22 ม.ค. 2023 เวลา 13:44 • ความคิดเห็น

สูตรลับของ Jo Malone

ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี้ ของขวัญที่ผมได้จากผู้ใหญ่และกัลยาณมิตรอยู่บ่อยครั้ง มากกว่าของอย่างอื่นก็คือน้ำหอมยี่ห้อ Jo Malone ซึ่งน่าจะได้รับความนิยมเพราะเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ราคาที่ไม่แพงมากและมีกลิ่นน้ำหอมที่ใช้ง่าย ผมเห็นถุง Jo Malone ทีไรก็จะนึกถึงเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้จากหนังสือ If I could tell you just one thing และพอดมกลิ่นน้ำหอมก็จะรู้สึกมากกว่าแค่ความหอมทุกที
ชีวิตของเธอในวัยเกือบหกสิบอาจจะอธิบายได้ด้วยประโยคเดียว เป็นชีวิตที่ฝรั่งชอบมีวรรคทองที่ว่า…
1
If you have lemons, Make lemonade
Jo Malone
2
โจเติบโตมาจากชนชั้นแรงงานแถมเป็นโรคที่บกพร่องทางการเรียนรู้ อ่านเขียนไม่ได้ (Dyslexic) เธอเคยเล่าว่าสมองเธอทำงานไม่เหมือนคนอื่น พอเห็นสีสันหรือรูปแบบอะไรก็ตาม มันจะแปลในหัวเธอเป็นกลิ่นต่างๆเสมอ
เหตุการณ์ที่ทำให้เธอเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องความสวยความงามนั้นมาจากเรื่องหายนะของครอบครัวที่แม่ของเธอสติแตกจนถูกจับไปขังไว้ที่โรงพยาบาล โจต้องดิ้นรนเอาตัวรอดไปเป็นเซลล์ขายเครื่องสำอางตั้งแต่อายุสิบต้นๆ ต่อสู้หารายได้จนแม่เริ่มดีขึ้น…
“เป็นบทเรียนตั้งแต่ยังอายุน้อยเลยที่ทำให้รู้ว่า เมื่อมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น เรามีทางเลือกสองทาง ทางหนึ่งคือปล่อยให้เรื่องร้ายนั้นทำร้ายเรา หรืออีกทางก็คือเราต้องยืนหยัดและสู้กับมันให้ได้ แล้วถ้าเราไม่กลัวมัน เราก็จะเปลี่ยนเรื่องร้ายนั้นได้ “
เธอเล่าไว้แบบนั้น…
เหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตโจอีกเรื่องก็คือเธอถูกครูทำโทษให้ยืนประจานแล้วด่าเธอด้วยข้อหาแอบมองข้อสอบเพื่อน (โรคของโจทำให้เธอมองไปก็อ่านไม่ออกอยู่ดี) ครูด่าว่าคนขี้โกงแบบเธอนั้นไม่มีทางจะเอาดีในชีวิตได้ โจเล่าในหนังสือด้วยความเจ็บใจถึงแม้เรื่องจะผ่านไปเกือบสี่สิบปีแล้วก็ตาม…
2
“ฉันยังจำได้แม่นจนวันนี้ แต่ก็ไม่เคยเอามันมาทำร้ายตัวเอง ฉันเอาประโยคของครูมาผลักดันฉันไม่ให้เป็นแบบครูปรามาส ฉันจำได้ว่าเคยมองออกไปนอกหน้าต่างจากบ้านเล็กๆตอนนั้น แล้วคิดว่าครูผิดแน่ ฉันจะต้องไปจากนี่และประสบความสำเร็จให้ได้“
โจเรียนรู้เรื่องสำคัญจากพ่อซึ่งมีเรื่องราวในชีวิตพ่ออยู่สามอย่างที่ช่วยให้โจเรียนรู้อย่างมาก พ่อของเธอเป็นศิลปิน เป็นพ่อค้า และแถมเป็นนักมายากลอีกด้วย โจเคยเป็นผู้ช่วยพ่อขายรูปภาพที่พ่อวาดในตอนเช้าและเป็นผู้ช่วยพ่อในการเล่นกลในตอนเย็น ทำให้เธอมีประสบการณ์ในการขายของ
1
เล่าเรื่องเก่งและทำให้คนสนใจได้แบบนักมายากล ซึ่งพอมารวมกับความสามารถด้านกลิ่นของเธอ และวิธีการมองโลกที่เธอมักจะบอกว่า เรื่องราวทั้งดีและร้ายในชีวิตนั้นไม่มีอะไรเสียเปล่าเลย เราสามารถเอาทุกอย่างมาเปลี่ยนเป็นเรื่องบวกได้เสมอ
2
ในวัยสามสิบกลาง ตอนที่เธอประสบความสำเร็จอย่างมาก เธอตรวจพบมะเร็งเต้านมชนิดที่หมอบอกว่าร้ายและรุนแรงที่สุดเท่าที่หมอเคยเจอและเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่เก้าเดือน ในตอนนั้นเธอแทบจะยอมแพ้ ร้องไห้อย่างหนักจนลูกอายุสองขวบตกใจ
พอเห็นลูกร้องไห้ เลือดนักสู้ของเธอตั้งแต่เด็กก็กลับมา เธอปวารณาตัวว่าจะไม่มีใครบอกว่าเธอจะตายอีกกี่เดือนได้ เธอเท่านั้นที่จะบอกตัวเองว่าตายเมื่อไหร่ เธอบอกว่าสามีเธอให้กำลังใจและคำแนะนำที่ฮึกเหิมมากว่าให้เธอสู้กับมะเร็งเหมือนกับที่เธอสร้างธุรกิจขึ้นมาจากไม่มีอะไร หลังจากนั้นเธอก็หาทีมหมอที่ดีที่สุดเหมือนกับที่เธอหาทีมธุรกิจที่เก่งมาช่วยจนหายในที่สุด
1
ตอนนี้เธอขายแบรนด์ Jo Malone ไปแล้วและกำลังทำแบรนด์น้ำหอมใหม่อยู่ด้วยพลังที่เต็มเปี่ยมเช่นเดิม
ผู้สัมภาษณ์ขอคำแนะนำแห่งชีวิตจากเธอ โจสรุปว่า…
“ไม่ว่าเรื่องราวจะเลวร้ายแค่ไหน ไม่มีเรื่องอะไรที่จะใหญ่กว่าเราได้ เรามีสามทางเลือกเสมอ เราจะพยายามเปลี่ยนเรื่องเลวร้ายนั้น ยอมรับมัน หรือจะเปลี่ยนวิธีคิดต่อเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น เราจะเลือกทางไหนที่เหมาะกับเราที่สุดนั้น เราเลือกเองได้เสมอ
2
อย่าให้ความเห็นคนอื่นที่ไม่ใช่ของเรามาเป็นชื่อหนังสือในประวัติชีวิตของเราอย่างเด็ดขาด ชีวิตของเราเราต้องเขียนเองเท่านั้น”
2
อ่านเรื่องของโจ มาโลนแล้ว น้ำหอมที่ได้มาหอมขึ้นอีกเยอะเลยครับ…
โฆษณา