3 ก.พ. 2023 เวลา 11:16 • ไอที & แก็ดเจ็ต

ความรู้สึก หลังจากใช้ Pico 4 มา 3 วัน

เป็นการเขียนจากความรู้สึกและมุมมองของคนที่มี VR Headset ในปัจจุบัน 1 ตัว คือ Oculus Quest 2 ซึ่งใช้งานมา 2 ปีโดยในช่วง 2 ปีนั้น ใช้งานไปประมาณ 800 ชั่วโมง ซึ่งความรู้สึกและความคิดเห็นที่ได้ อาจจะแตกต่างจากของท่านอื่น ๆ นะครับ
หลังจากเห็น VR Headset เปิดตัวตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีน่าสนใจอยู่ 3-4 ตัว สุดท้าย ก็ไม่สามารถต้านทานความอยากได้ได้ คิดไปคิดมาอยู่พักนึง สุดท้าย จบที่เอา Pico 4 ก่อนละกัน
พอตัดสินใจได้แล้ว ก็หา ๆ ใน Online แล้วก็กดสั่งก่อนเที่ยง ของจากร้านที่อยู่ในกทม. ถูก pack ช่วงบ่าย แล้วก็ถูกส่งไปเที่ยวเล่นที่ศูนย์กระจายสินค้าบางพลีหนึ่งคืน แล้วตอนเช้า ก็วนกลับมากทม. มีแจ้งใน APP ว่า ของจะมาส่งวันนี้ ให้เตรียมรับของ
กล่องพัสดุใส่ Pico 4 ที่แพ็คมาอย่างดี
หลังจากแกะกล่องต่าง ๆ เรียบร้อย ก็ลองเปิดเครื่องเลย ตัว Headset มีแบตมาอยู่ประมาณ 60% สามารถเปิด Setup ได้เลย ส่วนที่ controller ก็ใส่ถ่านมาพร้อมใช้เช่นกัน
หลังจากที่เครื่องวางจำหน่ายเมื่อปลายปี เข้าใจว่ามีการอัพเดทซอฟแวร์กันพอสมควร ดังนั้น พอเปิดเครื่องและต่ออินเตอร์เน็ตได้ นอกจากมีให้ตั้งค่าพวก User Password ต่าง ๆ แล้ว ก็มีการ Force ให้อัพเดท Software เป็น Version ล่าสุด การ Setup ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก ส่วนใหญ่ ก็กด Next ๆ ไป ตามที่ขึ้นมา แล้วก็ให้ปรับค่าความห่างระหว่างสายตา (IPD) ซึ่งถ้าเป็น Quest 2 จะปรับโดยใช้มีเลื่อนเอา แต่สำหรับ Pico จะให้ปรับใน Software
เนื่องจากไม่ได้ ซื้อช่วงที่มีโปรพิเศษ ก็นึกว่าจะไม่ได้เกมส์แถม แต่พอสมัคร Log in เรียบร้อย ก็มีขึ้นว่า ได้เกมฟรี 4 เกมนะ ก็เลยรีบไป Download มาไว้ในเครื่องก่อน
4 เกมแถม สำหรับผู้ซื้อ Pico 4
โดยทั้ง 4 เกม ที่แถมให้มานั้น ไม่ได้ทำให้ดีใจขึ้นเลย เพราะว่าปัจจุบันมีอยู่แล้วใน SteamVR ซึ่งจริง ๆ ถ้าตัดสินใจซื้อเร็วกว่านี้ซักหน่อย คนที่ซื้อ Pico ช่วงปีใหม่มีโปรโมชั่นที่แถม 6 เกม แต่ไหน ๆ ก็ได้มาแล้ว จึงลองเล่นเปิดแบบ Stand Alone ใน Pico 4 ดู ก็พบว่า ภาพค่อนข้าง Drop กว่าในการเล่นจากใน SteamVR แต่ก็เป็นภาพระดับใกล้เคียงกันเมื่อเล่นกับ Quest 2 แบบ Stand Alone
หลังจากลองเกมแถมแล้ว ก็มาสู่การลองเล่น ตามปรกติที่เล่นประจำคือเล่นเกมใน SteamVR สิ่งที่ต้องทำเพิ่มคือ ต้อง Download Program Streaming Assistant มาลงใน PC เพื่อที่จะเชื่อม SteamVR กับ Pico4 เข้าด้วยกัน
Streaming Assistant ที่ต้องเข้าไป Load จาก Web Pico มาติดตั้งใน PC
ตอนแรกเลย ลองเชื่อมด้วย Wireless ก่อน โดยเชื่อมต่อผ่าน Wifi5 ที่ความถี่ 5Ghz พบว่า ภาพที่ได้ Drop กว่าตอนเล่น จาก Oculus 2 มาก
Streaming Assistant ให้เลือกว่า จะเชื่อมผ่าน Wifi หรือ USB
ถ้าเปรียบเทียบโดยให้การเล่นผ่านสาย USB กับ Oculus เป็นระดับสูงสุด คือเต็ม 100 การเล่นผ่าน Wireless ภาพที่ได้ถือว่าประมาณ 70% เท่านั้น รุ้สึกผิดหวังเลย แต่ก็คิดในใจ ว่าแค่หมื่นกว่าบาท ไม่เป็นไรหรอก
แล้วก็ลองเชื่อมต่อแบบใช้สาย USB ดู โดยเอาสายของ Quest 2 ตอนที่ซื้อมาเส้นละสี่พันนั่นแหละมาใช้ เพราะสายที่มากับ Pico สั้น พบว่าภาพดีขึ้นมาอีกหน่อย ถ้าเทียบแล้ว ถือว่าได้ซัก 80% ก็คิดว่า ก็พอถู ๆ ไถ ๆ ไปได้ สลับกันเล่นระหว่าง Pico4 กับ Quest 2 เอาละกัน อย่างน้อยภาพไม่สวย แต่ก็เบากว่า เจ็บแก้ม น้อยกว่า
หลังจากลองจนแบตใกล้หมด ระหว่างพักชาร์จแบต ก็ลอง Search หาข้อมูลเพิ่ม ใน Reddit ใน YouTube ก็พบว่า Virtual Desktop (VD) จะช่วยปลดล็อกศักยภาพให้กับ Pico 4 ได้ ก็ไม่รอช้า จะเข้าไปซื้อ VD มาลงใน Pico ซึ่งใน Quest 2 ที่มีอยู่ก็มีอยู่แล้ว คุณเคยในการใช้งานอยู่
โปรแกรม Virtual Desktop สำหรับลงใน PC และใน VR
แต่พอจะซื้อก็พบว่า การจะซื้อเกม ซื้อ App ใน Pico Store จะต้องไปซื้อใน Mobile APP ไม่สามารถซื้อใน Headset ได้ ก็เลย ต้องเอามือถือเข้า Google Play เพื่อติดตั้ง APP ที่ชื่อว่า VR Assistant for PICO ก่อน ตอนแรก หา APP ไม่เจอ ค้นข้อมูล ไปมา สรุปว่าประเทศไทยยังไม่รองรับ ติดตั้งไม่ได้
โปรแกรม VR Assistant for PICO
เนื่องจากคลุกคลีกับเรื่องพวกนี้มาเยอะ Search เพิ่มนิดหน่อย ก็พบวิธีทำ คร่าว ๆ คือหา APK มาติดตั้งลงใน Pico Headset ไม่ต้องติดตั้งในมือถือ พอติดตั้งได้ ก็ซื้อเกมซื้อ APP ได้ละ ก็กดซื้อไป สรุป เสียค่า APP Virtual Desktop ไป 2 รอบ ใน Quest รองนึง ใน Pico อีกรอบนึง รอบละ 700 กว่าบาท
หลังจากเชื่อมต่อ Notebook กับ Pico ด้วย VD สำเร็จ ปรากฏว่า ภาพดีขึ้นจริงตามที่เค้าว่า เรียกว่าอยุ่ระดับ 90-95% เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับเล่นด้วย Quest2 ผ่านสาย USB แต่ก็ดันมีปัญหาอื่น ที่ยังไม่ OK คือในการเล่นเกมเร็ว ๆ พวก Music Rhythm ต่าง ๆ มีการ Lag และกระตุกเป็นระยะ กลายเป็นว่าหลาย ๆ เกม เล่นแล้วคะแนนไม่ดี เพราะว่าเวลาพลาดทีคะแนน combo จะหาย
ระหว่างที่พักเล่นแต่ละครั้ง ทุก ๆ ครั้งที่จะเชื่อม Virtual Desktop ตัวโปรแกรม ก็จะขึ้นข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างการเชื่อมต่อ หนึ่งในข้อความที่ขึ้นก็คือเครื่อง Notebook ไม่ได้ต่อผ่านสาย LAN จะมีผลต่อ Performance ซึ่งจริง ๆ ก็ขึ้นแบบนี้ ตั้งแต่ตอนใช้ Quest 2 ละ แต่ตอนนั้น ก็ไม่ได้สนใจ แต่รอบนี้ รู้สึกเอะใจ ก็เลยหาสาย LAN มาต่อจาก Wifi Router เข้า Notebook
คราวนี้แหละ Game Changer เลย แทบจะทุกเกม กลายเป็นว่าเล่นด้วย Pico 4 ผ่าน Wireless 5Ghz ได้คุณภาพแทบไม่ต่างจากเล่นด้วย Quest2 ผ่าน USB เลย จะมีแค่เกมเดียว คือ Ragnarök ที่มีปัญหาเท่านั้น พวก Beat Saber, Syn Raider, Audio Trip, Boom Box เล่นได้ลื่นทั้งหมดเลย
หลังจากที่เล่าปัญหาต่าง ๆ ที่ได้พบเจอ และการแก้ไขไปด้านบน ต่อจากนี้จะเป็นการเปรียบเทียบแยกเป็นเรื่อง ๆ
  • คุณภาพของภาพขณะเล่นเกม เมื่อเล่นเกมใน SteamVR ผ่าน Virtual Desktop ใน Pico 4 เชื่อมต่อผ่าน Wireless ถือว่าเกือบเทียบเท่ากับเล่น Quest 2 ผ่านสาย USB
  • ระบบเสียง ระบบเสียงของ Pico4 ถือว่าทำได้ดีกว่า Quest 2 เสียงมีมิติกว่า มีเสียงทุ้มมากกว่า จากปรกติเวลาเล่นเกม Music Rhythm ต่าง ๆ ใน Quest 2 จะต้องต่อหูฟังเพื่อให้มีอรรถรสมากขึ้น แต่ของ Pico 4 แค่ใช้เสียงจากลำโพงในตัวก็เพียงพอแล้ว
  • การบันทึกภาพ บันทึก Video Pico 4 ถือว่าทำได้ดี ตอนใช้ใน Quest2 รู้สึกงง ๆ ทำไม่ค่อยคล่อง เหมือนต้องกดนู่น กดนี่ แต่มาทำใน Pico พอรู้ปุ่มแล้ว มันบันทึกได้ตามต้องการเลย แล้วคุณภาพที่ได้ ก็ถือว่าสูง ยิ่งบันทึกฉากการเล่นเกมที่เล่นเอาไว้ แล้วมาเปิดดูทีหลัง ภาพที่ได้คมชัดสวยกว่าตอนที่เห็นตอนเล่นอีก ค่อนข้างทึ่งที่สามารถบันทึก Video คุณภาพสูงและประมวลผลเกมไปพร้อมกันได้ โดยไม่ลดคุณภาพของเกมขณะเล่นลงเลย
1
  • การเสถียรในการเชื่อมต่อเวลาเล่นเกมใน StreamVR Pico 4 ถือว่ามีความเสถียรอย่างมาก ไม่เคยมีอาการติดขัดให้เสียอารมณ์เลย ต่างจาก Quest2 ที่มักจะมีปัญหาในการเชื่อมต่อในการเริ่มเล่นแต่ละครั้ง ค่อยข้างบ่อย หลาย ๆ ครั้ง ต้องถอด Headset ออกมา แล้วมาดูหน้าจอ Notebook ขึ้น Error อะไร บางครั้งต้อง Reboot Quest 2 บางครั้ง ต้อง Reboot Stream แต่ใน Pico4 ยังไม่เจอปัญหาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
  • ความชัดของการแสดงผลในตอนอยู่หน้า Home ในตอนที่ดู Youtube ถือว่าชัดเลย ชัดกว่า Quest 2 อย่างเห็นได้ชัด ตรงนี้ถือว่า ทำได้ตาม Spec ที่ว่า Resolution Per Eye เท่ากับ 2160 เข้าไปเปิดดู YouTube จอใหญ่เสมือน 100 นิ้ว สบายเลย หรือในตอนที่ลองย้ายไปสถานที่ต่าง ๆ ในโปรแกรม Virtual Desktop เห็นได้ชัดเลยว่าชัดกว่าใน Quest 2 มาก สามารถอ่านตัวอักษรต่าง ๆ จากจอเสมือนใน Vitual Desktop ได้เลย อ่าน Blog อ่านไลน์ได้เลย
ดู Youtube ใน Pico 4
  • ระยะเวลาใช้งาน Headset แบตเตอรี่ของ Headset ตามสเปคคือ 5300 mAh เมื่อมาลองใช้งานจริง พบว่าใช้ได้ประมาณ 2 ชั่วโมง พอ ๆ กันกับ Quest 2 แต่ถ้าเล่นเกมในตัว ก็คงจะใช้ได้น้อยลงไปอีก เพราะว่าต้องใช้พลังในการประมวลผลมากขึ้น
  • จอย Controller จอยมีขนาดแตกต่างกัน แต่ในการใช้งาน ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอย่างมีนัยยะ จะมีห่วงก็ตรงที่แบตจะอึดเหมือนของ Quest 2 ไหม เพราะแบตของ Quest 2 อึดมาก เปลี่ยนครั้งนึงแล้วก็ลืมไปได้เลย ถ้าไม่อึดนี่เซ็งเลย เพราะว่าใน Pico จอยแต่ละข้างใช้แบต 2 ก้อน
จอย Pico 4 (ซ้าย)  Quest 2 (ขวา)
  • FOV จาก Spec ตัว Pico 4 มี FOV กว้างกว่า Quest 2 แต่ก็แทบไม่เห็นความแตกต่าง จะมีก็แค่ตอนเล่น Beat Saber ที่รู้สึกว่าฉากมันเหมือนจะกว้างขึ้น แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะ FOV หรือคิดไปเอง
  • Colour Passtrough นี่คือหนึ่งในสิ่งที่ไม่ OK กับ Pico ถ้าเทียบกับ Quest 2 เพราะถึงแม้ใน Quest 2 จะเป็น Passtrough แบบสีเทา Pico เป็นสีจริงตาม Spec แต่ตัวผมเอง ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากส่วนนี้ได้เลย เพราะภาพที่ได้นั้นหลอกตา ลองหยิบแก้วน้ำ มีความเสี่ยงที่จะชนแก้วน้ำหกสูงมาก ลองใส่เดินจากห้องนอน ไปห้องนั่งเล่น ปรากฏว่าเดินชนทั้งประตู ทั้งพัดลม ที่แย่กว่านั้นคือเวียนหัวเลย
  • Refresh Rate 90Hz ตอนที่เปิด Pico4 มาใหม่ ๆ รู้สึกได้เลย ว่าภาพไม่ Smooth เท่า Quest2 เพราะ Quest 2 หลาย ๆ เกมไปถึงระดับ 120 Hz แล้ว ดังนั้นพอใช้ Refresh Rate สูง ๆ มานาน มาเจอ Refresh Rate ที่ต่ำลง จะสังเกตุได้ แต่พอใช้ Pico มาติดต่อกันทั้ง 3 วัน ไม่ได้กลับไปใช้ Quest 2 เลย เริ่มไม่ค่อยสังเกตุเห็นเหมือนตอนแรก ๆ แล้ว คิดว่าคงจะเริ่มชิน
  • Hand Tracking ยังไม่ได้ลองเลย คิดว่า Pico ใส่มาใน Spec เพื่อให้ดูน่าสนใจมากกว่า แต่การใช้งานจริงน่าจะห่างจากใน Quest 2 เยอะ ใน Quest 2 นี่พัฒนามาต่อเนื่อง เคยเล่นล่าสุด ตอน Hand Tracking 2.0 ก็ว้าวแล้ว ล่าสุดเป็น 2.1 ยังไม่ได้เข้าไปลองเลย
จากที่เขียน ๆ มา จะเห็นว่าหลาย ๆ อย่าง Pico4 ทำได้ดีกว่า Quest 2 แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ มันคงจะแปลกมาก หาก Product ที่ราคาใกล้เคียงกัน แต่ออกมาทีหลัง 2 ปี แล้วทำได้แค่เทียบเท่าหรือแย่กว่า
โดยรวม ๆ แล้ว ด้วยรูปแบบการใช้งาน ที่จะเอามาใช้เล่นเกมออกกำลังเป็นหลักอยากได้ Headset ที่เบาลงกว่า Quest 2 เวลาเล่น จะได้ไม่กดแก้ม กดหน้า เวลาใช้งานนาน ๆ เพราะตอนนี้ เริ่มมีฝ้าขึ้นที่แก้มจากการใช้ VR แล้ว รวมถึงไม่ต้องมีสายมาเกะกะ ด้วยราคาเพียงหมื่นต้น ๆ ถึงแม้ภาพที่ได้ในบางเกม จะไม่เท่ากับใน Quest 2 แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า ไม่เสียดายเงินเลย ระหว่างนี้คงใช้แทน Quest 2 ไปยาว ๆ จนถึงปลายปี แล้วก็รอจัด Quest 3 ต่อ ซึ่งมีการยืนยันแล้ว ว่าปลายปีนี้มาแน่นอน
โฆษณา