6 ก.พ. 2023 เวลา 09:01 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

มีดิจิตัล ก็อย่าลืมอนาล็อก

ADA (บอลลูนลอยอัตโนมัติ)​ พวกเรากำลังชื่นชอบเทคโนโลยีที่มีอายุเกือบหนึ่งศตวรรษ​ อิทธิฤทธิ์​ของบอลลูนจีน​จึงสอนให้รู้ว่า มีดิจิตัล.. - อย่าหลงลืมอนาล็อก​
หลักการพื้นฐาน:
➖🎈ความสูงของเที่ยวบินจะต้องเพิ่มขึ้น และลดความหนาของฟิล์มเปลือกลงเหลือ 5 ไมครอน ทำให้ ADA โปร่งใสเบาบางไปกับสีท้องฟ้า​ กล่าวคือ เรดาร์ภาคพื้นดินตรวจจับไม่ได้
นั้นจะหมายรวมถึงว่า​ นอกจากการติดตั้งอุปกรณ์ลาดตระเวนไว้กับบอลลูนแล้วนั้น การติดอาวุธชีวภาพหรืออาวุธเคมี ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงนิวเคลียร์
➖🎈บอลลูนลอยอัตโนมัติเหล่านี้ ส่วนใหญ่การใช้กระแสอากาศในชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ที่พัดผ่าน​
สมัยนั้นพัฒนาจนเครื่องสกัดกั้นและขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศจากภาคพื้นดิน.. - ไม่สามารถเข้าถึงพวกมันได้
แม้กระทั่ง​เมื่อมาเปรียบเทียบกับ S-75 เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศระดับสูงที่ออกแบบโดยโซเวียตที่ติดตั้งครั้งแรกในปี 1957 สร้างขึ้นโดยใช้ขีปนาวุธพื้นดินสู่อากาศ​ รุ่นนี้ในสมัยก่อนได้รับการติดตั้งใช้งานอย่างกว้างขวางที่สุดในประวัติศาสตร์
1
แต่คอมเพล็กซ์ S-75 ที่สามารถ "เข้าถึง" เป้าหมายที่ความสูงดังกล่าวได้​ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ของบอลลูนสอดแนมได้
2
อีกทั้งราคาของบอลลูนที่ค่อนข้างถูกไม่สามารถเปรียบเทียบกับจรวดราคาแพงได้ นอกจากนี้ หน่วยงานผู้ผลิตบอลลูนสอดแนมไม่ได้หยุดพัฒนาตัวเองเลย
แต่เมื่อ​ 60​ กว่าปีก่อน​ คอมเพล็กซ์ S-75 ยังสามารถขัดขวางการบินของเครื่องบินสอดแนมสหรัฐฯ​ U-2 ในตำนานฉายา​ "นางพญามังกร" เคยแอบบินเงียบเหนือดินแดน​ Yekaterinburg ของสหภาพ​โซเวียต​ วันนั้นนักบินและลูกเรือสูญหายไปในท้องฟ้า
3
ตั้งแต่วันนั้นยุคของการบินที่ไม่จำกัดของเครื่องบินลาดตระเวนระดับสูงของอเมริกาเหนือดินแดนของสหภาพโซเวียตสิ้นสุดลงแล้ว
➖🎈 และหลังจากความพ่ายแพ้ของ​ U-2.เจ้าของฉายานางพญามังกร​ อเมริกาก็เริ่มบัญญัติ​ศัพท์แสง​เพื่อให้ดูเหมือนกำลังพัฒนาบอลลูนขั้นแอดว๊านซ์ยิ่งขึ้น​ คือ​ คำว่า​ Aerostat มาในระบบ​ Tethered Aerostat Radar System (TARS).
ในอดีต อากาศยานทั้งหมดเรียกว่าบอลลูน ประเภทขับเคลื่อนที่มีความสามารถในการบินในแนวนอนเรียกว่าบอลลูนที่เคลื่อนย้ายได้​
เพื่อความกิ๊บเก๋​ สำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ใช้คำว่า "แอโรสแตท" ในความหมายที่ต่างออกไป เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างบอลลูนที่โยงแบบสถิตกับเรือเหาะที่บิน​ ดูแอดว๊านซ์มั้ยฮะ​ ของรัสเซีย​ยังคงเป็น​ บอลลูนอยู่เลย
➖🎈 ในเวลาเดียวกัน​ แม้โซเวียต​จะมี​ บอลลูนสอดแนมเกิดขึ้น​ และยังมีศักยภาพในการบินที่.. -​แม้แต่คอมเพล็กซ์​ S-75 เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศระดับสูง... - #ก็ต้านบอลลูนของตนเองไม่ได้
ตอนนั้นรัฐบาลของสหภาพโซเวียต ได้สั่งให้พัฒนา "#ศูนย์การบินสำหรับการสกัดกั้นและทำลายบอลลูนที่ลอยโดยอัตโนมัติ" ทุกวิธีที่เป็นไปได้ในการทำลาย ADA เข้าตำรา​ เล่นผูกต้องเรียนวิธีแก้​ ในขณะเดียวกัน​ ไม่รอให้ศัตรูทำได้ก้อนแล้วค่อยออกสตาร์ท​ แข่งขันกับตัวเองจนคนอื่นตามไม่ทัน
คิดค้นหลายรูปแบบ จนถึงวิธีการที่แปลกใหม่ เช่น การกำจัดบอลลูนด้วยความช่วยเหลือของ​ " อวนลากที่มีเดือยแหลม".. - ที่เสมือนกับการยกลูกโป่งขึ้นเหนือน้ำ​ จินตนาการ​เอาจาก​ ชาวนาหวานแหในนาข้าวนั้นแหละเหมือนกัน​ ต่างกันแค่การจับบอลลูนของโซเวียต​ยุคนั้น​ เหวี่ยงแห​บนอวกาศ
➖🎈แต่สุดท้ายของสุดท้ายที่ยังคงใข้อยู่จนถึงปัจจุบัน​ คือ​ การสร้างเครื่องบินรบ(ที่มีความสามารถพิเศษ)​ ติดอาวุธยุทโธปกรณ์​ ที่เรียกว่า​ ปืนใหญ่​ ใช่แค่ปืนใหญ่ก็บอกแล้วว่านี่คือเทคโนโลยี​เมื่อร้อยปีก่อน​ ดิจิตัลถอยไป​ แถมราคาถูกกว่าอาวุธจรวด และมีระบบตรวจจับลูกบอลด้วยแสง(#อันนี้แหละที่ยาก)​ จนได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
2
➖🎈 มาถึงการชำแหละ​ U-2C.ให้มาเป็น Beriev S-13 | อ้างอิง: https://clck.ru/33TUqR
2
➖🎈ในปี​ ในปี 1970 มีคำสั่งให้พัฒนา *โซเวียต U-2* จากประสบการณ์ในการสร้างเครื่องบินระดับความสูงของรัสเซีย​ สิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุด​ คือ​ หายาก​ และไม่มีนักออกแบบเครื่องบินทั่วไปคนใดที่แก้ปัญหางานที่ซับซ้อนและใช้วิทยาศาสตร์มากเช่นนี้โดยให้ผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้นอกจากนี้ จะต้องเป็นเที่ยวบินในชั้นบรรยากาศ​สตราโตสเฟียร์
การพัฒนา​โซเวียต U-2​: เริ่มจากทุกชิ้นส่วนของ U-2​ของนางพญามังกรของอเมริกาในรูปแบบดั้งเดิมที่ถูกยิงตกใกล้กับดินแดน Sverdlovsk ในปี 1960 หนึ่งในบทที่โด่งดังที่สุดในสงครามเย็นเริ่มต้นขึ้นหลังจากนักบิน U-2 ชาวอเมริกัน Francis Gary Powers ถูกยิงตกและถูกจับตัวไประหว่างภารกิจสอดแนมเหนือสหภาพโซเวียต นับตั้งแต่ทำการบินครั้งแรกในปี 1956 U-2 ได้กลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของสหรัฐอเมริกาในการสอดส่องหลังม่านเหล็ก​ ถึงบทอวสานในปี​ 1960 | อ้างอิง: https://clck.ru/33TV8u
2
การชำแหละ​ร่างเดิมของยูทู​ ได้รับการศึกษาอย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญของโซเวียต
- พบว่าในการแสวงหามวลขั้นต่ำชาวอเมริกันประเมินน้ำหนักการออกแบบต่ำเกินไป (15% เมื่อเทียบกับมาตรฐานของโซเวียต).. - #ซึ่งเป็นผลนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุใน U-2 ระหว่างการใช้งานสูง
2
- จากเครื่องบิน 60 ลำ ที่สร้างขึ้นในปี 1955- 1960 มีประมาณ 40 ลำที่ล้มเหลวเนื่องจากอุบัติเหตุ ปัญหาอีกประการหนึ่งของ U-2 คือในพยายามการแสวงหาประสิทธิภาพที่ทำลายสถิติ โดยนักออกแบบ "บีบ" เครื่องบินจนแทบไม่มีที่ว่างสำหรับอุปกรณ์พิเศษอื่นๆ​ เพื่อความแอดวานซ์ - แต่ดันมอบภาระเพียงอย่างเดียว​ คืออุปกรณ์ถ่ายภาพที่วางอยู่ใน "Q" ที่แคบ คือ​ มีภานกิจสอดแนมอย่างเดียวว่างั้นเถอะ
4
- ในทางกลับกัน เครื่องบินของโซเวียตต้องบรรทุกยุทโธปกรณ์ที่หลากหลายกว่ามาก และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องรับภาระหนักพอสมควร เพื่อให้ชนะกับเครื่องบินสกัดกั้นรุ่นต่างๆ​ ที่โซเวียต​สร้างไว้อีกนั้นแหละ​ และเห็นได้ชัดว่า*ต้นแบบของ U-2* ที่นำมาชำแหละ​นั้น​ มีคุณสมบัติ​ไม่เพียงพอ
➖🎈*งานหินสามประการ* ของโซเวียต​ยูทู
- สร้างเครื่องร่อนที่มีปีกที่ยืดออกได้สูงผิดปกติ เพื่อวางเครื่องยนต์ระดับสูงที่มีแรงขับที่ดีและการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
- พัฒนาแท่นปืนที่มีประสิทธิภาพสูงพร้อมขีปนาวุธพิเศษและแบบเฉพาะ ระบบค้นหาและเล็ง
- ระบบเชื้อเพลิง​ทางเลือก​ ที่รองรับกับข้อกำหนดทั้งรูปลักษณ์สุดท้ายของเครื่องบินและเค้าโครงของระบบอาวุธ
- ฮ่าๆๆ​ เยอะกว่ากล้องถ่ายรูปของยูทูต้นฉบับเยอะเลย
4
➖🎈*หัวใจสำคัญมาจาก​ TU-144* ความจำเป็นในการรองรับเชื้อเพลิงจำนวนมากและความปรารถนาที่จะมีปีกที่สูงและสะอาดตามหลักอากาศพลศาสตร์ บ่งชี้ให้เห็นถึงการมีอยู่ของเครื่องยนต์เดียวในลำตัวเครื่องบิน ซึ่งทรงพลังและมีความสูง
3
คือเครื่องยนต์​ RD-36-51A ที่สร้างขึ้นสำหรับเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง Tu-144 เพียงเท่านั้น.. -​ที่มีคุณสมบัติ​ตรงตามข้อกำหนดดังกล่าว นอกจากนี้ เครื่องยนต์นี้ยังมีกล่องแยกหน่วยต่างๆของเครื่องบินที่จัดเรียงไว้ต่างหาก ซึ่งทำให้สามารถวางไว้ในพื้นที่ว่างใดๆ ได้ ลดส่วนตัดขวางของระบบขับเคลื่อน​ และสำหรับลำตัวเครื่องบิน การเลือกโครงร่างให้ดี​กว่าของต้นแบบ​ ซึ่งลดน้ำหนักของเครื่องบินลงอย่างมาก​ ทำให้นักออกแบบเลิกสนใจซากยูทูขอวชาวอเมริกันในที่สุด - ไม่มีอะไรทำให้นึกถึง U-2 อีกต่อไป​
ดังนั้นจะบอกว่าโซเวียต​ก๊อปปี้มา​ ก็ถือว่าไม่ใช่​ แค่นำมาศึกษาข้อบกพร่องที่ถูกสหภาพ​โซเวียต​ยิงตก​ และสร้างขึ้นมาใหม่ให้ดีกว่าเท่านั้นเอง​ จึงควรเรียก​ การพัฒนา​ มิใช่ก๊อปปี้
2
➖🎈ในขณะเดียวกัน การพัฒนาสถานีค้นหาและเล็งเพื่อตรวจจับบอลลูนที่ความสูงมากขึ้นเรื่อยๆ​ ตามลำดับ​ ก็ดำเนินการไปด้วย
2
➖🎈โซเวียต​ไม่ใช่ระบบเรดาร์ เนื่องจากเรดาร์มองเห็นบอลลูนต่ำมาก​.. -​#จึงตัดสินใจใช้ระบบออปติกในการค้นหาและติดตามเป้าหมาย ระบบประกอบด้วยตัวค้นหาทิศทางการสำรวจที่ตรวจจับเป้าหมาย
และตัวค้นหาทิศทางแบบติดตามด้วยเครื่องวัดระยะ #เลเซอร์ ซึ่งติดตามเป้าหมาย.. -​#และควบคุมการยิงของปืนในโหมดอัตโนมัติ ข้อกำหนดพิเศษสำหรับเลนส์นั้นต้องยอดเยี่ยมมาก​ ตัวอย่างเช่นกระจกบังลมของเครื่องวัดระยะต้องทำจากหินคริสตัลชิ้นเดียว​ มาจากการของฝากจากบราซิล - เป็นแร่คริสตัลที่มีสิ่งเจือปนต่ำ
ระบบค้นหาและการมองเห็นนี้พัฒนาขึ้นที่สำนักออกแบบกลาง "ธรณีฟิสิกส์" เกือบจะเป็นเพียงความซับซ้อนของเครื่องบินในอนาคตที่เกินข้อกำหนดของการกำหนดยุทธวิธีและทางเทคนิคอย่างมาก:
- แท่นปืนเคลื่อนที่ ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของปืนอากาศยานขนาดใหญ่ที่สุด คือ​ GSH-23 ด้วยอัตราการยิง 3400 รอบต่อนาที ตัวกระสุนนั้นน่าสนใจกว่ามาก - เมื่อเปรียบเทียบ​ #กระสุนมาตรฐาน​ กับ​ #กระสุนหนา​ที่ออกแบบพิเศษ​
- #กระสุนมาตรฐาน​: เมื่อยิงขึ้นไปที่บอลลูน​ ฟิวส์เกิดอาการไม่ทำงาน ขีปนาวุธทิ้งรูเล็ก ๆ ไว้บนเปลือกของบอลลูน​
2
- จึงทำให้แรงดันตกได้น้อยมาก.. - ที่ระดับความสูงดังกล่าว #ทำให้ฮีเลียมรั่วไหลไม่เพียงพอ.. -​ที่จะลดระดับบอลลูนลงได้
- #กระสุนพิเศษ​ ที่มีฟิวส์ที่ไวเป็นพิเศษ เมื่อถูกกระตุ้น แฟลกเจลลาที่เป็นลวดโลหะ.. -​จะบินออกจากกระสุนปืนไปในทิศทางต่างๆ กัน ทำให้เปลือกแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนใบมีด
- ถ้ากระสุนไม่โดนตรงกลางบอลลูนพอดี (ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยที่สุด) กระสุนเบาจะเริ่มหมุนด้วยความเฉื่อย แต่เรือกอนโดลาที่หนักกว่ายังคงนิ่งอยู่ เมื่อบิดสลิงที่ยึดช่วงล่างเริ่มบีบอัดเปลือกบีบแก๊สผ่านรู
➖🎈ในปี 1986 บอลลูนสอดแนมบรรลุความสูงของเที่ยวบิน 21.5 กม. และความเร็ว 285 กม. / ชม.
ดังนั้น 30 ปีหลังจากการปรากฎตัวของบอลลูนลาดตระเวนบนท้องฟ้าเหนือสหภาพโซเวียตจนถึงปัจจุบัน​ สหพันธรัฐ​รัสเซีย​จึงกลายเป็นชาติเดียวในโลกที่มีบอลลูนล่องลอยอัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบในระดับสูง
โชคร้ายประการเดียว​ คือ​ หลังจากนั้นข้อตกลงระหว่างประเทศ.. - ก็ปรากฏขึ้นเกี่ยวกับการห้ามใช้ ADAs ในดินแดนน่านฟ้าต่างประเทศ
➖🎈 ด้วยข้อจำกัดของสนธิสัญญา​ข้อตกลง​ระหว่างประเทศ​ ทำให้ในปี 1990 ก็ปรากฏ​ *บอลลูน*ภายใต้ชื่อใหม่ว่า "สตราโตสเฟียร์" ไม่มีร่องรอยของปืน
ตลอดทั้งปี เครื่องบินลากถุงทรายไปตามเส้นทางระยะไกลหรือโยนให้สูงต่างกัน และสร้างสถิติโลกถึง 25 รายการ รวมถึงความสูง 21,860 เมตร และเร่งความเร็วได้ถึง 734.3 กม./ชม.
จากนั้นก็พัฒนาให้​ M-17 ทำการบินระดับสูงเพื่อไปศึกษาชั้นโอโซน ในช่วงเวลานี้กองทัพมีอาชีพใหม่สำหรับเครื่องบิน - เที่ยวบินลาดตระเวน
แต่ช่วงนี้​ ก็มีความโชคร้ายอย่างร้ายแรงเกิดขึ้นอีกครั้ง: ด้วยการล่มสลายของสหภาพ​โซเวียต​ ทำให้โครงการการบินผู้โดยสารความเร็วเหนือเสียงของโซเวียต​ มีการลดการผลิต Tu-144 ตลอดจนการผลิตเครื่องยนต์ RD-36-51V ก็หยุดลงเช่นกัน
➖🎈 เกือบยุคล่าสุด: เมื่อยังมีสนธิสัญญา​ข้อตกลงผูกมัด​ ห้ามใช้บอลลูน​สอดแนมบินเหนือน่านฟ้าต่างประเทศ​ รัสเซีย​จึงพัฒนาการส่อง​ สอดแนม "#มองจากด้านข้าง"
การใช้เรดาร์แบบมองด้านข้าง​ เพื่อส่งสัญญาณเรดาร์ไปยังดินแดนของศัตรู.. - #โดยไม่ต้องบินเข้าไป นั้นคือ TR-1 ทั้ง M-55
➖🎈ยุคปัจจุบัน​ ช่วงแรกๆ​ ทั้ง TR-1 และ M-55 ได้เวลาไปพิพิธภัณฑ์​ ด้วยเหตุผลว่าไม่เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาภารกิจลาดตระเวนสมัยใหม่ส่วนใหญ่
ยานพาหนะไร้คนขับและดาวเทียมจะมีประสิทธิภาพมากกว่าบอลลูน​สอดแนม... - ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาการป้องกันขีปนาวุธสมัยใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ สิ่งนี้ต้องการการตอบสนองทันทีต่อข้อมูลที่เข้ามา
2
"โดรน" ทั้งบนบก​ ใต้น้ำ​ และ​ ท้องฟ้า​ เข้ามามีบทบาทในการลาดตระเวนในพื้นที่สีแดงมากขึ้น
➖🎈 แต่รัสเซีย​คลั่งไคล้​ความเป็นอนาล็อก​: The​KGB.. - #ในยุคของปูตินยังบันทึกข้อความผ่านเครื่องพิมพ์​ดีดธรรมดา​ ไม่ใช่คอมพิวเตอร์​
ด้วยความที่รัสเซียเป็นชาติเดียวในโลกที่มีบอลลูนล่องลอยอัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบในระดับสูง​ จึงไม่ต้องกังวลกับการมีประจำการเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ในระดับควาทสูงแตกต่าง​กัน​ 16,000 -​40,000 เมตร​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้แก่ ระบบบอลลูนสำหรับการตรวจตราด้วยเรดาร์ บอลลูนบรรทุกอาวุธ บอลลูนสื่อสาร และบอลลูนสงครามอิเล็กทรอนิกส์​
แต่ด้วยยังมีสนธิสัญญา​ข้อตกลง​ระหว่างประเทศ​ว่าด้วยการห้ามบินบอลลูน​ในน่านฟ้าของต่างประเทศ​ แม้รัสเซีย​จะพัฒนาเรดาร์มองด้านข้างของประเทศ​ศัตรู​ได้โดยไม่ต้องเข้าน่านฟ้าเลย​ก็ตาม .. -​แต่ด้วยเงื่อนไขของสงครามจึงละความต่อเนื่องของเนื้อหาไว้เพียงเท่านี้
➖🎈 พวกเรากลับไปสนุกสนานกับ​ "ลมเพลมพัด".. - หอบเอาบอลลูนพลเรือนเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์​ด้านสภาพภูมิอากาศ​ เข้าสู่แคนาดา​ และสหรัฐ​อเมริกา​ตั้งแต่เมื่อปลายเดือนก่อนตามลำดับ​
คิดอะไรมากเนอะ​ ปักกิ่งแค่ไปฉลองเทศกาล​โคมไฟ​ ส่งบอลลูนดวงใหญ่ขึ้นเป็นสัญญลักษณ์​ลอยเพ่นพ่าน​ไปทั่ว​ เฮโหล​ สวัสดีไซโลขีปนาวุธ​ของสหรัฐ​ฯ​ ไฮ.. เครื่องบินทิ้งระเบิด​.. - สบายดีหรือเปล่า สุขสันต์วันเทศกาลโคมไฟ ขอให้ทุกภารกิจที่ไปวุ่ยวายกับทุกชาติอื่นๆ​ แคล้วคลาด​ นะจ๊ะ
การมาหาในช่วงเทศกาลสำคัญมาแต่โบราณ​ อาจจะถือว่าเป็น​ "การลงนะหน้าทอง" รูปแบบหนึ่งก็ได้​ เห็นมั้ยได้ผลด้วย ไม่ว่าจะรักหรือเกลียด​จีน.. - #ชั่วโมงนี้ไม่มีใครสลัดจีนทิ้งจากอ้อมใจได้เลย
1
โฆษณา