29 ม.ค. 2023 เวลา 03:56 • นิยาย เรื่องสั้น

น้องน้ำชา พี่หมาก และลุงก้านธูป

ผ่านมาสิบกว่าวันแล้ว น้องน้ำชาในถ้วยเหือดแห้งหายไป พี่หมากจากหนุ่มผิวแดงระเรื่อ กลับกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ส่วนลุงก้านธูป ยืนเด่นเป็นสง่าบนกองแป้งจากดอกธูปที่ถูกเผาด้วยความร้อน
“การทำพิธีถวายน้ำชาหน้าโต๊ะหมู่บูชา” เกิดขึ้นทุกวันพระ เพราะความจงใจหรือด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ นายจรุงมอบหน้าที่นี้ให้กับลูกชายคนโต ที่มองว่าเป็นเรื่องงมงาย จเด็จเคยตั้งคำถามในใจ ว่าสิ่งที่เซ่นไหว้ ไปใครเป็นคนรับ เทพองค์ใด ชื่ออะไร เพราะหน้าโต๊ะหมู่บูชา ประกอบด้วยองค์เทพหลากเชื้อชาติ หลายศาสนา ทั้งไทย อินเดีย จีน
แล้วทำไมของเซ่นไหว้ต้องเป็น3 อย่างนี้ น้ำชากินมากๆองค์เทพจะนอนหลับป่าว หมากที่ถวายก็ขาดเครื่องยน (ที่ทิ่มหมาก) ท่านจะกินยังไง ส่วนธูปนี่ไปกันใหญ่ อาจเสี่ยงทำให้เป็นมะเร็งปอดทั้งคนไหว้และคนรับ
ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียให้กับความเชื่อ หรือสิ่งที่มองไม่เห็นนี้ ตกประมาณเดือนละ 200 บาท นี่ยังไม่รวมถึง ดอกไม้ ขนม อาหาร ตามเทศกาลต่างๆที่เกิดขึ้น ทำไมไม่เอาเงินจำนวนนี้ มอบให้กับองค์กรที่ทำประโยชน์แก่สาธารณะ หรือ มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กเรียนดีแต่ยากจนก็ได้ ดูแล้วเป็นรูปธรรมมากกว่า
จเด็จบ่ายเบี่ยงและผลัดวันประกันพรุ่งมาตลอด ตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่ง
วันหนึ่ง เค้าได้รับข่าวร้ายจากพ่อว่า แม่ป่วยเป็นเส้นเลือดตีบในสมอง
ให้เตรียมเสื้อผ้าของพ่อไปให้ที่โรงพยาบาลด้วย ขณะที่มือจับพวงมาลัยรถ ความคิดประเดประดังเข้ามาในหัว เทพองค์ใดเล่า ที่ทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ไม่น่าจะใช่ เพราะแม่ชอบมีอาการเครียดและพฤติกรรมเสี่ยงจากการกินมากกว่า “ไร้สาระ” เค้าสบถอยู่ในใจ พร้อมตบไฟเลี้ยวซ้ายแวะซื้อของบางอย่างแล้วขับรถกลับบ้าน
จเด็จนั่งคุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา หลังจากรินน้ำชา เค้าหาที่ว่างเพื่อวางหมากพลูบนกระดาษเงินกระดาษทองแผ่นใหญ่ ซึ่งมีขนมแต้เหลียว ขนมปุยฝ้าย ขนมขึ้น และหมั่นโถว วางอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วในแจกันมีดอกดาวเรือง สีเหลืองอร่ามขนาบทั้งซ้าย-ขวา พร้อมหยิบเครื่องมือสื่อสาร
ถึงองค์เทพ ขึ้นมาพนมมือ ขยับปากพูดพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ จเด็จน้ำตาไหล ไม่รู้เพราะควันธุปหรือความศรัทธากันแน่ แม้ในปฏิฑินจะบอกว่าวันนี้ไม่ใช่วันพระก็ตาม
“ ตามประเพณีในอินเดีย กล่าวกันว่าคนคนหนึ่งควรก้มหัวให้กับทุกสิ่งที่พบเห็น ไม่ว่าเป็น ต้นไม้ วัว งู หรือก้อนเมฆ คุณเพียงก้มหัวให้มัน เวลาคุณก้มหัวให้กับทุกสิ่ง อาจเป็นเพราะคุณโง่ หรือเพราะคุณมองชีวิตด้วยความลึกที่สุดของมัน ความแตกต่างของคนโง่กับคนรู้แจ้งนั้นบางมาก ทั้งสองแบบมักดูคล้ายคลึงกัน แต่จริงๆแล้วมันต่างกันลิบลับ
คนโง่สรุปสิ่งใดไม่ได้
ผู้ศรัทธานั้นไม่สรุปสิ่งใด
ส่วนคนที่เหลือเชิดชูบทสรุปของตัวเองว่ามีความรู้
คนโง่เพียงพอใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เขารู้
ผู้ที่มองเห็นชีวิตด้วยความลึกที่สุดของมันจะพึงพอใจกับมันอย่างสมบูรณ์ ส่วนคนที่เหลือคือผู้ดิ้นรนต่อสู้และทุกข์ทนอยู่เสมอ “
ชื่อตอน “อ้าแขนรับความลึกลับ” หน้า 233 วรรคหนึ่ง บรรทัดที่สิบ
จากหนังสือเรื่อง คู่มือสร้างสุขฉบับโยคี
(วิศกรรมภายในเพื่อพลังอำนาจของจิตและความสมบูรณ์ของร่างกาย)
สัธคุรุ : เขียน กุลธิดา บุณยะกุล-ดันนากิ้น : แปล
ณ ขณะ
book/camp/space
โฆษณา