30 ม.ค. 2023 เวลา 01:00 • ความคิดเห็น

เรือใหญ่ควรออกจากฝั่ง

ผมตั้งชื่อบทความนี้โดยจงใจยั่วล้อเพลงฮิตของบอดี้สแลมที่ยุให้คนที่อยู่ในภาวะคับขันหรือเจอมรสุมอะไรร้ายๆให้ออกไปต่อสู้กับมัน ซึ่งผมคิดว่าเพลงเรือเล็กควรออกจากฝั่งเป็นเพลงที่ดีมากๆ ในการปลุกเร้าให้คนรุ่นใหม่ลองกล้าออกไปเผชิญอุปสรรคเพื่อให้ได้รับบทเรียนและเป็นประสบการณ์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ชีวิต
2
​ผมเคยได้มีโอกาสสนทนากับพี่เจ้าของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของประเทศท่านหนึ่ง ได้ฟังปัญหาที่แก้ไม่ตกขององค์กรที่เจริญเติบโตมาอย่างมากในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้กำลังเผชิญกับ “ความแก่” ของบุคลากรสำคัญ หรือที่พี่เขาใช้คำว่า “Aging Organization”
2
​องค์กรที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน คนที่อยู่มาด้วยกันก็เริ่มเข้าวัยสี่สิบกว่าๆ ห้าสิบปี เดิมเคยมองเห็นอนาคต กำลังห้าว บุกตะลุยอย่างไม่ยั้ง ก็เริ่มเข้าสู่การคิดถึงวัยเกษียณ มีครอบครัว มีลูกที่กำลังโต อยากใช้ชีวิตที่สงบขึ้น เป็นขาลงของชีวิต ในขณะที่องค์กร โดยเฉพาะสายไอทีที่พี่เขาอยู่ เป็นอุตสาหกรรมที่แข่งขันกันสูงมาก การเปลี่ยนแปลงมีตลอดเวลา และมีอะไรให้ต้องเรียนรู้อยู่เสมอ
2
องค์กรไอทีที่ผมรู้จัก ยังไม่มีใครสามารถผลัดใบตรงนี้ได้เลย จะค่อยๆ เล็กลงและล่มสลายไปในที่สุด
​พี่เขาว่าอย่างนั้น
​ที่สำคัญก็คือ คนที่ “Aging” นั้นส่วนใหญ่ก็เป็นผู้บริหารระดับกลางและสูงในองค์กรทั้งสิ้น และยังคงตัดสินใจเรื่องราวสำคัญๆ ทิศทางหลักของบริษัท และชอบใช้ประสบการณ์ในอดีต โดยเฉพาะความสำเร็จเก่าๆเป็นตัวยึด ใช้ความคุ้นเคยเป็นตัวนำ ในอดีต คนเหล่านี้เคยมองผู้บริหารอายุเยอะๆด้วยความขำในความเชยและความล้าสมัย
แต่พอตัวเองอายุห้าสิบเองกลับชอบคิดว่าตัวเองยังไม่เชย ยังใช้วิจารณญานส่วนตัวในการตัดสินใจอยู่เสมอ ที่หลงคิดไปว่าตัวเองไม่เชยนั้นก็เพราะคนรอบข้างที่แก่ขึ้นมาด้วยกัน สิ่งแวดล้อมที่เหมือนเดิมตลอด เพราะความ “อยู่กับที่” ของผู้บริหารส่วนใหญ่ที่ใช้ชีวิตเหมือนเดิมมาอย่างยาวนาน
2
​ที่น่าตกใจคือ สังคม สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วภายนอก ผมไม่ได้หมายถึงแค่อุตสาหกรรมไอทีอย่างเดียว แต่ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา อิทธิพลของ Smartphone และ Social Media ทำให้พฤติกรรมคนเปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ผู้บริหารที่ยังทำตัวเป็น “ศูนย์กลางจักรวาล” แล้วมีดาวหมุนรอบตัวเองอยู่ก็เลยยิ่งเป็นอุปสรรคของการพัฒนาขององค์กรในยุคที่อะไรๆก็เปลี่ยนไปอย่างมากมายแบบนี้
1
​ผมเพิ่งไปหาหมอที่ให้คำปรึกษาด้าน Anti Aging ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากตรวจร่างการเสร็จ หมอก็สรุปให้ฟังว่า ร่างกายผมก็ปกติดีและก็แก่ลงตามอายุขัย แต่ที่พลังลดลง หรืออ่อนเพลียง่ายขึ้นก็เพราะฮอร์โมนบางตัวลดลงตามสภาพ เช่นเทสทอสเตอโรนและ Growth Hormone ที่เคยมีสูงเหมือนตอนหนุ่มๆ ระดับฮอร์โมนที่ต่ำลงเหล่านี้ที่ทำให้เราแก่ลง กล้ามเนื้อสร้างได้น้อยลง ไขมันมากขึ้น ระดับการเผาผลาญต่ำลง
2
​หมอบอกว่า ถ้าจะอยากจะให้รู้สึกเป็นหนุ่มขึ้นกระฉับกระเฉงเหมือนเดิม ก็ต้องมีการปรับระดับฮอร์โมน และวิตามิน เป็นวิธีชะลอความแก่วิธีหนึ่งได้
แล้วถามว่า จะมีตัวยาอะไรที่เป็น “Anti Aging” ให้กับผู้บริหารที่เข้าวัยสี่สิบปลายๆ ห้าสิบต้นๆบ้าง?
1
ผมได้รับ Forward ข้อความสั้นๆมาอันหนึ่งซึ่งผมว่าเป็นแนวทางที่ดีในการชะลอ “ความแก่” ทางธุรกิจ ข้อความนั้นอาจจะไว้แนะนำคนรุ่นใหม่ แต่ผมคิดว่าสามารถนำมาปรับใช้กับคนยุคเก่าได้เป็นอย่างดี
1
เขาบอกว่าให้ลอง…
Become friends with people who aren’t your age. Hang out with people whose first language isn’t the same as yours. Get to know someone who doesn’t come from your social class. This is how you see the world. This is how you grow”
6
ก็คือลองทำอะไรที่ไม่คุ้นชินนั่นเอง…
4
ผู้บริหารอายุเยอะๆ และมีตำแหน่งสูงๆ มักจะมีพื้นที่คุ้นชินที่แสนสบาย แต่ในการที่จะยังสามารถเติบโตทางปัญญาและวิธีคิดให้เท่าทันคลื่นลูกใหม่ๆนั้น ต้องออกจากพื้นที่คุ้นชินที่ตัวเองมี ผมว่าหัวใจของการออกจากพื้นที่คุ้นชิน ไปคบไปเจอคนรุ่นใหม่บ้าง ไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นบ้าง
ไปเรียนรู้โลกใหม่ๆวิชาใหม่ๆบ้าง นั้นไม่ใช่แค่เรื่องความคิดใหม่ๆที่จะได้ แต่มันจะทำให้ผู้บริหารเข้าใจได้มากขึ้นว่าตัวเองไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาลอีกต่อไป แค่ความคิดเรื่องนี้เรื่องเดียวก็ลดอายุองค์กรไปได้เยอะแล้ว
1
เรือใหญ่ควรออกจากฝั่งบ้างครับ….
1
โฆษณา