30 ม.ค. 2023 เวลา 15:46 • ประวัติศาสตร์

วาเลนติโน่(Valentino) ค.ศ.1959

เมื่อเราเริ่มพูดถึง สีแดง ขึ้นมาในแวดวงอุตสาหกรรมแฟชั่นแล้วล่ะก็... หนึ่งในนั้นที่จะต้องเอ่ยถึงอยู่เสมอก็คงจะหนีไม่พ้น อีกหนึ่งแบรนด์แฟชั่นระดับตำนานอย่าง Valentino ที่มีเฉดสีแดงเป็นดั่งสัญลักษณ์ของแบรนด์ก็ว่าได้
วาเลนติโน่ การาวานิ ตัวเขานั้นเกิดเมื่อ 11 พฤษภาคม 1932 ซึ่งก็ได้เป็นดีไซน์เนอร์ของอิตาลีชื่อดัง สำหรับจุดเริ่มต้นของการ ที่ตัวเขานั้น ได้มาเป็นดีไซเนอร์ ก็ได้เริ่มมาจากการที่เขา ได้มีความสนใจ และหลงใหลใน ภาพยนตร์เรื่อง Ziegfeld Girl
ซึ่งขณะนั้นเขาเองได้มีอายุเพียง 9 ขวบ วาเลนติโน่ การาวานิ ฝึกหัดการออกแบบภายใต้การดูแลของป้า Rosa และนักออกแบบท้องถิ่น Ernestina Salvadio ป้าของศิลปินชื่อดัง Aldo Giorgini
Aldo Giorgini
วาเลนติโน การาวานี ยังได้เดินตามสายทางความฝัน ด้วยการย้ายไปอยู่ ณ กรุงปารีส และเข้าเรียนต่อที่ École des Beaux Arts และ Chambre syndicale de la couture parisienne ตามลำดับ ก่อนที่จะได้สร้างผลงานชิ้นโบว์แดงในชีวิตการดีไซน์ครั้งแรก
ด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศจากเวที International Woolmark มาได้ในวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น ก่อนที่เขาจะตกลงปลงใจเริ่มสายทางอาชีพกับห้องเสื้อระดับโอต์ กูตูร์ ในประเทศฝรั่งเศสอย่าง Jean Dessès หรือกระทั่งที่เขายังเคยร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่น Guy Laroche มาแล้ว
หลังจากนั้นวาเลนติโนจึงได้ทำตามความฝันที่สูงขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น ด้วยการตัดสินใจกลับมาที่กรุงโรม เพื่อที่จะเปิดกูตูร์เฮาส์เล็กๆ เป็นของตัวเองเสียทีในปี ค.ศ.1959 ในนามว่า Valentino ซึ่งนับได้ว่าเป็นอีกจุดเริ่มต้นสำคัญ
ในคอลเล็คชั่นแรก เขานั้นก็ได้รับแรงบัลดาลใจจากวัยเด็กของเขาเอง ที่ได้เจอกับหญิงสาว โดยใส่ชุดกระโปรงผ้าสีแดงกำมะหยี่ ที่โรงละครเมืองบาร์เซโลน่า โดยถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ เขานั้นเลือกใช้สีแดง ในการเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เขาเองด้วย
The Valentino Red Dress
2 ปีต่อมา หลังจากที่เขานั้นได้เปิด กูตูร์ เฮ้าส์ ที่กรุงโรมบ้านเกิด ตัวเขาเองนั้นก็ได้ทุ่มเงินส่วนมาก ไปกับแบรนด์ที่ตัวเองสร้างขึ้น จึงทำให้เกิดสภาวะขัดสนในเรื่องของเงิน หมุนเวียนไม่ทันขึ้นมา
มันทำให้มีแนวโน้มว่าแบรนด์อาจจะเสี่ยง อยู่ในการล้มละลายเป็นอย่างมาก โดยเหตุการณ์นี้ ทำให้เขานั้นกลับมานั่งคิด และใช้สติกับมัน ในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ในปี ค.ศ.1960 Valentino Garavani ได้พบกับ เจียนคารโล จัมเมทติ (Giancarlo Giammetti) นักเรียนสถาปัตยกรรมที่กลายมาเป็นหุ้นส่วนของเขาในเวลาอันรวดเร็ว Valentino เปิดตัวการกลับมาอีกครั้ง
ในปี ค.ศ.1962 ด้วยคอลเล็กชั่น โอต์ กูตูร์ คอลเล็กชั่นนี้สร้างชื่อเสียงทำให้ผู้คนได้รู้จักกับแบรนด์ Valentino เพียงชั่วข้ามคืน และดึงดูดความสนใจจากผู้หญิงชนชั้นสูงจากทั่วโลกด้วย ในปี 1967 Valentino Garavani ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจาก นีแมน มาร์คัส (Neiman Marcus) ห้างสรรพสินค้าสุดหรูจากอเมริกา
Jackie Kennedy : การแต่งงานครั้งที่ 2
ในบรรดาลูกค้าที่โดดเด่นที่สุดคือ แจ็กเกอลีน เคนเนดี (Jacqueline Kennedy) สุภาพสตรีหมายเลข 1 เธอสั่งชุดสีขาวและสีดำ 6 ชุดเพื่อใส่เป็นชุดไว้ทุกข์ให้กับประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy)
และในการแต่งงานครั้งใหม่ของเธอกับเศรษฐีที่ชื่อ อริสโตเติล โอนาซิส (Aristotle Onassis) ในปี ค.ศ.1968 Valentino ก็ยังเป็นแบรนด์ที่เธอเลือกให้ทำชุดแต่งงานของเธอ
Elizabeth Taylor : งานเปิดตัวภาพยนตร์ Spartacus
ในช่วงปี ค.ศ.1970 Valentino Garavani ใช้เวลาส่วนใหญ่ในนิวยอร์ก นอกจากมิตรภาพระหว่างเขาและ แจ็กเกอลีน เคนเนดี แล้วเขาก็เป็นเพื่อนสนิทกับศิลปินผู้โด่งดังอย่าง แอนดี วอร์ฮอล (Andy Warhol) ตลอดเส้นทางสายอาชีพนักออกแบบของเขาเขาได้ดูแล Valentino, Valentino Garavani และ Valentino R.E.D
ปี ค.ศ.1998 Valentino Garavani และ Giancarlo Giammetti ได้ขายบริษัทของพวกเขามูลค่า 300 ล้านดอลล่าร์สหรัฐให้กับกลุ่มบริษัทในเครือ HDP ของอิตาลี จากนั้น HDP ก็ได้ขายแบรนด์ให้กับ Marzotto Apparel ถึงอย่างนั้น Valentino Garavani ก็ยังคงมีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนเจ้าของใหม่ก็ตาม
หากจะถามเรื่องของจุดเริ่มต้น ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์อย่างมาก เราก็ปฎิเสธไปไม่ได้ ในเรื่องของการออกแบบ ดีไซน์คอลเล็กชั่นของห้องเสื้อระดับ โอต์ กูตูร์ ที่ทำให้แบรนด์นั้น ได้กลายเป็นที่นิยมทั่วโลก แถมยังได้รับความสุดยอด ในเรื่องของการออกแบบ ที่ทั่วโลกยอมรับ
Maria Grazia Chiuri และ Pierpaolo Piccioli
จนถึงเวลาที่เขานั้นได้ ประกาศวางมือจากการดูแลแบรนด์ ที่ตัวเขาเองได้ก่อกำเนิดขึ้นมา ในวันที่ 4 กันยายน 2007 ซึ่งเหตุผลที่เขาได้ให้ไว้นั้นก็คือ เริ่มอิ่มตัวทางด้านแฟชั่น ดังนั้นเขาจึงได้ให้ มาเรีย กราเซีย คิวริ (Maria Grazia Chiuri) และ ปิแอร์ เปาโล ปิชอลิ (Pier Paolo Picioli) เข้ามารับช่วง ในการดูแลแบรนด์ต่อไป
ต้องบอกเลยว่า ทั้งคู่นั้น ก็ได้รักษามาตรฐานของแบรนด์Valentino ได้อย่างดีที่สุด และยังคงความดั้งเดิมของแบรนด์แบบเด่นชัด
ซึ่งผลงานของเขา ที่ถือว่าได้เป็นความตื่นตาตื่นใจ ให้กับพวกเขาเลยก็คือ คอลเล็กชั่น โอต์ กูตูร์ ที่กรุงปารีสในช่วงเดือนมกราคม ปี 2009 ที่ทำให้พวกเขานั้น ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จกับ คอลเล็คชั่นนี้ได้อย่างแท้จริง
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference วาเลนติโน่(Valentino) :
โฆษณา