26 ม.ค. 2023 เวลา 12:00 • สิ่งแวดล้อม

นาฬิกาวันสิ้นโลก ใกล้หายนะ อีก 90 วินาที จะถึงจุดจบ โลกร้อน เป็นส่วนหนึ่งสาเหตุ

Doomsday Clock หรือนาฬิกาวันสิ้นโลก คืออะไร ? สำหรับ นาฬิกาวันสิ้นโลก ถือเป็นสัญลักษณ์ ที่จะช่วยสะท้อนให้เห็นว่า โลกของเรากำลังเข้าใกล้หายนะมากแค่ไหน โดยจะกำหนดให้เวลาเที่ยงคืน คือ เวลาที่อารยธรรมโลกล่มสลาย ดังนั้นทุกๆ ครั้ง ที่เข็มยาวบอกนาทีเคลื่อนเข้าใกล้เวลานี้มากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่า โลกเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น โดยปีนี้ ปี 2023 นาฬิกาเหลืออีก 90 วินาทีจะถึงเที่ยงคืนแล้ว ถือว่าขยับมาจากปี 2022 อีก 10 วินาที
ทั้งนี้ สาเหตุที่นาฬิกาถูกขยับให้เข้าใกล้จุดสิ้นสุดของโลกขึ้นอีก 10 วินาที ส่วนหนึ่งนั่นเป็นเพราะปัญหาสงครามรัสเซีย - ยูเครน ที่เกิดขึ้นในปี 2022 และอีกเรื่องที่สำคัญ และเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมก็คือ ผลพวง จากสิ่งต่างๆที่โลกเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change ภัยพิบัติธรรมชาติ คลื่นความร้อน น้ำท่วม
สำหรับ Doomsday Clock หรือนาฬิกาวันสิ้นโลก ได้ไอเดียการใช้นาฬิกาบอกเวลาหายนะ ริเริ่มขึ้นโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในโครงการ "แมนฮัตตัน" ซึ่งสร้างระเบิดอะตอมลูกแรกของโลก ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนาฬิกาวันสิ้นโลกเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1947 และระบุว่าอีก 7 นาที จะเที่ยงคืน
โดย ตลอดช่วงเวลา 76 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีนาฬิากาวันสิ้นโลกนี้ มันได้มีการขยับเปลี่ยนไปมาไม่ต่ำกว่า 24 ครั้ง โดยครั้งที่โลกอยู่ห่างจาก วันสิ้นโลก มากที่สุด คือเมื่อปี 1991 ซึ่งมีเวลาเหลือมากถึง 17 นาที ซึ่งปีนั้นคือจุดสิ้นสุดของสงครามเย็น และปีนี้ ปี 2023 คือจุดที่ นาฬิกาวันสิ้นโลก เข้าใกล้จุด "เที่ยงคืน" มากที่สุด เท่าที่เคยมีมา
ใครคือคนตั้งเวลา นาฬิกาวันสิ้นโลก ?
คนที่มีอำนาจตัดสินใจ คือ สมาชิก 22 คน ในคณะกรรมการด้านวิทยาศาสตร์และความมั่นคงของวารสารนักวิทยาศาสตร์ด้านอะตอม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญหลายแขนงในชิคาโก้ ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ประเมินความเสี่ยง โดยจะพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีก่อนหน้า และปรึกษากับคณะกรรมการอีกชุดหนึ่งที่มีเจ้าของรางวัลโนเบล 11 คน รวมอยู่ด้วย
อย่างการตั้งเวลาเมื่อปี 2023 ครั้งนี้ ที่ต้องขยับนาฬิกาให้เข้าใกล้ "เที่ยงคืน" มากขึ้น เป็นเพราะ รัสเซียบุกโจมตียูเครน ความเสี่ยงของการใช้อาวุธนิวเคลียร์ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวัน ความก้าวหน้าด้านอาวุธของเกาหลีเหนือ และภัยพิบัติจากภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในทุกพื้นที่ของโลก ดังนั้น ประเด็น Keep The World จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้อง "ใส่ใจ" กันมากขึ้น
โฆษณา