27 ม.ค. 2023 เวลา 02:42 • ธุรกิจ

ชวนอ่านเรื่องราวต้นกำเนิดของ LEGO ของเล่นเล็กๆ กับจินตนาการที่ยิ่งใหญ่

หากตั้งคำถามว่า 'โตมากับของเล่นอะไร?' เชื่อว่าหลายคนไม่น้อยต้องตอบว่าโตมากับเจ้าตัวต่อพลาสติกสี่เหลี่ยมมีตุ่มชิ้นน้อยๆ ที่ชื่อว่า “LEGO” แน่นอน
1
LEGO เป็นของเล่นยอดนิยมสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่อยู่มาอย่างยาวนานและยังเป็นที่รู้กันว่าเหยียบโดนแล้วเจ็บมากๆ เปรียบเหมือนกับความเจ๋งของมันที่ถึงจะมีขนาดเล็ก แต่นำมาเล่นต่อยอดได้มากมาย
ในวันนี้เราจะมาพูดถึงกันว่ากว่าจะมาเป็นของเล่นเล็กพริกขี้หนูนี้ มันมีที่มาและพัฒนาการอย่างไรบ้าง!
เริ่มต้นจากการทำของเล่นให้ลูกๆ
LEGO เคยเป็นเพียงโรงงานไม้เล็กๆแห่งหนึ่งในเมือง Bilund ประเทศเดนมาร์ก โดยมีคุณ Ole Kirk Christiansen เป็นผู้ก่อตั้ง แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่1ในปี1932 ทำให้กิจการต้องปิดตัวลง
หลังจากการเสียชีวิตของภรรยาทำให้คุณ Ole ต้องดูแลลูกชายทั้ง 4 คนตามลำพัง เขาจึงได้เริ่มทำของเล่นไม้จากโรงงานของตัวเองให้ลูกทุกคน
1
และนั่นก็ได้จุดประกายการเริ่มต้นทำธุรกิจของเล่นของเขา และกลับมาตั้งบริษัทใหม่โดยมีชื่อว่า LEGO ซึ่งมาจากการรวบคำว่า “Leg” และ “Godt” ในภาษาเดนมาร์ก ที่แปลว่า “เล่น” และ “ดี” นั่นเอง
จาก “ไม้” สู่ “พลาสติก”
ของเล่น LEGO ยุคแรก ทำมาจากไม้ทั้งหมดตามความเชี่ยวชาญเดิมของคุณ Ole เช่น โยโย่ รถบรรทุก และ เป็ดล้อเลื่อน ถึงแม้กิจการจะไปได้สวยแต่เขาก็ยังตามหาความเป็นไปได้ใหม่ๆในการผลิตของเล่น
หลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับเทคโนโลยีการฉีดพลาสติกในปีค.ศ. 1946 และได้ผลิตรถของเล่นขึ้นในไม่กี่ปีต่อมาซึ่งนับเป็นของเล่นพลาสติกชิ้นแรกของ LEGO
ตัวต่อ LEGO ไม่ได้เป็นของ LEGO ตั้งแต่แรก!?
จริงๆแล้วตัวต่อพลาสติกที่เราคุ้นเคยกันถูกคิดค้นดั้งเดิมโดยคุณ Hilary Page จากบริษัท Kiddicraft ในประเทศอังกฤษ โดยใช้ชื่อว่า Self-Locking brick
ซึ่งคุณ Ole ได้รับเป็นตัวอย่างจากเซลล์ที่ขายเครื่องฉีดพลาสติกในตอนนั้น เมื่อเห็นก็ถูกใจอย่างมากจนได้นำมาพัฒนาต่อเป็นของตัวเองแล้วเรียกว่า Automatic Binding brick และวางขายในปี 1949
ตุ่ม และ ท่อ (Stud and Tube)
ตัวต่อของ LEGO และ Kiddicraft ในช่วงแรกยังเป็นเพียงตัวต่อที่แค่วางซ้อนกันได้ แต่ไม่สามารถประกอบกันได้แน่นพอให้เด็กๆ ยกไปเล่นที่อื่นแบบอื่นหรือโชว์ผลงานกับครอบครัวได้
คุณ Ole และ คุณ Godtfred Kirk (ลูกชาย) จึงได้นำจุดนี้มาพัฒนาต่อจนประสบความสำเร็จในปี 1958 โดยใช้ชื่อเทคนิคนี้ว่า Stud and Tube
1
เทคนิค Stud and Tube คือการเพิ่มท่อภายในตัวต่อแต่ละชิ้นเพื่อเพิ่มมุมบีบเวลาต่อกับตุ่มด้านบน ซึ่งความลับอยู่ที่ตุ่มด้านบนจะมีขนาดใหญ่กว่าช่องที่จะสวมเล็กน้อยแล้วก็อาศัยคุณสมบัติยืดหยุ่นของพลาสติกเพื่อให้สามารถสร้างแรงบีบที่แน่นแต่ก็ยังคงถอดออกจากกันได้ง่าย
LEGO ได้จดสิทธิบัตรเทคนิคนี้ทันทีและภายหลังก็ได้ซื้อลิขสิทธิ์ตัวต่อของ Kiddicraft เพื่อความปลอดภัยทางกฎหมายในอนาคตอีกด้วย
กำเนิด LEGO System จากอดีตถึงอนาคต
คุณ Godtfred รับหน้าที่ดูแลกิจการต่อหลังจากคุณ Ole เสียชีวิต เขาได้คิดคอนเซป LEGO System ขึ้นในปี 1955 ซึ่งจะเป็นระบบที่พลิกตัวต่อ LEGO ไปตลอดกาลโดยมีหลักการว่า “LEGO ทุกชิ้นทุกแบบต้องต่อกันได้พอดี ไม่ว่าชิ้นส่วนนั้นจะซื้อมานานแค่ไหนก็ต้องประกอบกับชิ้นส่วนในอนาคตได้ เพื่อรักษาคุณค่าของ LEGO แต่ละชิ้นให้คงอยู่ตลอดไป”
1
หลังจากนั้น 5 ปี LEGO System ก็ถูกพัฒนาต่อจนกลายเป็นชุดตัวต่อ LEGO Town โดยแต่ละชุดตัวต่อสามารถมาประกอบรวมกันกลายเป็นเมืองได้และได้ขยายแนวความคิดต่อไปอีกจนเกิดเป็นสวนสนุก LEGOLAND ในหลายปีต่อมา
1
ก้าวสู่อันดับ 1
ด้วยชื่อเสียงที่ดีและพื้นฐานสินค้าที่แข็งแกร่ง ทำให้ LEGO สามารถต่อยอดทางการตลาดได้ง่ายและกว้างขวาง เช่น การทำของเล่นให้กับภาพยนตร์หรือซีรีย์ดังต่างๆ หรือการสร้าง LEGOLAND ที่เป็นทั้งสถานที่สร้างความสุขให้กับผู้คนและยังสามารถใช้เป็นพื้นที่พรีเซนต์และขายสินค้าได้ด้วย
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ LEGO ยิ่งประสบความสำเร็จไปทั่วโลกจนในทุกวันนี้ก็ได้กลายเป็นทั้งเกมส์และภาพยนตร์ซะเองหลายต่อหลายเรื่อง
ในปีนี้ LEGO กำลังจะมีอายุ 90 ปี และเป็นบริษัทของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเจ้าของคือทายาทรุ่นที่ 3 คุณ Kjeld Kirk ลูกชายของคุณ Godtfred Kirk นั่นเอง ด้วยวิสัยทัศน์และความใส่ใจในคุณภาพของผลงานที่สืบทอดต่อกันมาทำให้ LEGO ยังคงครองตำแหน่งของเล่นแห่งศตวรรษต่อไป และยังคงเป็นของเล่นคู่จินตนาการของผู้คนทั่วโลกจนมาถึงปัจจุบัน
เขียนโดย: Mill Rawesilp
โฆษณา