29 ม.ค. 2023 เวลา 09:21 • นิยาย เรื่องสั้น

เรื่องเล่าสยองขวัญเรื่องที่ 3 เวรกรรม

สวัสดีผู้อ่านทุกๆท่าน วันนี้เรากลับมาอยู่กลับกระทู้สยองขวัญอีกเช่นเคย วันนี้เรื่องสยองขวัญที่เราจะเอามาเล่าให้ฟังเป็นเรื่องของคนใกล้ตัวเลย เขามีชื่อว่าตินเป็นน้องชายแท้ๆของผม ตินเนี่ยเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีเลย ทุกครั้งที่ใครมาเล่าอะไรพวกนี้ให้ฟังมันก็จะบอกทุกครั้งว่าไร้สาระบ้าง เพ้อเจ้อบ้าง
จนกระทั่งวันหนึ่งถ้าผมจำไม่ผิดช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงวันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันพระใหญ่ ในช่วงสายหลังจากที่เรากลับมาจากทำบุญที่วัด ผมแม่ยายและตินก็มานั่งกินข้าวรวมกันเหมือนปกติ ในขณะที่เรากำลังกินข้าวอยู่นั้นจู่ๆยายก็ทักขึ้นมาว่า
“ติน วันนี้ยายเจอป้าศรที่เป็นร่างทรง แกมาทักยายมาว่าช่วงนี้จะดวงตก ให้ทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วย”
แน่นอนครับว่าตินมันได้ยินแบบนั้นมันก็ไม่เชื่อเหมือนเคย ตินเลยหน้าจากจานข้าวหันไปพูดกับยายว่า
“เพ้อเจ้อแล้วยาย ที่ป้าศรมาทักก็เพราะจะหลอกเอาตังอ่ะดิ ดวงตกอะไรกัน ไอ้พวกที่บอกว่าสะเดาะเคราะห์แล้วหายก็แค่หาเรื่องเอาตังก็เท่านั้นแหละ”
แม่กับยายส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ เพราะนอกจากตินมันจะไม่เชื่อแล้วมันยังปากไม่ดีชอบพูดพล่อยๆอีก
เวลาผ่านไปวันสองวันมันเป็นช่วงที่ตินจะต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งในการไปทำงานครั้งนี้เขาต้องไปทำงานไกลถึงภาคใต้เลย พอถึงวันที่เดินทาง ผมจำได้ว่าวันนั้นมันเป็นวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งถ้าพูดกันในตามความเชื่อมันเป็นวันแห่งความโชคร้าย ซึ่งแต่เดิมทีมันเป็นความเชื่อของชาวคริสต์แต่ถึงแบบนั้นคนไทยส่วนใหญ่ก็เชื่อแบบนั้นด้วยเช่นกัน
วันนั้นก่อนเดินทางเราได้ไปส่งตินที่บริษัท ก่อนจะขึ้นรถแม่ของผมก็ได้ยื่นของบางอย่างให้ตินซึ่งมันคือจี้พระหลวงพ่อวัดดัง แน่นอนครับว่าคนอย่างตินที่เดิมทีก็ไม่ได้เชื่ออยู่แล้ว ตินดันมือของแม่ที่ถือจี้พระอยู่กลับไปก่อนจะบอกว่า
“ไม่ล่ะแม่ แม่เก็บเอาไว้เถอะ”
“ทำไมล่ะลูก ช่วงนี้หนูดวงตกอยู่นะ อย่างน้อยใส่เอาไว้ก็ได้”
“ดวงตงดวงตกอะไรกันแม่ มันก็แค่ความเชื่อเพ้อเจ้อเท่านั่นแหละ ผมไปล่ะ”
ตินพูดตัดบทแม่ก่อนจะเดินจากไป
เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายช่วงโมงตินเดินทางมาถึงที่หมายแล้ว ในระหว่างวันตินก็เข้าทำงานตามปกติ งานที่เขาทำมันเป็นงานวิศกรที่ต้องคอยดูแลงานไซต์ก่อสร้าง ในขณะที่ตินกำลังคุยงานกับทีมอยู่จู่ๆหางตาก็เหลือบเห็นอะไรบางอย่างผ่านไปที่นอกหน้าต่าง แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าคงจะเป็นพวกคนงานนี่แหละ
พอถึงช่วงเวลาหนึ่งทุ่มเป็นเวลาเลิกงาน ตินและพี่ๆพากันกลับที่พัก โดยที่พักที่ตินพักอยู่นั้นเป็นโรงแรมที่ไม่ได้หรูมากและไม่ได้โทรมมาก ตินจัดการอาบน้ำอาบท่าเตรียมเข้านอน ขณะที่เขากำลังนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงจู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนน้ำไหลจากในห้องน้ำ
ตินตัดสินใจลุกจากเตียงตรงไปดูในห้องน้ำพบว่าน้ำในอ่างล้างมือถูกเปิดอยู่ ตินเดินเข้าไปจัดการปิดน้ำก่อนจะเดินกลับมานอนที่เตียงต่อ เขาจำได้นะว่าตอนที่ก่อนจะออกมาจากห้องน้ำเขาปิดน้ำเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
คืนแรกผ่านไปเข้าวันที่สองตินยังคงไปทำงานตามปกติ ในขณะที่เขากำลังตรวจเช็คงานอยู่นั้น จู่ๆก็มีเหล็กกล่องขนาดใหญ่ร่วงมาในบริเวณที่ตินยืนอยู่ โชคดีที่ตินหลบทันเลยไม่บาดเจ็บอะไร
ไม่นานพวกคนต่างก็พากันมาดูยังจุดเกิดเหตุพร้อมกับช่วยพาตินไปนั่งพักในห้องทำงานก่อน ในตอนนั้นหัวใจของเขาสั่นรัวมาก นี่ถ้าเขาไม่หลบคงโดนเหล็กทับตายไปแล้วแน่ๆ
หลังจากนั่งพักเสร็จพี่ที่ทำงานก็ให้ตินกลับไปพักก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาทำงานใหม่ กลับมาถึงที่พักตินถอยรถจอดเข้าซองก่อนจะหยิบสำคัญลงจากรถ ตินเดินเท้าเพื่อที่จะเข้ายังห้องพัก สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแมวดำตัวหนึ่งมันนั่งอยู่ตรงหน้าพร้อมกับมองมาที่เขา ตินจ้องมองมันด้วยสิหน้าที่คิ้วขมวด ตินไม่ชอบแมวสักเท่าไหร่ ไม่สิเข้าขั้นเกลียดแมวเลยก็ว่าได้ เพราะตอนเด็กๆเขาเคยโดนแมวกัดตรงแขนข้างขวาเลยทำให้นับแต่นั้นเขาก็เกลียดแมวมาจนถึงทุกวันนี้
จู่ๆแมวดำตัวนั้นก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงมายังทางเขา ตินก้าวถอยหลังพร้อมกับพยายามจะไล่มันออกไปให้ไกลตัว
“ชู่! ไปไกลๆเลยนะเว้ย!”
แมวดำตัวนั้นเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆก่อนจะเดินมาเกาะขาของติน ด้วยความตกใจและความไม่ชอบเลยเผลอเตะแมวที่กำลังเกาะขาจนมันกระเด็นไปโดนศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆจนข้าวของคนเอามาไหวร่วงหล่นลงพื้นจนเละ
“เมี๊ยว!!”
แมวดำร้องดังลั่นแต่ตินเหมือนจะไม่สน
“มึงไม่ต้องมาร้องเลยไอ้แมวเวร!”
ตินพูดด้วยความโมโหก่อนจะหันไปหยิบท่อเหล็กที่วางอยู่บนพื้นเดินตรงดิ่งไปตรงที่แมวนอนอยู่ตรงแท่นวางของไหว้ก่อนจะง้างมือฟาดมันลงไปเต็มแรง
“เมี๊ยว!! เมี๊ยว!!”
แมวดำร้องดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมานส่วนตินก็ยังคงตีมันซ้ำๆไม่หยุด จนเสียงร้องของแมวดำเริ่มอ่อนแรงลงและมันก็แน่นิ่งไป เมื่อเห็นว่ามันแน่นิ่งแล้ว ตินปล่อยท่อทิ้งลงกับพื้นก่อนจะหันหลังกลับโดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นตายร้ายดียังไง
ตินกลับขึ้นมาบนห้องพักจัดการอาบน้ำตามปกติ ขณะที่เขากำลังอาบน้ำจู่ๆก็ได้ยินเสียงปึงปังจากด้านนอก เขารีบจัดการตัวเองให้เสร็จและรีบออกมาจากห้องน้ำเพื่อมาดูแต่พอตินออกมาแล้วกลับเห็นอะไรบางอย่างวิ่งผ่านหน้าจากตู้เสื้อผ้าออกไปทางระเบียง มันเป็นเงาสีดำรูปร่างเหมือนจะคล้ายแมวแต่ก็ฟันธงไม่ได้เพราะมันผ่านหน้าไปเร็วมาก
ตินเดินออกไปทางระเบียงจัดการเปิดไฟสอดส่องแต่ก็ไม่พบอะไรเลย เขาเดินกลับเข้าในห้องเตรียมตัวที่จะเข้านอน
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงกลางดึก ขณะที่ตินกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงจู่ๆก็เกิดได้ยินเสียงบางอย่างลอยเข้าหู ตินลืมตาตื่นก่อนจะมองไปรอบๆห้องพบบางอย่างอยู่บนตู้เสื้อผ้า มันเป็นเงาดำตะคุ่มเหมือนคนนั่งห้อยขาอยู่บนตู้เสื้อผ้า เขายันตัวขึ้นเอื้อมมือไปเปิดไฟบนหัวนอนแต่ไฟกลับเปิดไม่ติดขึ้นมาซะได้
ตินยังคงคิดว่าเงาดำที่อยู่บนตู้นั้นคือคนแต่หารู้ไม่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเลยแม้แต่น้อย
ตินลุกจากเตียงยืนประจันหน้ากับสิ่งที่อยู่บนตู้ก่อนจะพูดกับสิ่งที่อยู่บนนั้นโดยที่ไม่มีความเกรงกลัว
“คุณเป็นใครเนี่ย เข้ามาในห้องผมได้ยังไง”
เงาดำนั่นไม่ได้ตอบตินกลับไป มันเงียบสนิท ตนที่เริ่มจะโมโหเขาหันไปยกหูโทรศัพท์ของโรงแรมเพื่อจะโทรเรียกพนักงานให้มาจัดการ แต่ทันทีที่เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมาจู่ๆก็ได้ยินเสียงร้องไห้มาจากทางด้านหลัง
ตินวางโทรศัพท์ก่อนจะค่อยๆหันไปอย่างช้าๆ เงาดำนั่นค่อยๆหันหน้ามาอย่างช้าๆให้เห็นดวงตาสีขาวก่อนจะมันจะกรี๊ดออกมาอย่างสุดเสียงและกระโจนพุ่งเข้ามาจนตินล้มลงไปกับพื้น
เงาดำนั่นทับบนตัวเขาจนแทบจะขยับไม่ได้ ใบหน้าของมันค่อยขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนทำให้เขาสามารถเห็นดวงตานั่นได้อย่างชัดเจน แต่ที่หน้าตกใจคือตาของมันไม่เหมือนของมนุษย์เลยแม้แต่น้อย ดวงตาโตสีขาวนัยน์ตาดำมีลักษณะเป็นวงรียาวดูแล้วเหมือนตาของแมวไม่มีผิดเลย
“มึงฆ่ากู มึงฆ่ากู ฮือ!!”
เงาดำเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวด จู่ๆภาพบางอย่างก็แสดงขึ้นในหัว ภาพเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นที่ตินได้ทำการฆ่าแมวไปที่ศาลด้านหน้าของโรงแรม ภาพนั้นทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าสิ่งตรงหน้าก็คือแมวตัวนั้น แมวดำที่เขาพึ่งฆ่าไปนั่นเอง
วินาทีที่ตินกำลังช็อคจู่ๆเงาดำนั่นก็กรีดร้องโหยหวนก่อนมันจะเอื้อมมือมากระชากคอเสื้อของตินขึ้นมาก่อนจะกระแทกหัวของมันเข้ากับหัวองตินอย่างแรง
“อ๊าก!!! ปล่อยกู!!”
ตินร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เงาดำนั่นมันไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมันใช้หัวของมันกระแทกลงมาซ้ำๆ ไม่พอมันจะยังใช้แขนทุบทั้งสองข้างทุบเข้าที่หน้าท้องและเอวของเขา ตินพยายามดิ้นแต่ไม่ว่าจะพยายามยังเขาก็ไม่สามารถดิ้นหลุดได้ จนในที่สุดเงาดำนั่นก็หยุดลงก่อนมันจะหายจากไป
ในตอนเช้าพี่ที่ทำงานมาหาเขาในห้องพักเพราะเห็นว่าตินไม่ไปทำงานสักที ทันทีที่พวกเขามาถึงก็ต้องตกใจเพราะสภาพที่พวกเห็นก็คือตินในสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ลมหายใจของเขาโรยรินมาก
พี่ที่ทำงานพาตินส่งโรงพยาบาลเพื่ทำการรักษา คุณหมอบอกว่าศีรษะของตินได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง กระดูกช่วงท้องแตกหักจนแทบไม่เหลืออวัยวะภายในเสียหายจนเข้าระดับร้ายแรง คุณหมอบอกว่าโอกาสรอดของตินมีน้อยมากหรือต่อให้รอดตินก็จะไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้เพราะเส้นประสาทและอวัยวะสำคัญถูกทำลายแล้ว
ในตอนนั้นแม่กับผมและญาติๆช่วยกันหาหมอที่สามารถรักษาตินได้แต่กว่าจะหาเจอก็ใช้เวลาไปปีกว่า เราหมดเงินรักษาไปกว่าหลักล้านแต่โชคดีที่ตินพอมีเงินอยู่เลยไม่มีผลกระทบอะไรมาก
หลังจากที่ตินรักษาหายดีเขาก็กลับมาอยู่ที่บ้าน อย่างที่หมอบอกครับว่าถ้าหากตินรอดเขาก็จะไม่สามารถมีชีวิตแบบปกติเหมือนคนอื่นได้ ร่างกายและสมองของตินกลายเป็นอัมพาตช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่เขาเห็นศาลเจ้าหรือเห็นแมวเขาจะมีอาการหวาดกลัวจนสติแตกไปเลย ผมคิดว่านี่คงจะเป็นผลจากกรรมที่เขาทำเอาไว้ เขาจะต้องชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อเอาไว้ไปจนกว่าจะตาย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา