29 ม.ค. 2023 เวลา 06:02 • ไลฟ์สไตล์
รู้ไหม ทำไมคนเราบางครั้งถึงฝันดีมีความสุขได้
เพราะอารมณ์ก่อนนอนหลับไป ถูกความคิดไปกำหนดให้คิดแต่ในสิ่งที่อยากให้เป็น แม้ก่อนนอนอาจจะเจอเรื่องเลวร้ายมาก็ตาม แต่ในส่วนลึกของความคิดอาจจะมีความหวังบางอย่างซ่อนอยู่ และถูกกระตุ้นให้แสดงออกมาในสภาวะที่เราไม่สามารถควบคุมความคิดได้ทัน
แต่บางครั้งความคิดของเราไม่สามารถสลัดเรื่องเลวร้ายนั้นออกไปได้ ทำให้อารมณ์ตกอยู่ในสภาวะวิตกจนมีแนวโน้มฝันร้ายได้ บางทีเราอาจจะบอกว่า ก่อนนอนก็มีความคิดและอารมณ์ปกติก็ตาม แต่ในส่วนที่ลึกลงไปของความคิดอาจจะแอบวิตกอยู่ก็ได้
ลองสังเกตความฝันสักนิดก็จะพบว่า ในฝันเราเพียงคิด เผลอแป๊บเดียว สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นแทบจะทันที ก็เพราะฝันมันเป็น render ภาพจากความคิดในแบบ realtime (ในฝัน) ไม่ได้ถูกวางไว้ล่วงหน้า
ในความเป็นจริง เหตุการณ์และสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้า มันไม่ได้เกิดจากการถูกสร้างโดยความคิดเรา แต่มันมีขึ้นโดยปัจจัยรอบตัวเรา มันจึงไม่สามารถแปรเปลี่ยนได้แบบทันทีทันใดได้อย่างความฝัน ถ้าเราอยากให้เกิดความสุขในความจริง นั่นก็คือ การปรับความคิดให้ยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ก่อน ไม่ใช่พยายามที่คิดจะเปลี่ยน แล้วจะให้ทุกสิ่งรอบ ๆ ตัวเปลี่ยนได้ดั่งใจคิด เมื่อเรายอมรับสภาพตามความจริง แล้วหมั่นสังเกตจุดที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ แล้วค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนมันทีละนิด
แล้วทำไมเราถึงเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นทันทีไม่ได้ล่ะ
เหตุผลก็เพราะมันจะมีผลกระทบแบบลูกโซ่ต่อผู้อื่นที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงกับเราด้วย ซึ่งมันก็ส่งผลที่เราไม่อาจคาดเดาได้เมื่อมาสะท้อนกลับมาที่เรา
มันเป็นปรากฏการณ์ที่ต่างจากโลกแห่งความฝัน
ปรากฏการณ์ที่ชื่อว่า
"Butterfly Effect"
แปลตรง ๆ ก็คือผลกระทบต่อเนื่องเพียงแค่ผีเสื้อขยับปีก
หรืออีกวลีที่นิยม ก็คือ
"เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว"
ยิ่งเราพยายามเร่งให้สิ่งรอบ ๆ ตัวเป็นไปได้ดั่งใจเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างขนาดของลูกคลื่นที่จะผลกระทบต่อผู้อื่นใหญ่ขึ้นเท่านั้น บางครั้งอาจจะเกิดสึนามิทางสังคมในวงกว้าง ซึ่งส่วนใหญ่ผลสุดท้ายจะไม่ค่อยจะส่งผลดีต่อภาพรวมสักเท่าไหร่
และมันก็สะท้อนกลับมาหาเราขนาดหนักเช่นเดียวกัน
คำตอบอาจจะจะยาว และอาจจะไม่ตรงกับคำถามมากนัก ก็ต้องอภัยด้วยนะครับ
โฆษณา