4 ก.พ. 2023 เวลา 23:20 • สุขภาพ

เมื่อเราเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ระดับกลาง F321 Moderate Depressive Episode

***โพสต์อาจจะยาว แต่เราจะเล่าจากประสบการณ์ของเรา การดูแลตัวเอง และวิธีการอยู่กับผู้ป่วยโรคนี้ แบบย่อๆ ที่ทำได้จริงและเห็นผล ครบจบในโพสต์เดียว เผื่อคุณมีอาการเข้าข่าย หรือกำลังรักษาตัวอยู่ หรือคนรอบข้างเป็นโรคนี้อยู่***
ต่อเลยนะคะ 😊
•อาการเริ่มต้นของโรคซึมเศร้า และการหาหมอประสาทวิทยา (ยังไม่ใช่จิตแพทย์โดยตรง)
เรามีอาการตั้งแต่ กรกฎาคม 2022 และตอนนั้นเริ่มนอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเดือนๆ ความคิดในหัววิ่งตลอดเวลาแบบ 24x7 หยุดคิดไม่ได้เลย นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย เหงื่อออกทั้งตัวตอนนอน แม้จะเปิดแอร์นอนก็ตาม
เราลางานไปหาหมอที่ รพ.พญาไท 3 เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2022 ก่อนวันเกิดเราไม่กี่วัน หมอก็ประเมินอาการว่าเราเป็นโรคเครียด และหมอบอกว่า เรามีอาการซึมเศร้าขั้นต้นแล้วนะ พร้อมจ่ายยาคลายเครียด ยานอนหลับ ยาปรับสารสื่อประสาท และยาแก้ปวดคอบ่าไหล่ของเรา
แค่ได้ยินคำว่า เรากำลังมีอาการโรคซึมเศร้า เราช็อคมาก รับตัวเองไม่ได้ โทษตัวเองอีก เพราะเราไม่อยากเป็นโรคซึมเศร้า ไม่อยากกินยา ไม่ชอบกินยาเลย แต่เราต้องกินตามหมอสั่ง ตอนนั้นยังคิดว่าตัวเองแค่เป็นโรคเครียด เดี๋ยวก็หาย ปรับการใช้ชีวิตเอา
เรากินยาได้ 2 วัน หมอบอกให้กินยานอนหลับเฉพาะตอนนอนไม่หลับ เราก็ไม่กินยานอนหลับ ฝืนนอนทุกคืน นอนไปพร้อมความคิดที่แล่นให้หัว 24x7 เพราะเรากลัวติดยา เรากินยาแล้วทำงานไม่ได้ มือสั่น ใจสั่น จะวูบตลอด คือเราไม่เข้ากับยาที่หมอจัดให้นั่นเอง
เราประชุมงานก็เริ่มไม่รู้เรื่องแล้ว ประสานงานกับชาวต่างชาติ ก็เริ่มประสิทธิภาพลดลง การคิด การตัดสินไม่ดีเท่าเดิม ลืมง่ายมาก ความจำสั้นมาก ไม่สามารถจดจ่องานได้อย่างเคย เราจึงลาป่วยเอายาไปคืนที่ รพ. ไม่กินแล้วว๊อย ยาอะไรเนี่ย
ระหว่างนั้นตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม เราก็ทำงานทั้งที่ป่วยเลย อันนี้ไม่แนะนำ คุณจงลาป่วยก่อนแล้วไปหาหมอนะคะ สุขภาพคุณคือ ลำดับความสำคัญแรกของชีวิตค่ะ
เราประคองตัวเองมาตลอด เพราะยังคิดว่าเป็นโรคเครียดอยู่ ผ่านเดือนกันยายน และตุลาคม 2022 มาอย่างยากลำบาก เรายังคิดว่าไม่เป็นโรคซึมเศร้า เลยโทรไปสายด่วนสุขภาพจิตเพื่อเช็คตัวเองอีก
ผู้ให้คำปรึกษาก็บอกว่า คุณมีอาการผู้ป่วยซึมเศร้าแล้วนะคะ รีบไปตรวจ ไปรักษาให้เร็วที่สุด เจอไวหายไว ค่ะ ผู้รับสาย คือ ให้คำปรึกษา แบบตรงไปตรงมา ไม่โอ๋ ออกแนวถูกสัมภาษณ์แบบรายการ "ถามตรงๆกับจอมขวัญ" ซึ่งดีค่ะ ทำให้เราค่อยๆคิด สาเหตุ และปมในใจ
โดยพื้นฐานเราเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก งานไม่เสร็จเราจะไม่หยุด เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งไม่ดีนะ ขาดความสมดุล เรามักจะเป็นคนใจดีเกินเหตุ ขี้เกรงใจ ไม่มั่นใจในตัวเอง เคยคิดว่าตัวเองไม่สวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งๆที่เราว่าเราก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ 😊
• การพบจิตแพทย์ครั้งแรก และขึ้นชื่อในเอกสารทางการแพทย์ว่า "ผู้ป่วยจิตเวช"
เดือนตุลาคม 2022 จุดเปลี่ยน คือ เราได้รับคำแนะนำจากพี่ที่ป่วยโรคนี้และคุณแม่คนหนึ่งที่มีลูกป่วยโรคนี้เช่นกันว่า "รีบไปพบจิตแพทย์ นะแนน" พวกเขาทั้งสองคนช่วยแนนหาโรงพยาบาลค่ะ
ตอนนั้นเราได้รายชื่อ รพ.มาแล้ว แต่เรายังไม่กล้าไปหาจิตแพทย์ เรารับตัวเองไม่ได้ จนอาการหนักแล้ว คนใกล้ตัวเริ่มทักแล้วเห็นสภาพเราคล้ายน้องหมาจรจัดแล้ว
พี่สาวเราชื่อแอนแอน ช่วยหาโรงพยาบาลให้อีกทางนึง แต่...รพ.รัฐ คิวยาวมากเป็นเดือนๆ เรารอไม่ได้แล้ว ไม่ไหวแล้ว ยอมไป รพ.เอกชน ที่ประกันไม่ครอบคลุมด้วยค่ะ
แล้วพี่สาวก็ได้ข้อมูลจากพี่ผู้ชายคนนึงที่ป่วยโรคนี้มานาน 20 ปี แนะนำโรงพยาบาลมาอีกทีว่าเป็น รพ.เอกชน ที่ราคาถูกสุดแล้ว (รพ.บ้านแพ้ว สาทร)
 
เราก็ไป รพ.กับสามี ให้สามีจูงมือข้ามถนน เพราะเรากะระยะรถไม่ได้ เกือบโดนรถชน 2-3 รอบ มาแล้ว
เมื่อเราเป็นผู้ป่วยใหม่ เราต้องกรอกประวัติคนไข้ ซึ่งเรากรอกไม่ได้เลย ร้องไห้ตลอด ลืมบ้านเลขที่ ลืมเบอร์โทรศัพท์ และยังรับตัวเองไม่ได้ เมื่อเห็นคำว่า "ผู้ป่วยจิตเวช" จนพี่พยาบาลบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคุณหมอซักถามเอง ซึ่งเราให้สามีเข้าไปพบแพทย์พร้อมกัน เพราะเราเล่าอาการไป ร้องไห้ไป จำอะไรไม่ได้ ต้องเปิดโน็ตในมือถือดูเอา
คุณหมอประจำตัวเรา เป็นคนไม่โอ๋คนไข้ เน้นคุยตรงๆ แต่ไม่ทำร้ายจิตใจ และช่วยหาทางแก้ จัดยาที่เหมาะกับเรา เหมือนกับการตัดเสื้อสูทที่จะตัดเฉพาะคน เสื้อใครเสื้อมัน ขนาดยา ยี่ห้อยา ก็ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละคนเลยค่ะ
ก่อนไป รพ. เรากับสามีก็อธิษฐานและเชื่อว่า "เราจะเข้ากับจิตแพทย์ได้และเข้ากับยาได้ เราจะเป็นเคสที่หายอย่างอัศจรรย์และหายไว" เราไม่อยากเปลี่ยน รพ. เพราะค่าใช้จ่ายสูง ประกันก็ไม่ครอบคลุมยาบางชนิดด้วย
วันศุกร์ 21 ตุลาคม 2022 เราก็เริ่มกินยาโดสตามหมอสั่ง กว่าจะตัดสินใจกินยาได้ นั่งร้องไห้ มองยาอยู่ตั้งนาน และถามตัวเองว่า "นี่เราป่วยจิตเวชจริงเหรอเนี่ย ไม่น่าเลย"
ซึ่งจริงๆผู้ป่วยควรยอมรับอาการป่วยของตัวเองและไปรับการรักษามันก็เหมือนกับเราเป็นโควิด เป็นไข้หวัด หรือป่วยโรคอื่นๆ ที่ต้องกินยา พักรักษาตัว และทั้งนี้สภาพแวดล้อมที่เราอยู่ก็มีส่วนให้เราอาการดีขี้น หรือ แย่ลงได้
ความจริง คือ โรคซึมเศร้ารักษาหายได้ เราสามารถกลับมาเป็นตัวเราแบบเดิม เผลอๆดีกว่าเดิมอีกต่างหาก เพราะเราอาจจะค้นพบตัวเองในอีกมุมที่ดีกว่าเดิมค่ะ
เราก็กินยาไม่เคยหยุดหรือลืมกินยาเลย หมอ,พี่ที่ป่วยโรคนี้, คุณแม่ท่านหนึ่ง ช่วยกับชับเราว่า " แนน ห้ามหยุดยาเองเด็ดขาดนะ ห้ามลืมกินยานะ" เพราะพี่ที่ป่วยโรคนี้เคยหยุดยาเอง กลายเป็นว่าต้องเพิ่มโดสยาไปอีก
จนถึงตอนนี้เราไม่กลัวการกินยาแล้ว เราไม่อายแล้วว่าเราเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เราไม่กลัวด้วยว่าเราจะตกงานหรือไม่ โลกนี้มีอาชีพให้เราทำอีกมากมาย พระเจ้าทำให้เราค้นพบความสามารถเราในอีกมุมหนึ่ง ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน อัศจรรย์มาก
ที่เราไม่อายและไม่กลัวการกินยา เพราะเราอยากหายจริงๆ และเราตั้งใจจะหายโรคนี้ให้ได้
•คำรายงานที่ดีจากปากจิตแพทย์
ข่าวดี คือ เมื่อ 24 ธันวาคม 2022 เราได้รับการวินิจฉัยว่า ตั้งแต่มกราคม-มิถุนายน 2023 หากไม่มีอาการใดๆแล้ว หมอจะพิจารณาหยุดยา นั่นแปลว่า เราหายแล้ว 100% ในทางการแพทย์
พอวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม 2022 เราตื่นมาแบบสำนึกในพระคุณความรักของพระเจ้า และรู้เลยว่าพระเยซูตายบนไม้กางเขนเพื่อเราจะหายจะโรคนี้และซึ้งใจทุกคนที่ช่วยพยุงเรา เราจดชื่อไว้ในบันทึกของเราด้วยนะ เพื่อจะกลับไปขอบคุณทุกคน
เราเชื่อในพระเจ้า เชื่อในตัวหมอ ว่าเราจะไม่ต้องเปลี่ยนหมอ ไม่ปรับเพิ่มยาใดๆ เราจะเป็นเคสที่หายไวอย่างอัศจรรย์ เราเชื่อแบบนี้มาตลอด แม้ระหว่างทาง เราจะรู้สึกห่างไกลพระเจ้าก็ตาม จริงๆแล้วไม่เลย เราแค่ป่วยและไร้ความรู้สึกภายในความคิด จิตใจ และร่างกาย
ทุกวันก่อนกินยา เวลาเดิม 21.30 น. เรากับสามีจะจับมืออธิษฐานและสารภาพแบบนี้ทุกวันว่า "เราอยากหายไว" เพื่อให้หมอดูแลผู้ป่วยคนอื่นต่อ เพราะผู้ป่วยโรคนี้เยอะมาก มีทุกสาขาอาชีพ มันไม่เลือกวัย ไม่เลือกฐานะด้วย และจิตแพทย์บางจังหวัดในประเทศไทยไม่มีด้วยซ้ำ
•การใช้ความเชื่อในพระเจ้าควบคู่กับการรักษาทางการแพทย์
เราเชื่อพระเจ้าว่า รพ.ที่เราไป ต้องเป็นราคาที่เราจ่ายไหว เพราะเป็น รพ.เอกชน เรารอ รพ.รัฐไม่ไหวแล้ว อาการหนัก เป็นครบทุกอาการของผู้ป่วยโรคนี้ (อาการ 9 ประการ เลื่อนลงไปดูด้านล่างได้ค่ะ)
เราเคยถามหมอเหนื่อยมั้ยคะ ผู้ป่วยเยอะมั้ย หมอบอกว่า ก็เหนื่อยและผู้ป่วยเยอะมาก ในประเทศไทยตอนนี้มีจำนวน 5 ล้านคน บางครั้งหมอเองก็กินยานอนหลับ ตัวเดียวกับที่จ่ายยาให้เรานี่แหละ
•การรับยาในช่วงเดือนแรก
เมื่อรับยาตอนแรก ก็มึนๆ งงๆ ทำอะไรไม่ถูก จัดลำดับอะไรไม่ได้เลย ความทรงจำหายไปช่วงระยะเวลานึง และจำไม่ได้ว่า เอ๊ะ เราถูสบู่หรือยังนะ เราสระผมล่าสุดวันไหน วันนี้เราขับถ่ายหรือยังนะ ลืมหมดทุกอย่าง จำอะไรไม่ได้เลย พีคมาก
เราเลยต้องจดโน้ตลงมือถือเอา ว่ากิจวัตรประจำวันเราทำอะไรล่าสุดวันไหน อาการเป็นอย่างไร เพราะข้อมูลเหล่านี้ เราต้องนำไปเล่าหมอค่ะ
ตอนนั้นสามีเราทำงานบ้านแทนเราทุกอย่าง แม้กระทั่งซักผ้าของผู้หญิงๆด้วยมือ หามื้อเช้ามาวางไว้ที่โต๊ะทำงานของเรา บริษัทเรา WFH 100%
ช่วงนั้นอยากล้มเลิกการกินยามากๆ "ยาอะไรวะ กินแล้วง่วงมาก นอนจมเตียงทั้งวัน มึนมาก ไม่อยากทำอะไรเลย ไม่อยากกิน ไม่อยากพบผู้คน ไม่อยากทำงาน กินแล้วทำไมยังอยากตายวะเนี่ย"
เราจะบอกว่า ให้คุณอดทนกินยา ให้ครบเดือนแรก เดือนสอง ก่อนนะคะ แล้วจะดีขึ้นแบบเรา
หมอบอกเราว่า โดยเฉลี่ยผู้ป่วยที่รับยาที่เข้ากับตัวเอง จะอาการดีขึ้นเมื่อกินยาครบ 1 เดือน ขึ้นไป
เคสเรา เราดีขึ้นเมื่อกินครบ 1 เดือน 2 สัปดาห์ค่ะ
1
•ช่วงรับยากับการทำงานขณะป่วย
มาถึงเรื่องงาน เราทำงานไม่ได้เลย มือสั่น จะวูบ ลืมหมดทุกอย่าง Skill ภาษาก็เขียนไม่ออก พูดไม่รู้เรื่อง สงสารทีมและหัวหน้ามาก คิดว่าตัวเองเป็นภาระของทีมอีก โทษตัวเองเข้าไปอีก กลัวการเจอคนเยอะๆ เสียงดังๆ ไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงบริษัทอีกต่างหาก
ปกติชอบดูคนอื่นเต้นเวลามีงานเลี้ยงปีใหม่ มันตลกดี ชอบนั่งหัวเราะดูคนอื่นทำกิจกรรมฮาๆ งานเลี้ยงปีใหม่
เราใช้สิทธิ์ลาพักร้อนจนหมดเกลี้ยง ลาป่วยอีกเกือบเดือน สูญเสียเบี้ยขยัน 2,000 บาท ทุกเดือนเลย เราเสียดายมาก เพราะปกติเราเป็นคนไม่ลาป่วยทั้งปี เป็นคนไม่ป่วยเลยมาก่อน
 
ด้วยความที่ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนร่วมงานและบริษัทเราทำงานแข่งกับเวลาและงบประมาณ เพราะงานคือ Testing ส่งผล Test ให้ลูกค้าทั่วโลก แบบมี Timeline จำกัดมากๆ
เราถูก Test Line Manager เรียกคุยส่วนตัว 4 รอบ เพื่อแก้ปัญหาการทำงานของเรา เพื่อช่วยเหลือเรา โดยไม่มีการกล่าวโทษใดๆ แถมยังทำงานแทนเราด้วย ไม่ถามสาเหตุการลาแต่ละครั้งของเรา ไม่ถามหาใบรับรองแพทย์ด้วย จนเราเอาใบรับรองแพทย์ไปยื่นเอง เพราะลาถี่และลาเยอะมาก
หัวหน้าเราน่ารักมากจริงๆ เหมือนพี่ชาย พี่สาว อายุไล่เลี่ยกัน
สุดท้ายเราจึงตัดสินใจและจำเป็นต้องลาออกจากงานมารักษาตัว บริษัทนี้ให้โอกาสเรามากๆ ช่วงเดือนตุลาคม 2022 ก็ปรับเงินเดือนให้พนักงานทุกคน 5.5% อีกเราซึ้งใจมาก ทั้งที่เราป่วยและก็คิดกับตัวเองว่า เราไม่สมควรได้รับเงินนี้ ซึ่งบริษัทก็ปรับให้ทุกคนเพราะค่าครองชีพสูงขึ้น
เราไม่ได้ถูกเชิญออกนะ เราลาออกเอง ออกทั้งน้ำตาและกลัวว่าจะไม่มีคนรับผู้ป่วยแบบเราเข้าทำงานอีก แต่ลึกๆ เราเชื่อว่าพระเจ้าจะมีทางใหม่ งานที่ทำให้เรามีความสุขและมีรายได้มากกว่าบริษัทที่เราออกมา
•วงล้อความสัมพันธ์กับผู้คนและความคิดอยากฆ่าตัวตาย
เราขาดโบสถ์ไป 5 สัปดาห์ ไม่เจอผู้คนไปนาน 5 สัปดาห์ ไม่รับนัดใคร อยากอยู่แต่ในห้องมืดๆ เงียบๆ ข้าวไม่อยากกิน น้ำไม่อยากอาบ ไม่รักตัวเอง ใส่เสื้อผ้าซ้ำแบบไม่ซักด้วย เรียกได้ว่าโสมม โทรมเหมือนน้องหมาจรจัด
เรายิ่งด้อยค่าตัวเองไปอีก เลิกติ่งวง GOT7 ไปพักนึง ไม่ติดตามน้องยองแจเมนตัวเองไปพักนึง ไม่อยากฟังเพลงเลยสักเพลง ทั้งที่เป็นคนชอบฟังเพลงมากๆ น้องลำโพงคู่ใจ ก็เลยไม่ได้ทำงานนานหลายเดือนเลย น่าสงสารน้องลำโพงฝุ่นเกาะเลยค่ะ
และเราอยากก็ฆ่าตัวตาย คิดอยู่ในหัวถึงวิธีการตายแค่ไม่ลงมือทำ มองสะพานระหว่างไปคริสตจักรก็อยากกระโดดลงไปเหมือนในข่าวเลย อยากกระโดดตึก อยากผูกคอตาย มันคือ หลุมดำของผู้ป่วยโรคนี้ หลุมที่แม้แต่ตัวเองก็เอาตัวเองขึ้นมาไม่ได้
น้ำหนักเราลดลงเกือบ 8 กิโลภายใน 2 เดือน ผอมสวยกันเลยทีเดียว สามีชม อันนี้ข้อดี อยากผอมมานานละ แต่ทำไม่ได้สะที ถือโอกาสผอมสวยไปด้วยในตัว😂
แต่อาการเหล่านี้หายได้นะ มันคืออาการของโรคที่เราต้องรักษา ต้องหาหมอ ต้องทานยา
ให้คิดเสมอว่า โรคนี้เหมือนโรคมะเร็งทางจิตใจ ที่ปล่อยทิ้งไว้ มันจะลุกลามเร็ว และพร้อมกัดกินคุณต่อไปเรื่อยๆๆ
•กลับมาเป็นแนนนี่คนเดิม
ตอนนี้เราพร้อมเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ตั้งแต่เริ่มรักษากับหมอจิตแพทย์ เมื่อ 21 ตุลาคม 2022
สิ่งเหล่านี้จะเป็นไม่ได้เลย ถ้าเราไม่มีพระเจ้า ไม่มีหมอที่ดี ไม่มีสามีที่ดี ไม่มีครอบครัวที่ดี (ไม่กล้าบอกแม่ บอกแค่พ่อ) ไม่มีคริสตจักรที่ดี ไม่มีเพื่อนที่เป็นคริสเตียนแล้วป่วยโรคซึมเศร้าเหมือนกับเรา
โลกของคนเป็นโรคซึมเศร้า คนที่ป่วยเท่านั้นจะเข้าใจ 100% เราขอขอบคุณทุกคนที่อยู่เคียงข้างเราเสมอมา รวมทั้งหมดประมาณ 50 คน ไว้เราจะเดินไปหาทุกคนและกล่าวขอบคุณด้วยตนเองนะคะ
เมื่อถึงเดือนมิถุนายน ปีนี้ เราเชื่อว่าเราจะได้มาอัปเดตว่า เราเลิกกินยาแล้ว Approve by my doctor ค่ะ 💙💚💛
GOD IS GOOD TO ME!
💛วิธีการปฏิบัติตัวกับผู้ป่วย สำหรับคนเป็นที่คริสเตียน
• อย่าเอาความเชื่อของคุณไปฟาดเขา เช่น "ใช้ความเชื่อสิ เดี๋ยวก็หาย" แต่ให้คุณส่งภาพข้อพระคัมภีร์อ่านง่ายๆ ให้เขาแทน หรือส่งเพลงคริสเตียน ฟังง่ายๆ สบายๆให้เขาแทน
• อย่ากล่าวโทษเขา เช่น "โห เป็นผู้เชื่อมานาน ทำไมยังเป็นโรคนี้ได้ เปิดประตูให้มารเข้ามาหรือเปล่า" แต่ให้คุณหนุนใจด้วยคำพูดน่ารัก เช่น เราอยู่เคียงข้างเธอนะ กอดๆ มีอะไรให้เราช่วยมั้ย เรายินดีรับฟังนะ
• ช่วงที่เขายังไม่ได้หาหมอรักษา หรือช่วงที่รับยาใหม่ๆ อย่าเพิ่งเซ้าซี้เขาที่โบสถ์ เพราะเขากำลังมีกำแพง เขากลัวการที่คนเข้ามาคุยเยอะ แม้จะมาด้วยความห่วงใยก็ตาม
• ช่วงเวลาที่เขาตกหลุมดำอยู่ ดิ่งอยู่ ร่างกายของเขา ความคิดของเขาไม่รับรู้อะไรเรื่องพระเจ้าแล้ว เหลือแค่วิญญาณข้างในที่ต้องได้ยินข้อพระคัมภีร์ หรือให้คนใกล้ชิดอ่านให้ฟังสั้นๆ
วิธีที่สามีเราทำ คือ เปิดการ์ตูน อับราฮัม เวอร์ชั่นของเด็กให้เราดู ได้ผลนะ หรือ ทุกเช้า ที่ตื่นมาให้ผู้ดูแลคุณ ช่วยอ่านข้อพระคัมภีร์ให้ฟัง เพราะผู้ป่วยเอง การจะเอาร่างกายลุกขึ้นจากเตียงขึ้นมานั้น เป็นเรื่องที่ยากมากๆค่ะ ให้นึกภาพคนที่ไม่เคยปีนเขา แล้วต้องปีนเขาครั้งแรก ประมาณนั้น
💚วิธีการปฏิบัติตัวกับผู้ป่วย ที่ไม่ใช่คริสเตียน
• ให้เอาตัวเองออกมาจากคนที่ Toxic หากเป็นคนในครอบครัว อาจจะอยู่ในห้องเราก่อน แชทคุย โทรคุยกันแทน หรือให้คนที่เราไว้ใจ เป็นผู้สื่อสารแทนเรา
• หากคนที่ร้ายจิตใจคุณเป็นคนที่ทำงาน ก็หาทางคุยกับเขาเพื่อแก้ปัญหากันก่อน หากแก้ไม่ได้จริงๆ ก็มองหางานใหม่ค่ะ เราเปลี่ยนใครไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนงานใหม่ได้นะ
• หากคนที่ทำร้ายจิตใจคุณคือ คู่รัก คู่สมรส อันนี้ละเอียดอ่อน เราอาจจะแนะนำตรงนีัไม่ได้ แต่เราจะเป็นคนรับฟังคุณเอง IB มาได้เลย 24 ชั่วโมง
• นอนให้เพียงพอมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอนและตื่นเวลาเดิมทุกวัน เพื่อให้สมองเรา ร่างกายเราจดจำเวลา
• ถ้าคุณอยากหายจริงๆ ให้กินยาเวลาเดิมทุกวัน ห้ามขาด ห้ามหยุดยาเอง เด็ดขาด!
• กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เริ่มกินตาม List ข้างล่างก็ได้
• ออกกำลังกายเบาๆ ฝืนออกนะ แม้ไม่อยากออกก็ตาม เธอเก่งมากแล้ว ออกตามลิ้งค์ข้างล่างก็ได้ค่ะ
• สิ่งสำคัญเลยนะ คนที่จะดึงเราขึ้นจากหลุมดำนี้ ได้ คือ "ตัวเราเอง" อย่ายอมแพ้ให้มัน มันสิต้องแพ้เรา วันนี้ทำไม่ได้ วันข้างหน้าเธอทำได้แน่นอน
จงรักตัวเองให้มาก เธอมีค่าเสมอ เธอเป็นคนเก่ง แค่ตอนนี้เราป่วยเอง
• เมื่อปรับตัวเข้าก็ยาได้ ความสามารถที่เรามี ตัวตนเดิมที่สดใส ร่าเริง ความทรงจำ การจัดลำดับความคิด จะกลับคืนมาค่ะ (เราอยู่ในระยะนี้)
**ใครอยากปรึกษา สอบถาม เพิ่มเติม IB มาได้นะ หลังเลิกงานเราจะทยอยตอบค่ะ หรือ มาเจอ มากอดเราที่โบสถ์ได้นะ ปัก Map มาเลยนะ
*** ในรูปข้างล่าง คือ หนังสือและพระคัมภีร์ที่สามีอ่านให้เราฟัง ในวันที่เราไม่รับรู้อะไร ในวันที่เราไร้ความรู้สึกทุกอย่าง อยากอยู่เฉยๆ มืดๆ เงียบๆ แต่รู้มั้ย หนังสือเหล่านี้ที่เราหยิบมาอ่านได้แค่วันละหน้า มันช่วยเรามากๆ อยากท้าให้ลองอ่านเลยค่ะ
Link ร้านหนังสือ https://web.facebook.com/FAITH.LIBRARY
หากอ่านหนังสือไม่ไหวจริงๆ อย่างน้อยฟังเพลงเหล่านี้นะ ช่วยได้จ้า
อย่าลืมว่า เราทุกคนหายโรคนี้ได้ เราชนะมันได้ พูดใส่มันเลยจ้า
Thai
⚠️ฝากไว้ให้คิด⚠️
หากคนใกล้ตัวคุณเป็นโรคนี้ หากคุณเห็นเค้าทำอะไรแปลกๆ เปลี่ยนไป อย่ารีบตัดสินเค้านะคะ หรือหากเห็นเค้าโพสต์ระบายตาม Social ต่างๆ อยากตายบ้างล่ะ อะไรบ้างละ ดูเหมือนเรียกร้องความสนใจ จริงๆ มันคือ อาการของโรค ไม่ใช่ตัวตนจริงๆของเขา ให้เชื่อมั่นในตัวเขา และอย่ามองเขาว่าเป็นคนป่วยโรคจิตที่น่ากลัว หรือ อย่ารังเกียจเขา เพราะเขาจะไม่รักตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อย่าซ้ำเติมเขาด้วยคำพูดแรงๆ
1
ที่เขาโพสต์แบบนั้นเพราะเขาเจ็บปวดอยู่ข้างใน เขาแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าเขาเจ็บปวดเพียงใด เขาไม่รู้จะพูดกับใคร จะระบายกับใคร หรือคนใกล้ตัวเขาไม่เข้าใจเขา โลกของเขาจะเป็นสีดำ สีเทา ไม่มีสีขาวเลยแม้แต่นิดเดียว
ดังนั้นสิ่งที่ผู้คนใกล้ชิดทำได้ คือ การกอด การให้กำลังใจ การรับฟังที่รับฟังจริงๆ ไม่ใช่รับฟังเพื่อจะสอนหรือว่าเขาคิดมาก พาเขาไปเที่ยว พาเขาไปกินของอร่อย แม้เขาจะไม่อยากกิน หรือกินได้น้อยก็ตาม แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ 🙂💚
📍และที่ลืมไม่ได้เลย หากคุณมีโอกาสได้พูดคุยกับญาติผู้ป่วย สามี/ภรรยาของผู้ป่วย ก็อย่าลืมให้กำลังใจเขาด้วยนะคะ การดูแลผู้ป่วยช่วงดิ่ง ช่วงที่เขาอยากฆ่าตัวตาย เป็นงานหนักสำหรับพวกเขาเช่นกันค่ะ พวกเขาก็เหนื่อยเป็นและต้องการกำลังใจเช่นกันค่ะ
สามีเราได้เรียบเรียงและเล่าข้อมูลในมุมของการดูแลผู้ป่วยไว้ใน Facebook ของเรา Peerapan Luorapong สามารถตามไปอ่านเพื่อให้เข้าใจผู้ป่วยมากขึ้นได้ค่ะ
•ส่วนของอาหารต้านเศร้านะ ที่เราศึกษามา เพื่อนๆเอาไปปรับใช้ได้เลย
1. Dark Chocolate แบบ Low Sugar (เรากินช็อคโกแลตเย็น/ร้อน แบบไม่หวานแทน)
2. อาหารที่มี โอเมก้า 3
3. พืชตระกูลถั่ว (ทุกวันนี้เรากินเมล็ดทานตะวัน อิ่มท้องด้วย เบื่อไข่ต้มแล้ว)
4. ข้าวกล้องงอกที่มีสารกาบา
5. กรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด
6. โอเมก้า 9 จากอะโวคาโด้
7. กล้วย ผักใบเขียวต่างๆ
และอื่นๆ ที่ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมีแจ้งไว้
•การออกกำลังกายเบาๆ ช่วยได้เยอะค่ะ
ช่วงที่เราดิ่งมาก มึนยา ไม่อยากทำอะไร เราฝืนออกกำลังกายตามคลิปนี้ ถ้าคุณออกจนจบคลิป แปลว่าคุณเก่งมากค่ะ
•สุดท้ายนี้ ถ้าไม่แน่ใจว่า ตัวเองมีอาการมั้ย อย่ารอช้านะคะ ทำแบบสำรวจตาม Link ข้างล่าง เพื่อดูแนวโน้มตัวเองก่อน
หากพบว่าคะแนนสูง รีบพาตัวเองไปหาหมอเลยค่ะ อย่ากลัวคนมองเราไม่ดี หาว่าเราบ้า ปล่อยเค้าไปค่ะ เราต้องรักตัวเองก่อน ต้องช่วยดึงตัวเองไปพบหมอที่ใช่ ตัวยาที่ใช่ และที่สำคัญลองมารู้จักพระเจ้าค่ะ หายไวแน่นอน
He is the way ค่ะ
📍9 พฤติกรรม ที่เข้าข่ายโรคซึมเศร้า
1. เศร้า เบื่อ หรือหงุดหงิดง่าย
2. ไม่อยากทำในสิ่งที่เคยชอบ เช่น เล่นดนตรี เล่นกีฬา อ่านหนังสือ ดูละคร ดูทีวี หรือทำได้แต่รู้สึกไม่สนุกเหมือนเคย
3. เบื่ออาหาร หรือกินมากจนเกินไป เช่น รู้สึกเบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง หรือกลับกันบางคนอาจจะรู้สึกเครียด ทำให้ทานอาหารเพิ่มมากขึ้น จนไม่สามารถควบคุมการรับประทานอาหารของตัวเองได้
4. มีปัญหาเรื่องการนอน
บางคนอาจจะมีปัญหาในเรื่องของการนอน โดยอาจมีอาการนอนไม่หลับ หลับ ๆ ตื่น ๆ หลับยากหรือตรงกันข้ามบางคนอาจจะรู้สึกง่วงเพลียจนอยากนอนทั้งวันก็เป็นได้
5.ทำอะไรช้าลง กระสับกระส่าย
ในผู้ป่วยบางรายอาจจะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรเชื่องช้าลงกว่าที่เคย หรือมีอาการกระวนกระวาย และกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัดเจน
6.เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อย เพลียง่ายกว่าแต่ก่อน หรือไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำงาน หรือกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
7.รู้สึกไร้ค่า
บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีความหมาย หรือทำอะไรก็ไม่ดีไปเสียหมด ทำให้รู้สึกแย่กับตัวเอง หรือเอาแต่โทษตัวเองในทุก ๆ เรื่อง
8. สมาธิสั้น ความจำแย่ลง
ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าตัวเองสมาธิสั้น และความจำแย่ลง ทำให้มีอาการเหม่อลอยหรือใจลอยบ่อย ๆ จนทำให้มีปัญหาด้านการตัดสินใจ และทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนเคย
9.คิดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเอง
เริ่มมีการคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเอง หรือรู้สึกว่าชีวิตมืดมนไปหมดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ และอาจร้ายแรงไปจนถึงการฆ่าตัวตาย
ใครอยากแชร์โพสต์ แชร์ได้เลยนะ เราอยากช่วยเพื่อนๆที่เป็นโรคเดียวกับเรา เราเข้าใจดี เพราะเราอยู่โลกใบเดียวกับคุณ เรามาหายจากโรคซึมเศร้าไปด้วยกันค่ะ 😊💚
โฆษณา