23 ม.ค. 2023 เวลา 06:00 • ไลฟ์สไตล์

อวสาน “ลูกจ้าง WFH” ? ส่อเค้าตกงาน เซ่นเศรษฐกิจถดถอย

จุดจบพนักงาน Work From Home ? นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ประเมิน “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน “แล็ปท็อปคลาส” หรือ พนักงานที่ทำงานที่บ้าน และทำให้นายจ้างกลับมาได้เปรียบในตลาดแรงงานสหรัฐ
อีกครั้ง แต่นักวิเคราะห์เชื่อ ตำแหน่งงานยังคงมีเพียงพอสำหรับแรงงานทุกคน
การจ้างงานตลาดแรงงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้บริษัทต่าง ๆ แข่งขันกันเพื่อสรรหาพนักงานที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมงานกับบริษัทจนทำให้เกิดเทรนด์การทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การลาออกครั้งใหญ่ พนักงานบูมเมอร์แรง Quiet Quitting ที่สร้าง “ความได้เปรียบ” ให้แก่เหล่าพนักงาน จนมีอำนาจต่อรองมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ กว่า 90% เชื่อว่าในปีนี้จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นทั่วโลก ทำให้แม้แต่สหรัฐที่มีตลาดแรงงานแข็งแรง ต้องเผชิญกับการเลิกจ้างและการหยุดจ้างงานอย่างมาก และส่งผลให้พนักงานจำนวนมากต่างตกอยู่ในความกังวลกับการตกงานและพยายามรักษาตำแหน่งงานของตนไว้ให้นานที่สุด
1
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกล่าวกับสำนักข่าว Bloomberg หวั่นเกรงว่าบริษัทในภาคเทคโนโลยีและการเงินจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ และจะทำให้พนักงานที่ทำงานจากที่บ้าน หรือ “แล็ปท็อปคลาส” (Laptop Class) ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่มีการแพร่ระบาดใหญ่ เป็นกลุ่มแรกที่จะได้รับผลกระทบ
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเปิดเผยกับสำนักข่าว Fortune ว่า สถานการณ์นี้ทำให้นายจ้างกลับมามีอำนาจเหนือแรงงานมากอีกครั้ง นั่นหมายความว่าการเปลี่ยนงานจะยากขึ้นและหน้าที่การงานมีโอกาสแขวนอยู่บนเส้นด้ายมากยิ่งขึ้น
แล็ปท็อปคลาส ตกที่นั่งลำบาก
แอรอน เทอร์ราซาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเว็บไซต์หางาน Glassdoor เปิดเผยกับ Fortune ว่า เขายังเชื่อว่า ตลาดแรงงานสหรัฐ ส่วนใหญ่จะยังคงแข็งแกร่ง แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจระดับมหาภาคอยู่บ้าง จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และความกลัวว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Disney, PepsiCo ประกาศปลดพนักงาน
แต่ที่หนักสุดคงจะเป็นบรรดาบริษัทเทคโนโลยีที่ประกาศเลิกจ้างพนักงานกันถ้วนหน้า ไล่มาตั้งแต่ Netflix แพลตฟอร์มสตรีมมิงรายใหญ่ Amazon บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของโลก Meta บริษัทแม่ของ Facebook โซเชียลมีเดียอันดับ 1 ตามมาด้วย Salesforce บริษัทซอฟต์แวร์คลาวด์ Cisco บริษัทเทคโนโลยีการสื่อสารดิจิทัลข้ามชาติ และ HP บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ ก็ประกาศลดทั้งหมดเช่นกัน และที่น่าเป็นห่วงสุดคงจะหนีไม่พ้น Twitter ที่นับตั้งแต่ อีลอน มัสก์ เข้าซื้อบริษัท ก็มีการปลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง
จึงทำให้หลายบริษัทต้องการลดพนักงานที่มีศักยภาพสูงลง โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานอยู่ที่บ้านเป็นหลัก ที่อาจตกที่นั่งลำบาก เพราะเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลายมากขึ้น ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องจ้างพนักงานเหล่านี้อีกต่อไป ซึ่งอาจจะปรับสัญญาจ้างทำงานเพิ่มขึ้น 30-90 วันเท่านั้น
รวมไปถึง พนักงานชนชั้นแรงงาน หรือ Blue Collar ที่ถูกเลิกงานไปหลายล้านตำแหน่ง เช่น เหมืองแร่ ธุรกิจบริการ การผลิต และการขนส่ง และยังคงหางานทำไม่ได้ แต่สำหรับพนักงานหน้างาน (Frontline Workers) และแรงงานทักษะสูง (Skilled Trade) ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตาม เทอร์ราซาส ระบุว่า บริษัทที่มองการณ์ไกลจะใช้โอกาสที่บริษัทอื่น ๆ ปลดพนักงานที่มีศักยภาพสูง จากภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจ ในการเลือกรับพนักงานเหล่านี้เข้าทำงานแทน แต่เขาเชื่อว่าไม่นานหลังจากนี้ โมเมนตัมจะแกว่งกลับมาหนุนให้แรงงานกลับมามีอำนาจอีกครั้ง จากปัญหาสังคมผู้สูงอายุและการย้ายถิ่นฐานของประชากรที่ช้าลง
โฆษณา