23 ม.ค. 2023 เวลา 11:01 • ข่าวรอบโลก

เตือน!!!! พยาธิในช่องคลอด!?!?

พยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) คือ ภาวะติดเชื้อปรสิตจากการมีเพศสัมพันธ์
ซึ่งอาจทำให้ผู้หญิงมีอาการคันบริเวณอวัยวะเพศ ช่องคลอดส่งกลิ่นเหม็น มีตกขาวสีเขียวและเป็นฟอง เจ็บขณะปัสสาวะ
รวมทั้งอาจทำให้หญิงมีครรภ์เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
ส่วนผู้ชายสามารถติดเชื้อนี้ได้เช่นกันแต่มักไม่แสดงอาการ โดยผู้ที่ติดเชื้อควรรับประทานยาปฏิชีวนะจนกว่าจะหายดี แต่ผู้ป่วยบางรายก็อาจกลับมาเป็นซ้ำได้หลังรักษาหายไปแล้ว
🔵 อาการของพยาธิในช่องคลอด
ในช่วงแรกของการติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด ผู้ป่วยมักไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ แต่หลังจากติดเชื้อตั้งแต่ 5-28 วันขึ้นไป ผู้ป่วยอาจมีอาการ ดังนี้
-มีตกขาวมากผิดปกติ ตกขาวเป็นฟอง ซึ่งอาจเป็นสีขาว เทา เหลือง หรือเขียว และอาจส่งกลิ่นเหม็นคาวปลา
-มีเลือดไหลออกจากช่องคลอดแบบกะปริดกะปรอยหรือไหลออกมามาก
-บวม แดง คัน หรือรู้สึกแสบบริเวณอวัยวะเพศ
-ปวดปัสสาวะบ่อย
-เจ็บปวดขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีตกขาวที่ส่งกลิ่นเหม็น และเจ็บปวดขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
🟣 สาเหตุของพยาธิในช่องคลอด
พยาธิในช่องคลอดเกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว Trichomonas Vaginalis ที่ตรวจพบได้จากน้ำในช่องคลอดหรือน้ำอสุจิของผู้ป่วย
ซึ่งติดต่อกันได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ และผู้หญิงสามารถติดเชื้อนี้ได้ทั้งในช่องคลอดและท่อปัสสาวะ
โดยผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด ได้แก่
-ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
-ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
-ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
-ผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ
-ผู้ที่เคยเป็นโรคนี้หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
-เนื่องจากพยาธิในช่องคลอดติดต่อกันได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก
ดังนั้น กิจกรรมอื่น ๆ จึงอาจไม่ทำให้เกิดการติดต่อได้ เช่น การใช้ภาชนะรับประทานอาหาร ผ้าเช็ดตัว โถสุขภัณฑ์ หรือสระว่ายน้ำร่วมกับผู้ป่วย การกอด การจูบ และการมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือทวารหนักกับผู้ป่วย เป็นต้น
⚪️ การวินิจฉัยพยาธิในช่องคลอด
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดมักแสดงอาการคล้ายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ จึงทำให้การวินิจฉัยโรคเป็นไปได้ยาก
ดังนั้น ผู้ที่สงสัยว่าตนเองมีอาการผิดปกติทางช่องคลอดจึงควรไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวช
เมื่อไปรับการตรวจ แพทย์อาจซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และอาจนำตกขาวไปส่งตรวจเพื่อดูเชื้อพยาธิในช่องคลอดด้วยวิธี ดังนี้
- ส่องกล้องจุลทรรศน์
- เพาะเชื้อจากตัวอย่างสารในช่องคลอด
- ใช้ชุดทดสอบแอนติเจนหรือสารพันธุกรรม
นอกจากนี้ หากสงสัยว่าผู้ป่วยติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด แพทย์อาจรักษาผู้ป่วยโดยไม่รอผลการตรวจวินิจฉัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
ส่วนผู้ป่วยที่พบว่าตนเองติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดแน่ชัดแล้ว ควรตรวจเลือดหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ด้วย
เช่น ไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี และซิฟิลิส เป็นต้น รวมทั้งผู้ป่วยต้องแจ้งให้คู่นอนไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาเช่นเดียวกัน
โฆษณา