29 ม.ค. 2023 เวลา 10:03 • ปรัชญา

โทนฤดีนักเดินภู

เตรียมการ
เพียงแผ่ว ลมไหวหนาวรานเนื้อ
พับเสื้อ ใส่เป้เตรียมล่องฝัน
ตากรองเท้ารับไอ อุ่นเหมันต์
ไม้เท้า หนาวสั่นสะท้านลม
สะบัดเต็นท์ผึ่งหอมไล่เหม็นอับ
กรอบแกรบ ข้อพับร้องตอนก้ม
ลูบเข่าอย่าร้าวปวดระบม
น้ำมันมวยบีบบ่มนวดน่องบาง
ตรวจไฟฉายเตรียมฉายในคืนค่ำ
จักส่องดาวขับลำนำจนรุ่งสาง
คลี่ถุงนอนรับแดดหอมจางจาง
ก่อนเดินทางลมขาน สราญฤดี
เดินทาง
ใกล้รุ่งฟ้าผ่านราตรีดึก
ป่าลึกใบไม้โปรยหลากสี
แรมราสางแล้วแสงรวี
ทางชันวันนี้ พิสูจน์ใจ
ค่อยยันค่อยขืนค่อยก้าวขา
หน้ามืดอ่อนล้าใจสั่นไหว
ผาชันข้างหน้าปีนไต่ไป
กัดฟันไกลไหมไม่บ่นคราง
กว่าจะหอบร่างขึ้นถึงสันภู
ต้องฝืนสู้กี่ฝ่าสันเขาขวาง
ภาระ บ่าแบกมิอาจวาง
คนจริง การเดินทางจึงจำเป็น
ราตรี
นวดน่องในเต็นท์ใต้ป่าสน
สอบผ่านด่านอดทนด่านยากเข็ญ
ขอบคุณสองเท้าเพียรบำเพ็ญ
ฉ่ำเย็นอากาศก่อนราตรี
ขอบฟ้าตะวันตกแดดฉาน
สาดแสงจัดจ้านแดงรังสี
ครั้นมืดระบายหมึกลบรวี
ลอยเด่นวิถีเรืองเสี้ยวจันทร์
เรไรขานขับกลางป่าดิบ
ยินคนจรเอ่ยกระซิบได้อ่านฝัน
วิถีดาวนาฏกรรมแต่ปางบรรพ์
ล่องพิมานชมสวรรค์ตระการไพร
จรราตรีในวิถีจักรวาล
ข้าคนเมืองฟุ้งซ่านพึ่งมาใหม่
มาสบตาหมู่ดาวทิ้ง Wi-Fi
จักเปิดใจ หากใจห่างแสงนาคร
ฟ้าสาง
เรไรกลางดึกกล่อมให้หลับ
ตอบรับ จักจั่นหมาไนหอน
รุ่งสางน้ำค้างพรมดาราจร
แสงอรุณรอนรอนเริ่มรางราง
สวบสาบ สู่ทิศตะวันขึ้น
ภวังค์ตื่น ปลุกเรียกก่อนฟ้าสาง
สู่เชิงผา นั่งรอแสงรางชาง
ลิบลิบ จุดสว่างแสงในเมือง
แง้มอรุณระบายลบไล่แสงหมึก
ลับลึก ปรับเฉดสีส้มเหลือง
กิ่งสนบังแสงพลันมลังเมลือง
ที่ซอกกิ่งกลีบเอื้องน้ำค้างริน
กระจ่าง ชัดเด่นแนวเทือกภู
เบื้องหน้า เกิดค่าคู่วิจิตรศิลป์
พลันตะวันค่อยเยื้องฝ่าเมฆินทร์
จนฟ้าสว่างสิ้นเป็นฟ้าคราม
ร่องลม หวือถูกตัวเป็นสายเส้น
เสียดผาเยียบเย็นน่าเกรงขาม
น้อมต่ำ เหินสูงสายลมงาม
แตะหญ้านิรนาม พริ้วเบาเบา
ดอกหญ้าป่า ฝนทิ้งเริ่มฟุบหลับ
มอสแห้งถูกประทับคาหินเหงา
เม็ดน้ำค้างใสใสในแดดเช้า
เรียกให้อ่านนิยายเศร้าถึงยามเย็น
สีป่า
เหลืองส้ม แดงใบไม้แซมเขียว
แห้งเหี่ยว น้ำตาลเทาแสนเข็ญ
เกิด-ชรา ขึ้น-ตก ร้อน-เย็น
พบ-เห็น จากกรอบตาสู่กรองใจ
สีใบไม้ สีป่า ชราสร้าง
สีท้องฟ้า เต็ม-ว่าง สนั่นไหว
สังขาร แรง-หย่อน สุข-เศร้าใจ
เอ่ยคำ ถามใดจึงคู่ควร
เสียงตอบ ไม่เดียวดายหรอกมนุษย์
สัมผัสบริสุทธิ์ชวนนึกหวน
เสาะหา สนทนาทบทวน
ถี่ถ้วน สู่ปริศนาจักรวาล
ไถลลง
ไถลลง หลังจากเก็บดอกไม้ฝัน
ลาแล้ว ดาวจันทร์ที่เคลื่อนผ่าน
ร่องลึก เปลือกสน บอกห้วงกาล
พบพาน มิติเกินคำนึง
หยั่งเท้าแต่ละก้าว กะวัดได้
แต่กล้ามเนื้อเจ็บใน หยั่งถึง
ลื่นเซทรุดล้มให้ตราตรึง
ข้อตึง น่องซึ้งเกินทรงจำ
ในกาย แกร่งแข็งยังเร้นลับ
เปลวแดดแผดพยับ เหงื่อร่ำ
ไม้เท้า ปักหลักก้าวแนะนำ
ขาลง หนักช้ำสุดจะทน
บอกลา ภูกระดึงสุดตึงข้อ
บอกท้อ แต่ว่าจะมาอีกหน
บอกเข้มแข็ง แต่ดูเถิดเราคือคน
บอกให้ยล ผู้พิชิตพิชิตใด
มิ่งมิตร
มิ่งมิตร มินานเราคงย้ายแยก
สายน้ำแตกแต่จักพบบรรจบใหม่
ขุนเขา แน่นหนักจักตรึงใจ
เรียกเรา กลับไปเมื่อต้องการ
เฝ้าผา รอตะวัน ขึ้น-ตก
ทางโล่ง ทางรกเราฝ่าผ่าน
หนาวลม อุ่นใจผู้พบพาน
บ่มจิตและชำนาญให้พร้อมมา
ยอดภูเกลื่อนค่ายิ่งมิ่งมิตรเอ๋ย
ไม่คุ้นเคยจึงขึ้นมาเสาะหา
ทุกเถื่อนไพรมีสหายผู้เมตตา
ซึ่งอาจไขปริศนา ให้ชีวิต
สะพายเป้ออกไปไขชีวา
ฟังใบไม้สนทนาจนสนิท
ในยิ่งใหญ่เห็นความงามเห็นความคิด
เห็นธรรมชาติพิชิตหัวใจเรา
สะพายเป้ออกไปไขชีวา
หยุดเวลาในป่า เถอะเพื่อนเก่า
มีชีวิตเรียบง่ายบางเบา
ปลดโซ่ โง่เขลาล่ามตัวตน
มีชีวิต เยี่ยงใดเลือกเอา
เห็นไหม โง่เขลาในตัวตน
คำ : ยิ้ม สามบุตร
๒๙ มกราคม ๒๕๖๖
โฆษณา