Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Principle4biz
•
ติดตาม
30 ม.ค. 2023 เวลา 09:20 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ถ้าเราพบความแตกต่าง เราต้องวัดมันออกมาให้ได้ :
Roy F. Allison (Allison Acoustics, Inc)
วาทะที่ 4 ของ 20 วาทะแห่งปัญญา
Roy F. Allison (BC 1927-2016) เขาเป็นตำนานของผู้สร้างองค์ความรู้ทางด้านระบบเสียง ที่เรียกว่า Room Acoustics และผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อให้กับของเขาก็คือ Allison Room matched loudspeaker ที่มีรูปร่างแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นๆในท้องตลาด (ตามรูป)
แน่นอนที่มาของ Allison Acoustics, Inc นั้นไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เพราะ Roy เขามีประสบการณ์จากการร่วมงานกับ Acoustics Research, inc (AR ) มาก่อน และเมื่อลำโพง Allison เมื่อออกสู่ตลาดก็ได้รับการตอบรับไปทั่วโลก ซึ่งในไทยเราก็มีนำเข้ามาขายด้วย เมื่อ 40 กว่าปีมาแล้ว
( AR ก็คือ แบรด์ลำโพงชื่อดังเมื่อ 50 ปีก่อน เป็นผู้คิดค้นลำโพงระบบตู้ปิด acoustic suspension และ Roy ได้มีส่วนรวมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ AR จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก)
ที่มา :
https://www.stereophile.com/content/glorious-time-ars-edgar-villchur-and-roy-allison-allison-part-
ที่มาของคำที่ว่า “ถ้าเราพบความแตกต่าง เราต้องวัดมันออกมาให้ได้” นั้นก็มาจากความคิดของ Roy ที่พบว่าการออกแบบลำโพง AR นั้นใช้การทดสอบในห้อง Acoustic Chamber (ห้องที่เก็บเสียง ไม่มีเสียงภายนอกรบกวน และปราศจากเสียงสะท้อน) มันไม่ใช่แนวคิดที่ถูกต้องนัก เพราะห้องฟังเพลงทั่วไปก็คือ ห้องรับแขกของคนทั่วไปซื้อไปฟังกัน
เมื่อเขาได้ออกจาก AR เขาก็ได้เริ่มต้นแนวคิดของเขา เขาได้ทำการวิจัยว่า ทำอย่างไรให้เสียงของลำโพง เมื่อเอาไปใช้ในห้องรับแขกแล้ว เสียงยังคงมีประสิทธิภาพดีได้เช่นเดิม นั้นจึงทำให้เขาทำการวิจัยอย่างหนัก และผลงานการวิจัยนั้นก็กลายเป็นตำราให้กับบริษัทเครื่องเสียงทั่วโลกได้เอาไปใช้กัน (His Research : Boundary-effects phenomenon)
งานวิจัยที่ว่านี้ก็คือ การค้นหาว่า ความแตกต่างของเสียงจากลำโพงเมื่อนำไปใช้ในห้องรับแขก ทำไมถึงแตกต่างจากในห้อง Acoustic Chamber แน่นอนไม่ง่ายเลย เพราะในยุคนั้นมันยังเป็นแค่ ยุค Analogs เครื่องวัดก็ยังไม่ทันสมัยเหมือนยุค Digital นี้
แต่ประโยชน์ที่ผมจะนำใช้นี้ ก็คือ วาทะที่ว่า “ถ้าเราพบความแตกต่าง เราต้องวัดมันออกมาให้ได้”
มันก็สื่อได้ถึงแนวคิด ที่นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ทั่วโลกนี้ เขาใช้เป็นแนวคิดกัน ในการคิดค้นคว้า ที่ทำให้ค้นพบสิ่งใหม่ๆและวิธีการใหม่ๆบนโลกนี้ และคนธรรมดาอย่างเราก็สามารถใช้แนวคิดนี้ได้เช่น
ยกตัวอย่าง : ทำไมของที่วางขายอยู่บน ชั้นวางสินค้าของ Super market เขาพบสินค้าประเภทเดียวกัน แต่อยู่วางอยู่ชั้นในจุดที่แตกต่างกัน มีผลต่อยอดขาย เช่น ชั้นบนขายได้น้อยกว่าชั้นล่าง !
แน่นอนถ้าเป็นเราก็คงคิดได้ ว่ามันอยู่ในระดับสายตา มันก็ต้องมีโอกาศในการมองเห็นที่มากกว่า มันก็เลยขายได้มากกว่า
แต่บริษัทฯที่เป็นเจ้าของ Super Market เขาก็พบความแตกต่างนี้ แต่เขาไม่มาคาดเดา หรือ คาดคะเน ว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ เขาเอาโจทย์นี้ไปให้นักวิจัย คิดอย่างเป็นระบบ และต้องวัดผลออกมาให้ได้ (ออกเป็นตัวเลข เช่น ดีกว่ากี่ % อะไรแบบนี้) และนี้ก็เป็นที่มาของ Neuromarketing
Neuromarketing คือการทำความเข้าใจลูกค้าตั้งแต่จิตใต้สำนึก ความรู้สึกและอารมณ์ขั้นพื้นฐาน รวมไปถึงปฏิกิริยาตอบสนองต่าง ๆ เมื่อมีสิ่งแวดล้อมภายนอกมากระทบและเกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเช่น อัตราการเต้นของหัวใจ รูม่านตาขยายกว้างขึ้น หรืออารมณ์ดีใจ ข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์จะเป็นรูปแบบสถิติ ซึ่งถูกนำมาวางแผนทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
https://stepstraining.co/strategy/benefits-of-neuromarketing-for-business
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ก็จะมีคำถามต่อว่า แล้วถูกมันนำไปใช้อย่างไร คำตอบก็คือ
1. การใช้สีของบรรจุภัณฑ์ มีผลต่อการดึงดูดให้ลูกค้าสนใจ ในตัวสินค้า เช่น คุณลองดู ขนมขบเคี้ยวที่ขายดี Packaging จะมีสีสันที่สดุจตาอย่างมาก
2. การตำแหน่งที่ตั้งของสินค้า ที่เหมาะสมที่สุดของสินค้ามีผลต่อการขาย เช่น ชั้นขายบุหรี่จะอยู่ตรงบริเวณ จุดรับชำระเงิน
3. การวิจัยแบบนี้ทำให้ Super Market สามารถตั้งเงื่อนไข ที่แตกต่างกันบนชั้นวางสินค้าได้ เช่น ถ้าเขาบอกคุณว่าตำแหน่งนี้ จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น15% คุณอยากได้มั้ยล่ะ แต่คุณจะต้องมีการจ่ายเพิ่มนะ !
เห็นไหมครับ วาทะที่ว่า “ถ้าเราพบความแตกต่าง เราต้องวัดมันออกมาให้ได้” มันเป็น ประโยชน์ต่อแนวคิดในการวิจัย การค้นคว้า นำมาซึ่งการ “รู้จริง”
การรู้จริง มันก็เหมาะกับสังคมไทยเราอย่างมากด้วย เมื่อ 10 ปีก่อนก็ว่าเด็กไทย อ่านหนังสือไม่กี่บรรทัด เดี่ยวนี้ไม่อ่านแล้ว ใช้ฟังเอา มันก็เลยล่องลอยไปตามสิ่งที่ฟังมา เชื่อแบบไหนก็ไม่รู้
เราถึงพบว่า อาหารเสริมกินปับได้ผลปุบ ขายดี เพราะเห็นคนขายสวย ! / เข้าร่วมลงทุนแบบที่ลงน้อยได้มาก และได้เร็ว เพราะเห็นคนชวนขับรถหรู / หลงไปเล่นพนันออนไลน์ เพราะมันว่าจ่ายจริง ไม่มีโกง ! / เดี่ยวนี้ยังเชื่อกันว่า คนเก่งเป็นคนน่ายกย่อง คนดีเป็นคนโง่ !
อย่าให้สังคมไทย กลายเป็นสังคมฉาบฉวย เพราะจะทำให้ผู้คนไม่เชื่อในเรื่อง ความอดทน และความพยายาม และจะมองหาแต่ทางลัดกัน จนเกิดปัญหาสังคมขึ้นมา
มาสร้างสังคม ที่ “รู้จริง” กัน ด้วยวาทะที่ว่า “ถ้าเราพบความแตกต่าง เราต้องวัดมันออกมาให้ได้”
Credit : Anant.V (Tangram strategic Consultant)
เคล็ดลับที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในงานจัดซื้อ ..........มาเรียนรู้กับเราได้ที่นี้
แผนการอบรมเพื่อ “งานจัดซื้อ” สำหรับปี 2566 / 2023
ในปีนี้ Tangram Strategic Consultant เราจะมี class แบบ Online / Onsite
>สำหรับ Online 12 Classrooms สามารถดูรายละเอียดได้ที่
Seminar DD :
https://seminardd.com/category/62/sub/108
>สำหรับ Onsite 5 classrooms สามารถดูรายละเอียดได้ที่
Class Information :
https://tangramclassinfo.blogspot.com/2023/01/class-information-y2023-onsite.html
ความรู้รอบตัว
ปรัชญา
แนวคิด
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย