สมัยก่อนการลงทุนในประเทศไทยนั้นมีแต่การซื้อเมื่อมองว่าหุ้นกำลังจะปรับตัวขึ้น และขายเมื่อคิดว่าหุ้นเต็มมูลค่าหรือกำลังจะปรับตัวลง เราเรียกการเทรดเมื่อหุ้นกำลังจะปรับตัวขึ้นนี้ว่า Long หรือถ้าเป็นศัพท์ทางการเงินก็คือ Long Stock
แต่สำหรับเมืองนอก ในตลาดการลงทุนที่พัฒนาแล้วจะมีอีกด้านหนึ่งคือการทำกำไรเมื่อสินทรัพย์นั้นปรับตัวลดลง เช่น ถ้าหุ้นปรับตัวลดลงก็จะใช้คำว่า Short Stock นั่นเอง
Long มองขึ้น Short มองลง
สำหรับในประเทศไทย การขายชอร์ต หรือ Short Selling หรือ Short Stock เกิดขึ้นมานานเหมือนกันแล้ว แต่จะมีเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนรายบุคคลก็คือ หุ้นที่เราจะทำการขายชอร์ตได้นั้นจะต้องเป็นหุ้นที่ทำการยืมมาจากเจ้าของหุ้นเสียก่อน หรือเรียกว่าธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ หรือ Stock Borrowing and Lending (SBL)
Short Stock มักเอาไว้ใช้ในการบริหารความเสี่ยง เช่น ช่วงที่หุ้นย่อตัวและต้องการมีกำไรก็อาจจะเลือกที่จะ Short หุ้นเอาไว้ หรือ ในบางครั้งหากเป็นการเทรดของพอร์ตโบรกเกอร์ ก็มักเป็นการบริหารความเสี่ยงจากการออกตราสารต่าง ๆ นั่นเอง
: Short ในตลาดอนุพันธ์
การเทรดในช่วงตลาดขาลง ขยายมายังตราสารอนุพันธ์ เมื่อเราสามารถ Short Futures และ Short Options ได้ ซึ่ง Short Futures ก็จะเป็นการเทรดเมื่อมองว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงของสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นจะปรับตัวลง
ส่วน Short Options จะมีความซับซ้อนมากกว่า เพราะตัว Options เองจะมี 2 ด้านอยู่แล้ว คือ Call Options ซึ่งเทรดเมื่อหลักทรัพย์อ้างอิงจะปรับตัวขึ้น และ Put Options คือมองว่าหลักทรัพย์อ้างอิงจะปรับตัวลง ดังนั้น Short Call Options จึงเป็นการเทรดเมื่อมองว่าหุ้นจะไม่ปรับตัวขึ้น แต่อาจจะไม่ได้ปรับตัวลงก็ได้ ส่วน Short Put Options คือเทรดเมื่อมองว่าหุ้นจะไม่ปรับตัวลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นจะขึ้นเช่นกัน