1 ก.พ. 2023 เวลา 02:29 • ความคิดเห็น

พนักงานวิญญาณเถ้าแก่

โลกที่ไม่ง่ายในวันนี้ดูเหมือนจะทำให้น้องๆรุ่นใหม่ที่ทำงานในบริษัทต้องลำบากมากขึ้นกว่าในอดีตมาก จะเจริญเติบโตในหน้าที่การงานก็ยากขึ้นมาก งานหลายอย่างก็ถูก AI ทดแทนไป เงินเดือนก็ไม่ได้มากพอที่จะมีชีวิตที่ดี ตอนผมเริ่มงานปริญญาโทเมื่อสามสิบปีก่อน เงินเดือนตอนนั้นหมื่นแปด
3
สามสิบปีผ่านไปเงินเดือนปริญญาโทปัจจุบันก็ไม่ได้ต่างกันมาก แค่ตัวเลขนี้ก็รู้แล้วว่ารุ่นใหม่ๆที่ทำงานในบริษัทนั้นยากลำบากแค่ไหน เหตุนี้จึงหลายคนก็ไม่อยากทำงานในบริษัทอีกต่อไป ไปขายของออนไลน์ เป็นฟรีแลนซ์อาจจะได้ตังมากกว่าด้วยซ้ำ
2
แต่ในความยากลำบากที่ว่า บริษัทขนาดกลางและใหญ่ต่างๆกลับมีความต้องการคนรุ่นใหม่ที่เป็นสายพันธุ์ใหม่ชนิดหนึ่งอย่างมาก เพราะองค์กรขนาดใหญ่เริ่มตระหนักถึงความอุ้ยอ้าย การปรับตัวได้ยากลำบากและมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ถ้ายังทำตัวเหมือนเดิม หา S Curve ใหม่ไม่ได้ หรือดึงคนเก่งไว้ในองค์กรไม่ได้
ขั้นตอนต่างๆ ที่มีอยู่ ระบบอาวุโสต่างๆก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนอะไรกันได้ในชั่วข้ามคืน คนรุ่นใหม่เข้ามาถ้าไปถูกกลืนไปกับวัฒนธรรมองค์กรเดิมก็ทยอยลาออกในที่สุด
บริษัทห้างร้านต่างๆจึงเริ่มมีวิธีคิดที่อยากหา “เถ้าแก่น้อย” ในองค์กรขึ้นมา เป็นเผ่าพันธุ์ที่ผสมผสานระหว่างพนักงานบริษัทที่ยังไม่พร้อมที่จะเสี่ยงเต็มตัวกับการเป็นผู้ประกอบการด้วยตัวเอง แต่มีจิตวิญญาณเถ้าแก่และมีความฝันที่จะเติบโต มีโอกาสแจ๊คพอต ได้ร่ำรวยมากกว่ากินเงินเดือน
ที่ผมใช้คำว่าเถ้าแก่น้อยก็เพราะว่าได้ไปดูงานของกลุ่ม CP ที่สถาบันพัฒนาผู้นำที่เขาใหญ่ที่ทาง CP นำเอาน้องๆจบใหม่บ้าง เพิ่งเริ่มทำงานบ้างมาสอน มาฝึกอบรม ในทำโครงการต่างๆ และถ้าพอไปได้ CP ก็ให้มีส่วนเติบโตหรือหุ้นเป็นเถ้าแก่ไปเลยไม่ต้องเข้าแถวตามระบบบริษัท
CP เรียกน้องๆเหล่านี้ว่าเถ้าแก่น้อย โครงการนี้ CP จริงจังมากถึงขนาดท่านประธานธนินท์ ลงมาฟูมฟักด้วยตัวเอง ที่ CP ลงทุนลงแรงขนาดนี้ก็ทางหนึ่งก็เพราะรู้ดีว่าคนเก่งๆนั้นสำคัญกับโลกอนาคตแค่ไหน และการรักษาคนเก่งๆที่มาช่วยคิดในโลกใหม่นั้นต้องเริ่มสร้างเถ้าแก่ภายในขึ้นมาให้ได้โดยเร็ว
3
ที่ SCBX ที่ผมเคยทำงานอยู่ก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก นอกจากจะแตกบริษัทย่อยให้ผู้บริหารแยกย้ายไปสร้างบริษัทใหม่หลายบริษัทและมีโครงการให้หุ้นเป็นผลตอบแทนด้วยแล้ว ที่ SCB 10X ก็ยังมีการบ่มเพาะพนักงานที่เก่งๆด้านเทคและพร้อมที่จะลงทุนโดย SCB 10X ถือหุ้นใหญ่และให้หุ้นน้องๆที่คิดโครงการได้ มีวิญญาณเป็นเถ้าแก่
2
ออกไปลุยประกอบกิจการเอง โดยภาษาฝรั่งเท่ๆเรียกว่า Venture Builder ที่ผ่านมาก็มีโครงการที่โด่งดัง ประสบความสำเร็จและน้องๆ ที่เริ่มทำตั้งแต่แรกก็ได้เงินไปจากการขยายกิจการอย่าง Apeboard ที่เป็นแพลตฟอร์มดิจิตอลที่จัดการข้อมูล Digital Asset โดยน้องไมค์ กษิดิ์เดชที่เริ่มจากพนักงานแล้วคิดโครงการนี้ได้ SCB ก็ร่วมลงทุนจนน้องไมค์กลายเป็นเถ้าแก่ไฮเทคในปัจจุบันด้วยมูลค่าบริษัทเป็นพันล้านบาท ส่วนที่เวิร์คพอยท์ที่สร้างผู้บริหารเก่งๆมาพอถึงจุดหนึ่งผู้บริหารออกไปเป็นเถ้าแก่ เวิร์คพอยท์ก็จะขอหุ้นด้วยเป็นปกติ
1
ผมได้คุยกับหลายบริษัทขนาดใหญ่ในไทย แทบทุกแห่งต้องการพนักงานพันธุ์ใหม่แบบนี้ทั้งสิ้น พนักงานแบบนี้นั้น หนังสือ Your Next Five Moves ( กำลังจะวางจำหน่ายภาคภาษาไทย เป็นหนังสือที่อ่านสนุกมากๆ) เรียกคนแบบนี้ว่าเป็นผู้ประกอบการภายใน
ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษจากพนักงานทั่วไปเพราะคนเหล่านี้จะคิดและทำเหมือนเป็นเจ้าของกิจการ ปรารถนาที่จะทำทุกอย่างให้บริษัทอยู่รอดได้เหมือนเจ้าของกิจการ พยายามสร้างหรือนำนวัตกรรมเข้าบริษัทเสมือนเป็นเจ้าของและปกป้องแบรนด์และผลประโยชน์ของบริษัทราวกับเป็นเจ้าของ คนเหล่านี้เลยต้องการการยอมรับ ต้องการสิทธิในการคิดเองทำเอง ต้องการทรัพยากรและมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของด้วย
2
ส่วนบริษัทที่จะดึงดูดพนักงานวิญญาณเถ้าแก่นั้นก็จะมีลักษณะที่มีโครงสร้างค่าตอบแทนที่สร้างแรงจูงใจให้คนสร้างนวัตกรรมและมีผลงานโดดเด่น มีสภาพแวดล้อมที่ทำให้ทีมผู้บริหารสบายใจในการคิดอะไรใหม่ๆ มีผู้บริหารระดับสูงที่เล่นเกมรุก ไม่ตั้งรับไปวันๆ มีวิธีการเลื่อนตำแหน่งให้ดาวรุ่งที่มีศักยภาพ
1
และตระหนักรู้ว่าบริษัทต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีพลังและความคิดสร้างสรรค์มาเติม ให้ความสำคัญกับคนพวกนี้อย่างมาก บริษัทแบบที่ว่ากับพนักงานแบบที่ว่านั้นพวกบริษัทยุคใหม่ของต่างชาติอย่าง Google Amazon Facebook หรือพวก Unicorn ทั้งหลายจะมีลักษณะแบบนั้นทั้งสิ้น เมืองไทยเองนั้น บริษัทกลางและใหญ่ทั้งหลายก็กำลังปรับตัวกันขนานใหญ่ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพนักงานประเภทนี้ซึ่งในยุคสมัยผมไม่มี
2
โอกาสที่ว่าจากโลกที่เปลี่ยนไปทำให้พนักงานวิญญาณเถ้าแก่นี้จึงเป็นที่ต้องการตัวของบริษัทต่างๆมาก ต่อให้ไม่ได้หุ้นใดๆหรือบริษัทนั้นอาจจะไม่ได้มีโครงการแบบ CP หรือ SCB แต่ลักษณะเด่นแบบนี้ก็จะเป็นดาวรุ่งที่มีโอกาส เจ้านายหรือเจ้าของบริษัทมองเห็นได้ง่ายและจะแตกต่างจากพนักงานทั่วไปอย่างชัดเจน
ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าน้องๆรุ่นใหม่จะพัฒนาตัวเองทั้งทักษะและ Mindset ให้เป็นพนักงานวิญญาณเถ้าแก่ได้อย่างไร และเลือกบริษัทที่มีปัจจัยเกื้อหนุนในเรื่องนี้ได้อย่างไร ถ้าทำได้แล้วก็น่าจะโดดเด่นและมีโอกาสมากกว่าคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน
ถ้าจะเป็นพนักงานบริษัทในยุคนี้สมัยนี้ จะให้ก้าวหน้าก็ต้องหาทางสวมวิญญาณเถ้าแก่กันดูละล่ะครับ…
2
โฆษณา