21 ม.ค. 2023 เวลา 10:12 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

เปิดครัวหัวใจ The Makanai : Cooking for the Maiko House

อาจเพราะเรื่องเปิดด้วย ซุปถั่วแดงนาเบ็กโกะ
ที่เราเห็นแล้วนึกถึงเมนูปิดท้ายในร้านโอเคชาบู

อาจเพราะเรื่องของไมโกะทำให้เรานึกถึงหนังสือเกอิชา
ที่เคยอ่านตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง (ยี่สิบกว่าปีก่อน)

อาจเพราะฉากส่วนใหญ่ในเรื่องคือโตเกียวที่เราไม่เคยไป
แต่คนที่เคย มักจะบอกว่าเราน่าจะชอบ

อาจเพราะเป็นเรื่องของมิตรภาพ การเติบโต ความอดทน
ความพยายาม ความสัมพันธ์ และอะไรอีกมากมาย

ที่เราค่อยๆ รู้สึกระหว่างชม 
The Makanai : Cooking for the Maiko House
ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องแรกของปีที่เราดูจบในหนึ่งสัปดาห์
หากนับว่าชอบ Midnight Diner ทั้งสองเวอร์ชั่น
แบบดูซ้ำๆ ได้
และเรื่องอาจเพราะทั้งหมดที่เกริ่นมา 
ไม่แปลกหรอกที่เราจะชอบ
The Makanai : Cooking for the Maiko House

เรื่องราวของเด็กสาวคู่หนึ่งและมิตรภาพ

จากบ้านที่อาโอโมริมาฝึกฝนเป็นไมโกะ

คนหนึ่งมุ่งตรงไปทางนั้น

อีกคนเต็มใจมาด้วย แม้
พยายามเท่าไหร่
ใครๆ ก็รู้สึกว่าดูข้างๆ คูๆ

จนเหมือนจะต้องแยกจาก

แต่กลับสนิทแน่นด้วยการเปลี่ยนตำแหน่งในทีม
มาเป็นมากาไน หรือแม่ครัวในบ้านไมโกะ

และทั้งหมดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
เรื่องดำเนินไปอย่างเรียบเรื่อย

แต่ก็รวดเร็วในการผจญภัย

ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต

เป็นความเคลื่อนไหวใต้ผืนน้ำที่นิ่งสงบ
ไม่ได้เชี่ยวกราก แต่ขับดันได้พอดี
เป็นการสะท้อนภาพเด็กสาวจากต่างเมือง

ที่มุ่งตรงมาฝึกฝนเป็นไมโกะ
เพื่อจะเติบโตเป็นเกอิโกะ 

(เกอิชาที่คุ้นหูกันในภูมิภาคอื่น) 

ซึ่งก็คือ
หญิงที่เชียวชาญงานศิลปะ
และสืบทอด
ขนบธรรมเนียมศิลปิน

ที่ไม่เพียงรับรองลูกค้าชั้นสูง

แต่ยังเป็นวิถีชีวิตที่ฝังราก
งดงามแต่ยากแท้หยั่งถึง
หลายคนบอกว่าต้องมีพรสวรรค์

หลายคนบอกว่าต้องอดทน

หลายคนบอกว่าต้องรักที่จะทำจริงๆ
ทว่าซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ได้กดปุ่มไปทางนั้นอย่างเคร่งขรึม

ปล่อยให้เราจอยกับตัวเรื่องที่เรียบๆ แต่ก็ลุ้นอยู่ในที

แล้วซึมซับสิ่งที่ลึกซึ้งไปอย่างธรรมชาติ

รู้ตัวอีกทีก็หลงรักเต็มเปา
ความน่ารักแบบกันเอง ขยันทำ ขยันยิ้ม ของ คิโยะ 

ที่แม้พี่สาวโมโมโกะ (อันดับหนึ่งในเมือง)
จะบอกว่าเป็นมากาไนบ๊องๆ

แต่ก็ชนะใจในความเป็นเพื่อนที่ดี (มาก)
เป็นเด็กทำงานที่ทัศนคติดีมาก

นึกถึงใจแต่ละผู้คนได้สุดๆ แต่ก็ยังมีความสุขสุดๆ เช่นกัน
ความน่ารักแบบละเมียดละไมของสุมิเระ
หรือ โมโมฮานะ ในเวลาต่อมา
และซูจัง
ที่คิโยะเรียกทุกเวลา
ก็สะกดตา
ผนวกกับความเพียรตามขนบ
ทั้งที่เป็นเด็กสาวรุ่นใหม่
ที่ยังอยู่ในวัยดื้อและทำตามใจ
ส่วนพี่สาวโมโมโกะที่เกิดมาเพื่อเป็นเกอิโกะ

ก็ยังมีความธรรมชาติของสาวรุ่นใหม่ 

อินเกม หนัง ซอมบี้

และเป็นขบถในแบบที่เนียน
เงียบแต่ทรงพลัง
แถมหยอดความน่ารักเกินคาด
ส่วนคุณแม่และพี่สาวพี่ชายท่านอื่น
รวมทั้งคุณยายและเคนตะคุงที่มุ่งสู่โคชิเอ็ง
ก็น่ารักแน่นอน
เรียวโกะที่ดูเป็นเด็กสาวลึกลับ
ก็มีเสน่ห์ 
ชวนคิดถึง

เราว่านักแสดงทุกคนทำหน้าที่ได้ดีมาก
ส่วนบรรยากาศ 
เรื่องนี้ให้ความเป็นครอบครัว
ที่แม้จะไม่ใช่สมาชิกครอบครัว
หรือเป็นสมาชิกที่อยู่ห่าง 

หรืออยู่รวมกันในแบบไม่ครบ
แต่ก็อบอุ่นได้
หากเปิดใจให้กันมากพอ 
เป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ควรดู

ขออภัยหากเปิดเผยเนื้อหาละคร

แต่เราเชื่อว่าแต่ละคนดูแล้วน่าจะรู้สึกไม่เหมือนกัน

แต่เราคาดว่าจะเจอสิ่งที่ขอบสักมุมจากเรื่องนี้
ที่สำคัญ อาหารนับว่ารับบทเด่น 

แบบแค่ผ่านมาแป๊บเดียวก็น่ากินทุกเมนู

และการแสดงของคิโยะ ก็ทำให้เราเชื่อเลยว่า
เธอทำอย่างมีความสุข ชอบมากๆ และผลลัพธ์
อร่อยมาก
และนี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อความที่เราชอบมาก

พอคัดมาแต่ตัวหนังสือ
เหมือนมาจากคนละเรื่อง
แต่ถักร้อยอยู่ในเรื่องได้ดีมีจังหวะ
“เด็กคนนั้นไม่ใ่ช่คนที่ต้องให้ใครทำ แต่เป็นคนทำ
ทุกคนต้องเลือกว่าจะมีชีวิตแบบไหน

จะเป็นคนที่ทำหรือจะเป็นคนที่กิน

เป็นคนที่ออกเดินทางหรือคนไปส่ง

มันไม่ได้แปลว่าแบบไหนดี
และแบบไหนไม่ดี
สักหน่อย” 
คุณยายของคิโยะ
“อาจารย์บอกว่าฉันเป็นคนอดทน
และความอดทนเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง”

เด็กฝึกไมโกะจากอีกบ้าน
“คนที่ใจสลายน่ะ ควรสนิทกันเข้าไว้” 

เรียวโกะ
“พรสวรรค์ของเธอก็คือความไม่ยอมแพ้
แต่ความไม่ยอมแพ้จะทำให้ทุกคนห่างออกไป”

โมโมโกะ
“คนเราไม่ว่าจะเติบโตแค่ไหน
ก็จะมองหาที่ที่เป็นของเราเสมอ” 
ทานาเบะซัง
ขออภัยหากจำชื่อได้ไม่หมด หรือสะกดเพี้ยนไปบ้าง 

ว่าแต่เราเจอที่ของเรา หรือสิ่งที่ชอบในที่ท่ีอยู่หรือยังนะ
ป.ล.
ละครเรื่องนี้ดัดแปลงจากมังงะ Maiko-san Chi no Makanai-san" โดย Aiko Koyama 
และรับหน้าที่ Showrunner หรือหัวหน้าทีมโปรดิวเซอร์และดูแลภาพรวม ซึ่งร่วมกำกับและเขียนบทด้วย
 โดย Hirokazu Kore-eda ผู้ได้รับรางวัล Palme d’Or จาก Shoplifters 
และเจ้าของผลงานที่มีแฟนๆ ติดตามทั่วโลก
เรื่องหนึ่งที่เปิดโลกและสะเทือนใจเราตั้งแต่แรกชมจนปัจจุบันคือ Nobody Knows
: Natsuki Deguchi ที่รับบทสุมิเระแสนงดงามและมุ่งมั่น เป็นนักแสดงเด็กที่มีคุณแม่
เป็นชาวจีนที่ชนะการประกวดและทำงานเป็นนางแบบในวงการตั้งแต่วัยรุ่น

พอมาค้นข้อมูลจึงพบกว่านัทซึกิร่วมแสดงในโคทาโร่ ลีฟ อโลน ที่เราชอบมากด้วย
ส่วน Nana Mori ผู้รับบทคิโยะแสนสดใสที่ทำให้เราเชื่อว่ารักการทำอาหารมากๆ
เป็นนักแสดงและนักร้องจากโอซาก้า มีผลงานมากทีเดียว
: รูปหน้าปกบทความนี้ เราอยากใช้รูปซุปถั่วแดงที่กล่าวถึง แต่แคปไม่ค่อยเป็น ได้เพียงรูปแซนวิชนี้ แต่ก็สำคัญนะ ในเรื่อง ;)
โฆษณา