ไปแต่งงานกับคนใหม่
คราวนี้เป็นชายหนุ่มเพลย์บอยชาวอียิปต์ผู้มั่งคั่งและอายุอ่อนกว่าเธอ 10 ปี ชื่อว่า อาลี ฟาห์มี (Ali Fahmy) ซึ่งเป็นคนมีเชื้อมีสายคนชั้นสูง ทั้งคู่มาเจอกันที่อียิปต์ในขณะที่เธอถูกหิ้วไปโดยนักธุรกิจ พอเจอครั้งแรกผู้ชายคนนี้ก็หลงรักเธอทันที และต่อมาก็ได้เจอกันอีกหลายหนที่ปารีส จนกระทั่งถูกแนะนำให้รู้จักกันเป็นเรื่องเป็นราวในปี 1922
1
ทั้งคู่ท่องเที่ยวไปด้วยกันตามที่ต่าง ๆ เพื่อความบันเทิง ทั้งสังสรรค์ เล่นการพนัน จากนั้นฝ่ายชายก็กลับอียิปต์ และเชิญให้เธอเดินทางไปที่นั่นโดยแสร้งทำว่าป่วย เขาขอเธอแต่งงาน โดยบอกว่าจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้หากไม่มีเธอ
พอแต่งงานมาเกอรีตก็เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามตามสามี และถูกสื่อในสมัยนั้นเรียกว่าเป็นเจ้าหญิงฟาห์มี เพราะสามีภรรยาคู่นี้เรียกตัวเองว่าเจ้าชายและเจ้าหญิง ซึ่งโดยเทคนิคแล้วสามีของเธอไม่ได้เป็นเจ้าชาย ฝ่ายชายต้องการให้เธอเป็นภรรยาผู้สงบเสงี่ยมและเชื่อฟังสามี ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีสิ่งนี้ในตัวมาเกอรีต
1
แต่การแต่งงานครั้งนี้คือหายนะ และนำมาซึ่งความตาย ว่ากันว่าต่างฝ่ายต่างใช้ความรุนแรงต่อกัน จนคู่นี้ถูกเรียกว่า “คู่สามีภรรยาฟาห์มีเอาแต่ตีกัน - the fighting Fahmys” เพราะการทะเลาะเบาะแว้งของคู่นี้สร้างความโกลาหลให้กับสังคมชั้นสูง เพราะไม่ว่าจะอยู่ปารีส ไปลอนดอน หรืออียิปต์ ก็ไปทะเลาะตีกันวุ่นวายต่อหน้าสาธารณชน การทะเลาะเบาะแว้งของสามีภรรยาคู่นี้เกิดขึ้นเป็นนิจศีลเลยทีเดียว
เมื่อชีวิตคู่ล้มเหลว ฝ่ายหญิงเลือกหยิบยื่นความตายให้กับสามี ในช่วงที่เดินทางมาพักผ่อนในวันหยุดที่อังกฤษพร้อมกับคณะคนรับใช้
เหตุเกิดที่โรงแรมซาวอยในกรุงลอนดอน ช่วงใกล้เที่ยงคืนในวันที่ 10 กันยายน ปี 1923 พนักงานยกกระเป๋าได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 ครั้ง พอได้ยินเสียงปืน เขาจึงรีบวิ่งไปที่ต้นเสียงที่อยู่บนชั้น 4 สิ่งที่เขาพบคือพบเจ้าหญิงมาเกอรีต ฟาห์มี ยืนถือปืนอยู่ และที่ปลายเท้าของเธอ มีร่างไร้วิญญาณของฟาห์มีนอนอยู่
ปืนสองนัดถูกยิงเข้าที่หลังและคอ ส่วนอีกนัดยิงเข้าไปที่ศีรษะ ผู้ถูกยิงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ในตอนแรกตำรวจมานำตัวเธอไปนั้นยังไม่รู้ว่าฆาตกรสาวสวยผู้นี้เป็นใคร แต่ไม่ช้าก็ได้รับรู้ว่าเธอคือโสเภณีชั้นสูงของฝรั่งเศสผู้เคยเป็นรักแรกของว่าที่กษัตริย์อังกฤษ
มาเกอรีตอ้างกับตำรวจว่าเธอทะเลาะกับสามีเรื่องเงิน โดยเธอปรารถนาที่จะมีอิสรภาพทางการเงินเป็นของตัวเอง และนอกจากนี้สามีใช้กำลังบังคับขืนใจข่มขืนเธอเป็นประจำจนเธอสุดที่จะทนรับไหวได้อีกต่อไป
แน่นอนว่าความเชื่อมโยงกับองค์รัชทายาทจะสร้างความอื้อฉาวและเสื้อมเสียให้กับราชวงศ์อังกฤษขนาดไหน ดังนั้นจึงต้องพยายามยับยั้งเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด
ด้วยเหตุนี้ สตรีผู้นี้จึงแทบไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้างว่าเคยมีสัมพันธ์กับกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 คนทั่วโลกรู้จักแต่วอลลิซ ซิมป์สัน กับการสละราชบัลบังก์เพื่อความรักของพระองค์เหนือหน้าที่
มาเกอรีตกับฟาห์มี (NZ Herald)
• ฆาตกรอดีตคู่รักคนแรกของว่าที่กษัตริย์ลอยนวล
แม้จะฆ่าสามีตัวเองตาย แต่มาเกอรีตมิได้กังวลอะไรเลยว่าเธอจะถูกลงโทษจำคุก เพราะเธอมีไพ่ไม้ตายในมือที่สามารถเอามาต่อรองได้ ซึ่งถ้าเอามาแฉอย่างไรเสียเจ้าชายก็ไม่เหลืออะไรดีเลย
มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันว่าทันทีที่มาเกอรีตถูกจับ มีการทำข้อตกลงลับระหว่างฝ่ายราชวงศ์กับมาเกอรีตที่ถูกเก็บเป็นความลับมาร่วมร้อยปี โดยที่มีการตกลงกันว่าหากเธอคืนจดหมายทุกฉบับที่ซ่อนเอาไว้ที่บ้านที่กรุงไคโร เธอจะได้รับอิสรภาพ และถ้าเธอปิดปากเงียบเรื่องความสัมพันธ์กับเจ้าชาย อดีตที่เธอเคยเป็นโสเภณีก็จะไม่ถูกเปิดเผย ส่วนการไต่สวนในศาลจะมุ่งไปที่การใช้ความรุนแรงของสามีของเธอ เธอจะพ้นจากข้อกล่าวหา
ในช่วงไต่สวน เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเดินทางไปเยือนแคนาดา สาธารณชนต่างพากันต่อแถวแห่มาดูโฉมหน้าฆาตกรสาวงามวัย 32 ปีชาวฝรั่งเศสที่ฆ่าสามีตัวเอง เพราะเป็นเหตุฆาตกรรมที่โด่งดังมาก สาธารณชนจึงให้ความสนใจ
ลูกขุนได้รับการแจ้งว่ามาเกอรีตเป็นภรรยาที่ถูกสามีทุบตีจนควบคุมสติไว้ไม่ได้จึงยิงสามี มาเกอรีตแสดงตัวกับศาลว่าเป็นเหยื่อความของโหดร้ายเยี่ยงสัตว์ของสามีชาวตะวันออก ทนายที่ว่าความให้เธอนั้นเป็นทนายที่ดังที่สุดคนหนึ่งของอังกฤษในยุคนั้น ในศาลไม่มีการพูดถึงอดีตที่เธอเป็นโสเภณี หรือพูดถึงความเกี่ยวพันกับเจ้าชายรัชทายาทแต่อย่างใด
ศาลตัดสินให้เธอพ้นโทษทุกข้อกล่าวหา และเธอเดินทางกลับปารีส และอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งสิ้นชีวิตในวัน 80 ปีเมื่อปี 1971
ในชีวิตของมาเกอรีตแต่งงานและก็หย่าอย่างเป็นทางการ 5 รอบ และอย่างน้อยที่สุดเธอมีบุรุษที่ร่ำรวยคอยอุปถัมภ์อย่างน้อย 4 คนจนกระทั่งเธอแก่ชราลง กล่าวได้ว่านับตั้งแต่ที่ย่างเท้าเข้าสู่ชีวิตการเป็นโสเภณีเธอได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟู่ฟ่า มีเงิน เครื่องประดับ ทรัพย์สิน ที่พัก และอื่น ๆ อีกมากมายที่ชายมากหน้าหลายตามาประเคนมอบให้เธอ
มาเกอรีตกับฟาห์มี (History Collection)
อ้างอิง:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา