7 ก.ย. 2023 เวลา 19:26 • อาหาร

เสียใจ ได้ยินไหม ?

บ่นไปเรื่อยครั้งที่ 174 : เสียใจ ได้ยินไหม ?
สวัสดีครับ Hksz ครับ บ่นไปเรื่อยวันนี้เรามากันในหัวข้อเรื่อง 'เสียใจ ได้ยินไหม ?' ซึ่งเป็นประสบการณ์เศร้าๆ ในตอนเด็กครับ
ถ้าให้พูดถึงประสบการณ์ที่คุณอยากจะตะโกนออกมาดังๆ ว่า 'เสียใจ ได้ยินไหม ?' ที่เกิดขึ้นกับคุณตอนเด็กๆ คุณจะนึกถึงประสบการณ์ไหนครับ ?
อกหักครั้งแรก โดนเอาไปปล่อยที่อนุบาลครั้งแรก พ่อมารับกลับบ้านช้าเป็นครั้งแรก โดนเพื่อนแกล้งครั้งแรก
สำหรับผมมันคือประสบการณ์ตอนที่ผมกัดเข้าไปในลูกชิ้น...แล้วเจอผัก
แต่วันนี้เราจะไม่พูดถึงประสบการณ์นั้นกันครับ เพราะคุณก็น่าจะพอทราบกันดีว่าผมแม่งโคตรจะเกลียดผักเลย และมันก็คือเรื่องเดิมๆ ที่ถ้าจะให้ผมบ่น ผมก็บ่นได้เป็นปีนั่นแหละ
เพราะงั้นวันนี้เรามาพูดถึงหนึ่งในประสบการณ์ 'เสียใจ ได้ยินไหม?' ที่ติดท็อป 10 ของผมอย่าง 'การซื้อน้ำอัดลมที่โรงเรียนครั้งแรก' กันดีกว่าครับ
การซื้อน้ำอัดลมนี่ไม่น่าจะเป็นอะไรที่ยากเย็นเลยว่าไหมครับ ? มันควรจะง่ายดาย สบายๆ และชุ่มชื่นไปทั้งหัวใจและลำคอ ก่อนจะมาเสียในตอนโต เพราะตอนเด็กๆ ดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป
ซึ่งก็ใช่ครับ เพราะสมัยนี้ถ้าคุณอยากจะดื่มน้ำอัดลมที คุณก็ซื้อแบบ Can หรือแบบขวดเล็กๆ ตามร้านสะดวกซื้อได้ เนื่องจาก Lifestyle ของคุณ รวมถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปมันเอื้อให้คุณทำแบบนั้นได้
แต่สมัยเด็กๆ แบบตอนที่คุณยังอยู่ชั้นประถมเนี้ยยยยยย คุณทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ ยากมาก
เพราะคุณ Income น้อย Expense เยอะ ให้ซื้อน้ำอัดลมแบบ Can เอาเงินไปซื้อสติ้กเกอร์ 3 กล่อง 15 เหรียญเงิน (ไม่ลดให้กูสักเหรียญเงิน) มาติดหนังสือสะสมภาพดีกว่าเยอะ
ทีนี้พอเป็นอย่างงั้นถ้าคุณต้องการดื่มน้ำอัดลม คุณทำยังไงกันครับ ?
นี่เลยครับ
น้ำอัดลมแบบแก้ว แก้วละ 5 เหรียญเงิน หรืออาจจะต่ำกว่า ถ้าคุณไม่กลัวว่าเพื่อนเป็นโรค และยินดีจะดื่มน้ำแก้วเดียวกับเพื่อนนนนนนนน
เรียกว่าไอฉาก Indirect kiss เขิลๆ ในอนิเมะญี่ปุ่นนี่ไม่ได้แดกผมหรอกครับ ตอนเด็กๆ แก้วเดียวกูแดกกันทั้งห้อง 40 กว่าคน เรียกได้ว่าสนุกสนานกว่าตอนรับน้องเสียอีก
แต่ถึงผมจะได้รับประสบการณ์การดื่มน้ำอัดลมแบบแชร์แก้วกับเพื่อนๆ มาตั้งแต่เด็กๆ ผมก็ไม่เคยเป็นคนไปซื้อมันมาดื่มเองเลยครับ เพราะอย่างที่บอกว่าผมมันนักลงทุน ให้ผมซื้อน้ำซื้อขนม ผมเอาเงินไปลงทุนกับสติ้กเกอร์ดีกว่า
จนวันหนึ่งผมก็ดันอยากแดกน้ำอัดลมแบบสุดๆ ขึ้นมาตอนประมาณ ป.4 ไม่ก็ ป.5 นี่แหละครับ ซึ่งเอาจริงๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราค่อนข้าง Stable แล้วนะ Income เยอะขึ้น Expense ก็ไม่ได้มากเหมือนก่อน เพราะโดนคุณลุงหลอกเรื่องสมุดภาพไปเรียบร้อย จะกินน้ำอัดลมแบบ Can นี่ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ
ปัญหาอย่างเดียวคือน้ำอัดลมแบบ Can แม่งอยู่ในตู้ข้างๆ นมถั่วเหลืองกล่อง 10 เหรียญ แล้วพอเวลาผมมองไปที่ตรงนั้น สมองผมจะคำนวณ เปรียบเทียบราคา ระบุค่าความคุ้มค่า แล้วสั่งการให้ผมในตอนเด็กๆ พูดออกมาว่า 'เอานมถั่วเหลืองครับ' ตลอดเวลา
ก็นมถั่วเหลืองมัน 500 มิลิลิตร แค่ 10 เหรียญเงินเองอ่ะ น้ำอัดลมมันกระป๋องนิดเดียว 325 มิลิลิตรมััง แต่ราคาตั้ง 12 เหรีญเงินเลยนะ
55555555555555
แม่งเอ้ยยยยยยยย สาบานเลยครับว่านิสัยบ้านี่โตมาผมก็ยังเป็นอยู่ ถึงจะไม่หนักเท่าตอนเด็กๆ ก็เถอะ
จนสุดท้ายไอวันที่ผมอยากดื่มน้ำอัดลมมากๆ ผมก็เลยจัดไปเลยฮ่ะ สไตล์เดิม น้ำอัดลมแก้วละ 5 เหรียญเงิน ไม่คุย ไม่เถียง ไม่อะไรทั้งนั้น สั่ง จ่ายเงิน ดูด
....แล้วก็น้ำตาคลอเบ้าทันที
คือออออ
นั่นคือครั้งแรกเลยครับ ที่ผมรู้สึกว่าตัวเองอยากจะพุ่งเข้าไปกระชากคอคน แล้วตะโกนใส่เขาว่า
'มึงทำแบบนี้กับกูทำไมมมมมม'
เพราะน้ำอัดลมแก้วนั้นแม่งโคตรเชี้ยเลยครับ เนื่องจากรสชาติมันเหมือนน้ำอัดลมที่วางทิ้งไว้เฉยๆ สามชั่วโมง แล้วคุณก็ยกมันขึ้นมาดื่ม ต่างกันแค่ในแก้วมันยังมีน้ำแข็ง และตัวน้ำมันก็ยังเย็นอยู่แค่นั้นแหละ
หรือพูดง่ายๆ ก็คือรสชาติของน้ำล้างตีนดีๆ นี่แหละครับ ถึงผมจะไม่เคยดื่มน้ำล้างตีนก็เถอะ แต่ถ้าให้เดา รสชาติของมันก็น่าจะประมาณนี้
แต่แน่นอนครับว่าเด็กอายุไม่กี่สิบขวบจะให้ไปซ่ากับพ่อค้าอายุ 20+ นี่ไม่มีทางเลยครับ โดนจับทำลูกชิ้นเนื้อคน ไม่ก็โดนแก้งค์ลักพาตัวแน่นอน
ผมก็เลยได้เงยหน้าขึ้นไปมองพ่อค้าน้ำอัดลมคนนั้น มองตาเขา และส่งถ้อยคำผ่านสายตาไปว่า
'เสียใจ...ได้ยินไหม ?'
แต่เหมือนลุงแกจะไม่แคร์เท่าไหร่วะ 555
Bonus
- ตอนเด็กเจอแบบแก้ว ตอนโตมาเจอแบบถุงกระดาษ รสชาติน้ำล้างตีนเหมือนกันเปี้ยบบ
โฆษณา