9 ก.พ. 2023 เวลา 04:50 • ไลฟ์สไตล์

น้ำมันปลา หรือ น้ำมันตับปลา ต่างกันนะ?

คุ้นหูคุ้นตามานานมาก ก็น่าจะเป็น " น้ำมันตับปลา" ในขวดแก้วคล้ายๆขวดน้ำมันเพาะกล้ามโรเบิ์รต มีฉลากรูปคนเพาะกายเบ่งกล้ามหน้าขวด คุณแม่มักจะบอกหลังอาหารให้กลืนกิน 1 เม็ดตอนเด็กๆ สีจะออกเหลืองทองอ่อนๆเหมือนน้ำมันพืช ในแคปซูลรีๆเหมือนลูกรักบี้ รีๆ อ่ะ
น้ำมันตับปลาค็อดและน้ำมันปลา มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของคนเราและช่วยป้องกันโรคบางอย่างได้ น้ำมันทั้งสองชนิดมีแหล่งที่มาแตกต่างกัน น้ำมันตับปลาค็อดสกัดจากปลาค็อดแปซิฟิกและแอตแลนติก
กลุ่มปลานัำลึกหนาวเย็น เฉพาะเนื้อสัมผัสรสชาดจะมันนุ่มอร่อยมากครับ
สมัยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมคุณอาที่นอร์เวย์ หนาวร้าวเข้ากระดูกเลยละ
นอร์เวย์แซลมอนสด รสสัมผัสมันมาก
ในขณะที่น้ำมันปลามานั้นจากเนื้อเยื่อของปลา เช่น ปลาแเมคเคอเรล ปลาเฮอริ่งปลาทูน่า และปลาแซลมอน
น้ำมันปลา สกัดจากเนื้อเยื่อของปลาชนิดต่างๆ
ทั้งน้ำมันตับปลาค็อดและน้ำมันปลามี EPA และ DHA ซึ่ง EPA หรือ Eicosapentaenoic acid ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ และช่วยเพิ่ม HDL ในเลือด ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตัน
เป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด ส่วน DHA หรือ Docosahexaenoic acid เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสมองและการเรียนรู้
น้ำมันตับปลาค็อด แตกต่างจากน้ำมันปลา ตรงที่มีวิตามินเอและดีในระดับสูง
น้ำมันตับปลาสกัดจากตับปลา
อ้อเข้าใจละ ! วิตามินเอและวิตามินดี สูง มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของร่างกายของเรา บรรเทาอาการปวดจากข้ออักเสบ ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า แลดความดันโลหิตและไตรกลีเซอไรด์ ช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี
ป้องกันการสะสมของหินปูนบริเวณผนังหลอดเลือดแดง และเพิ่มภูมิคุ้ม
น้ำมันปลา สารสกัดเหลืองทอง คุณค่าสูง
น้ำมันปลา (Fish oil)
คือ น้ำมันที่สกัดมาจากปลาจากแหล่งธรรมชาติ มีส่วนประกอบคือ โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย และร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ จึงต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น
เพื่อประโยชน์สูงสุดในการบริโภคน้ำมันปลา ควรเลือกน้ำมันปลาที่มาจากปลาทะเลน้ำลึกที่มีไขมันสูง ซึ่งมักเป็นปลาน้ำเค็มในเขตหนาว เช่น ปลาในทะเลน้ำลึกประเทศนอร์เวย์ เพราะบริเวณนั้นเป็นแหล่งทะเลน้ำลึกที่สะอาดบริสุทธิ์ และมีสิ่งแวดล้อมและอาหารที่เหมาะสมแก่การสร้างโอเมก้า-3 ในเนื้อปลา ทำให้คุณภาพปลามีปริมาณโอเมก้า-3 สูงสุด
เสริมสร้างสมองสมบูรณ์ด้วยการเพิ่ม DHA
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมองเห็นของเด็กในช่วง 6 เดือนแรก และมีความสําคัญต่อการสร้างสารที่ทําหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างเส้นประสาท ซึ่งมีผลต่อการทํางานหรือการสั่งงานของสมอง หากคุณแม่อยากเพิ่ม DHA ให้กับเด็กวัยแรกเกิด คุณแม่ควรทาน DHA ให้มากๆ เพื่อส่งต่อ DHA ผ่านน้ำนมของคุณแม่ไปถึงคุณลูกได้
ผู้ใหญ่ เด็กเล็ก เด็กโต ก็บำรุงด้วยนะครับ!!
เดี๋ยวนี้ 1 ปุก มีตั้ง 400 เม็ด กินวันละ 1 เม็ดแคปซูล บำรุงตลอด 365 วันก็โอเคนะครับ อ้อ! การกินก็ไม่ได้หมายถึง กินทั้งปี กินทุกปี กินเป็นสิบๆปี ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวิตามิน สมุนไพร สารสกัด ชั้นเลิศสุดยังไงก็ต้องบอกตัวเองว่า ควรใช้หลัก
" เว้นวรรค หลากหลาย " ร่างกายจะได้ไม่ติดยึด เหมือนจำวงสวิงกอล์ฟ เหมือนเดิมๆๆๆๆ ต้องเปลี่ยน สลับสับเปลี่ยนให้เกิดความหลากหลายทางเลือกครับ
แล้วพบกันใหม่นะครับ
คราวนี้รู้แล้วว่า " น้ำมันปลา ต่างกับน้ำมันตับปลาอย่างไร?" ยังไงก็เป็นประโยชน์
รักษาสุขภาพกันด้วยครับ โควิด พลุบๆโผล่ๆ การ์ดตกกันหรือยังนะ?
โฆษณา