4 ก.พ. 2023 เวลา 23:57 • สุขภาพ

สามีเราเขียน “เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าภรรยาผมเป็นโรคซึมเศร้า | เป็นแล้วหายได้ EP.1”

***นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกเราซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในทางทฤษฎีกับคุณ แต่ไม่ใช่สูตรสำเร็จที่นำไปปรับใช้ได้กับผู้ป่วยทุกคนได้ทันที เป็นแต่เพียงแนวทางที่สามารถพอจะนำไปเพื่อประยุกต์ได้เท่านั้น ผู้ป่วยห้ามหยุดยาเองเด็ดขาด ที่สำคัญอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครไม่ว่าจะช่วงเวลาใดก็ตาม เพราะความสามารถที่เรามีจริงๆได้ถูกกดเอาไว้ด้วยกระบวนการแห่งความเจ็บป่วยเท่านั้น โฟกัสไปที่การหายดีแล้วกลับมาเป็นคนเก่งเหมือนเดิมนะครับ
เรื่องราวต่อไปนี้ผมขออนุญาตเจ้าของเรื่องซึ่งก็คือภรรยาของผมเพื่อเปิดเผยสู่สาธารณะ ภรรยาผมยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ผมเขียนเรื่องราวค่อนข้างละเอียดนี้เพื่อเป็นข่าวดีกับพวกคุณผู้อ่านทุกท่าน เพื่อช่วยกระตุ้นให้คุณมีความหวังขึ้นในสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ได้
พลาดเพราะไม่ยอมรับความจริง: คงไม่เกิดขึ้นหรอก
เดือนสิงหาคมปี 65 ผมพาภรรยาไปตรวจที่แผนกประสาทวิทยาที่โรงพยาบาลแถวถนนเพชรเกษมถึงอาการนอนหลับไม่สนิทเรื้อรัง และอาการปวดท้ายทอยบ่อยๆ ภรรยาผมทำงานประจำ นอนดึกทุกวัน มีความเครียดจากการตามงานทุกวัน และนอนไม่เคยพอทุกวัน แพทย์จ่ายยาลดเครียดและยานอนหลับให้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากตรวจคือพวกเรากลับละเลยสัญญาณเตือนจากแพทย์เมื่อพบว่ามีอาการอ่อนๆของโรคซึมเศร้าแล้ว พวกเราคิดว่าพยายามพักผ่อนให้พอเพียงและไม่พยายามพูดถึงโรคดังกล่าว ไม่พยายามคิดว่าจะเป็นด้วยซ้ำและไม่อยากได้ยินคำว่าโรคซึมเศร้า
ลงไปอยู่ในบ่อมืด
ถึงกลางเดือน กันยายน 65 ภรรยาของผมเริ่มมีอาการไม่อยากพบปะผู้คนเพื่อนร่วมงาน เชื่อมโยงประมวลผลความคิดอะไรไม่ได้เลย พอถึงวันหนึ่งในเดือนนั้นผมกลับเห็นภรรยากำลังร้องไห้อยู่หน้าโน็ตบุ๊คเพราะลำดับความสำคัญของงานไม่ได้เหมือนเดิม เธอเริ่มกินอาหารเหลือเพียงวันละมื้อจนน้ำหนักลดฮวบ ผมคิดไม่ออกว่ามันคืออะไร รับมือไม่ถูก ในที่สุดสิ่งที่ผมกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้น วันหนึ่งภรรยาผมเริ่มตีขาตัวเองและพวกเราตัดสินใจพบจิตแพทย์ คำวินิจฉัย ก็คือ ภรรยาผมเป็นโรคซึมเศร้าเข้าสู่ระดับกลางแล้ว
เกี่ยวกับโรคที่ควรรู้
โรคซึมเศร้าเป็นความเจ็บป่วยอย่างหนึ่งไม่ใช่แค่ความอ่อนแอทางจิตใจ เป็นเรื่องของสารสื่อประสาทในสมองที่ทำงานไม่สมบูรณ์แบบ กับเซลล์ที่ทำหน้าที่จับรับสารสื่อประสาทในสมองมีความผิดปกติไปจากเดิม องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ความเจ็บป่วยนี้เป็นโรคชนิดหนึ่ง ก็เช่นเดียวกันกับโรคเบาหวาน มะเร็ง โรคหัวใจซึ่งต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาแพทย์ไม่ใช่ปล่อยให้หายเองตามธรรมชาติ ซึ่งคนในสังคมยังมีความเข้าใจในเรื่องนี้น้อยมากๆ
การรับยาของคนเป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่ง่าย ไม่ใช่แค่รับยาแล้วกินตามนั้นอย่างมีวินัยไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่นั้นครับ เพราะความผิดปกติของสารสื่อประสาทไม่ใช่สิ่งที่แพทย์จะมองเห็นได้ด้วยตาหรือกล้องจุลทรรศน์ เพราะสารเคมีในสมองมีกระบวนการทำงานเป็นรูปแบบแต่ไม่มีใครเจาะสมองเข้าไปดูได้ตลอดเวลา ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการจ่ายยาและอีก 2-3 สัปดาห์จะนัดมาติดตามผลว่ายาขนานนี้รักษายังไม่ตรงจุดใช่ไหม หรือมีผลจนใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้เลยไหม หากใช่ก็จะยังมียาอีกเป็นสิบๆขนานให้เปลี่ยนให้กินดู
เพื่อนร่วมทางที่ดีในบ่อมืด
แท้จริงแล้วก่อนหน้านี้ภรรยากับผมยังไปคริสตจักรอยู่อย่างสม่ำเสมอไม่ขาด พวกเราเป็นคริสเตียนที่เชื่อถึงคำสัญญาที่จริงใจจากพระเจ้าว่าพระเจ้าจะรักษาคนป่วยผ่านพระเยซูคริสต์ การที่เราไปคริสตจักรนั้นแม้ว่าอาการดังกล่าวเริ่มปรากฎแล้ว(แต่ขณะนั้นยังไม่มาก) พี่น้องท่านหนึ่งในคริสตจักรสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ พี่น้องท่านนี้มีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยเช่นนี้มาก่อน ได้ทักและเรียกพวกเราคุยตรงๆเกี่ยวโรคซึมเศร้า หลังจากนั้นผมพาภรรยาเข้าสู่กระบวนการรักษาของแพทย์ทันที และมีพี่น้องคนอื่นๆอีกอย่างน้อย 3 คน มาคอยดูแล
ยังมีผู้ป่วยอีกหลายคนที่ต้องเอาตัวรอดความทรมานนี้เพียงคนเดียวไม่มีเพื่อน ไม่มีคนใกล้ชิดที่จะเข้าใจได้ พวกเป็นสังคมกลุ่มเปิดที่ยินดีมากๆจะเป็นเพื่อนให้กับคุณในฐานะของผู้ป่วย ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่ากำลังมีความหวังขึ้นมาบ้าง รอผมเขียน EP.2 นะครับ
โฆษณา