1 ก.พ. 2023 เวลา 14:35 • การศึกษา

ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด

สำนวนนี้มีมาตั้งแต่ยุคสมัยหลายเวลานานมาแล้วตั้งแต่เรายังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ แต่คุณจงจำไว้ว่าสำนวนนี้ส่อให้เห็นในหลายเเนวทาง ตั้งแต่เริ่มต้นยันท้ายสำนวน การที่เรานั้นมีการศึกษาหรือมีความรู้มากมายมันก็ไม่ได้ดีเสมอไปเหมือนในสมัยนี้ที่มีตัวอย่างมากมายให้เห็น คนที่มีความสำเร็จและมั่งคั่งที่เราเห็นกันมาแทบจะทุกรายก็ไม่ได้เกิดมาจากการที่เขานั้นรวยมาตั้งแต่เกิด หรือคนที่อาจจะรวยมาตั้งแต่เกิดทางฝั่งพ่อแม่ก็ไม่ได้รวยมาตั้งแต่เกิดเช่นกัน
บรรพบุรุษเราที่เขาสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจนเกิดขึ้นมามีความมั่งคั่งแบบนี้ได้เพราะการที่เขามี "ประสบการณ์" และ "ความอดทนมานะ" ล้วนๆ ที่ขาดไม่ได้เลยคือ"แรงจูงใจ"ที่เขามี มันทำให้ศักยภาพของคนเหล่านี้พุ่งทะยานแรงจนผ่านมาถึงจุดที่เขาได้มีอิสระและมั่งคั่งได้
สำนวนนี้ที่เกิดคือ ให้เราเอาคำพวกนี้มากระทบจิตใจให้เราสู้และพลักตัวเองขึ้นไปให้ได้อยู่จุดสูงสุด
การที่เรามีความรู้แต่ไม่มีหลักการที่เอามาใช้ก็จะไร้ประโยช แต่ถ้าหากคนที่มีความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมันมาอย่างโชคโชนก็จะรู้ซึ้งว่าการที่เราทำอะไรซ้ำๆจนให้มันดีขึ้นมาและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนั้นมันทำให้เราก้าวข้าวขีดจำกัดของความสามรถของตัวเราเอง
หากเราคิดว่าเราเรียนสูงสำหรับเงินเดือนที่พอใช้พออยุ่ไปก็เท่ากับว่าคุณได้ใช้มันในทางที่ผิด เพราะคุณสามารถทำให้ตัวคุณเองไปได้ไกลกว่านั้นอีกหลายเท่า แต่กลับกัน คนที่เรียนไม่จบไม่มีใบเกรดเรียนกลับมีความมั่งคั่งและอิสระมากกว่า เพราะ
เขาเอาประสบการณ์นั้นมาใช้อย่างคุ้มค่าและอย่างดีเยี่ยม
แต่ว่าจะค้นพบตุดมึ่งหมายเหล่านี้ ก่อนอื่นเลยคุณต้องรู้จักตัวเองและหนทางที่คุณจะพาตัวคุณเองไปให้ได้ก่อน
ทั้งหมดนี้ผมแค่ยกส่วนนึงมาอธิบายให้ฟังเท่านั้น
จงจำไว้ ตอนนี้เราได้อยู่สมัยใหม่แล้วไม่ได้อยู่สมัยเก่า
คำว่า ปลาเล็ก กินปลาใหญ่ มันหมดไปนานแล้ว
สมัยใหม่นี้ เราเรียก มันว่า ปลาเร็ว กินปลาช้า เพราะถ้าคุณไม่รีบคว้าคุณจะไม่มีทางไปถึงจุดสูงสุดแน่นอน.
จงหลุดออกจากความกลัว
เพื่อที่คุณจะมีความสุข
J.s
โฆษณา