Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
SEO "X" Capture
•
ติดตาม
6 ก.พ. 2023 เวลา 09:44 • ธุรกิจ
มัดรวม 5 วิธีทำ SEO สร้างเพจ Facebook ขายของออนไลน์ ประหยัดงบโฆษณา
ถามกันบ่อย…แม่ค้าออนไลน์อยากรู้ วิธีสร้างเพจ Facebook ให้สนับสนุนการทำ SEO ติดหน้าแรก มี Organic Reach สูงกว่าค่าเฉลี่ย สร้างโอกาสขายของออนไลน์แบบประหยัดงบโฆษณา
คุณจะได้รู้อะไรบ้าง
1.
วางแผนสร้างเพจ Facebook
2.
วิเคราะห์คอนเทนต์ที่มีผลตอบรับสูง
3.
คัดเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม
4.
เริ่มทำทำ SEO ให้เพจ
มูลค่าตลาด 5.65 แสนล้าน ขยายตัว 13.5% (YoY) ธุรกิจ B2C ขายของออนไลน์ ปี 2565 คือโอกาสของธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทย จากศูนย์วิจัยกสิกรไทย แม้การขยายตัวจะปรับลดลงเมื่อเทียบระหว่างปี 2562-2564 ซึ่งขยายตัวเฉลี่ยปีละ 40% แต่เพราะมีปัจจัยสนับสนุนเชิงพฤติกรรม เช่น การระบาดของโควิด-19 ที่ส่งเสริมให้ผู้บริโภคหลายช่วงวัย (จำเป็น) ต้องเรียนรู้การซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่หลากหลาย จึงให้การเติบโตของธุรกิจออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
7,224 ล้านบาท เป็นตัวเลขใช้จ่ายซื้อโฆษณา Facebook จากรายงานของ DAAT ประจำปี 2564 ซึ่งมีสัดส่วนของงบโฆษณา 32% สูงกว่าสื่อออนไลน์ทุกประเภทที่คนไทยนิยมใช้
รายงาน DAAT ประจำปี 2564
วางแผนสร้างเพจ Facebook
การเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์ หรือลงทุนหารายได้เสริมออนไลน์ด้วยการสร้างเพจ Facebook จึงเป็นทางเลือกที่สะดวก เร็ว ง่าย และ ที่สำคัญคือ “ฟรี”... และด้วยเหตุปัจจัยเหล่านี้ ทำให้รายได้ของ Facebook เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากค่าโฆษณา!
สร้างเพจ Facebook ไหนว่าฟรี ต้องซื้อโฆษาด้วยหรือ
ความเข้าใจที่ผิด
แม่ค้าออนไลน์ทุกคน มีเพจ Facebook เป็นเครื่องมือแรก ๆ ในการเข้าสู่ธุรกิจ E-commerce แต่หลายคนอาจไม่ทราบมาก่อนว่าปัจจุบัน “2%-5% เป็นค่าเฉลี่ยอัตตราการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของโพสต์” หากไม่จ่ายเงิน หรือ โพสต์นั้นๆ ไม่ Go Viral และ ด้วยเหตุผลนี้ เรามาดูต้นทุนเบื้องต้นของการสร้างเพจ Facebook ดังนี้
โครงสร้างต้นทุนขายของออนไลน์ด้วยเพจ Facebook
1.
ค่าแรงคนดูแลเพจ …บาท/วัน
2.
ค่าทำคอนเทนต์…บาท/ชิ้น
3.
ค่า Artwork…บาท/ชิ้น
4.
ค่าโฆษณาเฉลี่ย 3 บาท/คลิก
5.
ค่าใช้จ่ายจิปาถะ เช่น ค่าอินเทอเน็ต ค่าเดินทางไปทำคอนเทนต์ ฯลฯ
หมายเหตุ: ในตลาดต่างประเทศ จากรายงานของ WordStream ซึ่งนำเสนอไว้โดย
thesocialshepherd.com
จากทุกๆ กลุ่มธุรกิจมีค่าเฉลี่ยโฆษณาต่อคลิก $1.72
รายงานของ WordStream
โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายบางส่วน แม่ค้าออนไลน์มักไม่นำมาคิด เช่น ค่าทำคอนเทนต์ เพราะถูกเหมาไปคิดรวมกับค่าแรง แต่หากมองตามความเป็นจริง ต้นทุนคอนเทนต์นั้นสูงกว่าค่าแรงมาก และ ทำให้ต้นทุนของสินค้าไม่สอดคล้องกับความจริงเมื่อนำมาคำนวณกำไร ขาดทุน
วิเคราะห์คอนเทนต์
Audience Insights เป็นเครื่องมือที่ Facebook ให้มาใช้ฟรี ไปดูกันว่ามีข้อมูลอะไรมาสนับสนุนให้เราได้คอนเทนต์ดีๆ มาใช้วางแผนบ้าง
■
Post reach - ตัวเลขที่ได้คือจำนวนครั้งที่โพสนั้นๆ แสดงผลใน news feed หากมีตัวเลข Reach ที่สูงหมายความว่าคอนเทนต์นั้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มาก โดยเช็คเฉพาะสถิติของ Organic reach เท่านั้น
Audience Insights Analysis
■
Likes, Comments, และ Shares - เป็นผลลัพธ์โฆษณาที่สะท้อนคุณภาพของคอนเทนต์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสถิติการ Shares
วิเคราะห์ Interaction ของโพสต์
■
Post Clicks และ Link Clicks - ตัวเลข Link clicks แสดงตัวเลขผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ แสดงถึงความสนใจอย่างจริงจัง จากคนที่คลิกโพสต์ ซึ่งเราตามไปวิเคราะห์บริบทการนำเสนอของเนื้อหา และ คีย์เวิร์ดของบทความนั้นๆ ได้
วิเคราะห์ Click-Through-Rate ของโพสต์
คัดเลือกคีย์เวิร์ด
หลายครั้งที่ Google ปรับปรุงอัลกอริทึมใหม่ให้ทำงานฉลาดขึ้น รู้และเข้าใจภาษามนุษย์ได้ทุกๆ ภาษาในโลกนี้ โดยมีตัวแปรสำคัญที่ใช้ตีความเพื่อนำเสนอผลลัพธ์การค้นหาที่ตรงใจผู้ใช้คือ “คีย์เวิร์ด”
ผู้เชี่ยวชาญได้แบ่งคีย์เวิร์ดตามพฤติกรรม ออกเป็น 4 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มทำหน้าที่ต่างกันดังนี้
■
Informational intent - ค้นหาเพื่อตีกรอบชุดข้อมูลจากไอเดียกว้าง ๆ ให้แคบลง เพื่อนำไปใช้กับการค้นหาในขั้นต่อไป ตัวอย่างคีย์เวิร์ด "รองเท้าวิ่งผู้หญิง"
■
Navigational intent - การค้นหาที่ระบุ “ชื่อแบรนด์” ผสานกับคุณสมบัติที่ได้จาก Informational intent... ตัวอย่างคีย์เวิร์ด "Adidas รองเท้าวิ่งผู้หญิง"
■
Commercial intent - ค้นหาเพื่อเปรียบเทียบทางเลือกที่ดีที่สุด
■
Transactional intent - เป็นการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดเพื่อตัดสินใจขั้นสุดท้าย ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับข้อมูลติดต่อ
ผู้เชี่ยวชาญได้แบ่งคีย์เวิร์ดตามพฤติกรรม แต่คนทำ SEO ส่วนหนึ่งแบ่งคีย์เวิร์ดตาม search volume ทำให้ผลลัพธ์ออกมาต่างกัน ดังนั้น ในขั้นตอนการกำหนดคีย์เวิร์ดที่จะใช้ เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนเสมอ
ถ้าคุณอ่านจนมาถึงตรงนี้ แสดงว่ามีข้อมูลเตรียมการพร้อมที่จะเริ่มทำเพจ Facebook แล้ว... เราไปต่อกันเลย
5 วิธีทำ SEO ให้เพจ Facebook
■
1. Personal-moment relevancy คือ หัวใจสำคัญ
เราทราบกันดีว่า คอนเทนต์ที่เหมาะสมสำหรับสื่อประเภทโซเซียลมีเดีย ซึ่งมีลักษณะเป็นการสนทนาระหว่างบุคคล ดังนั้น คีย์เวิร์ดที่เลือกใช้คำนึงถึงประเด็นนี้ เราไปดูตัวอย่างคีย์เวิร์ด โดยอ้างอิง Search Intents
★
Informational intent - “ผลไม้แปรรูป” ประโยคสนทนา “มือใหม่ แปรรูปผลไม้ไว้กินเอง”
★
Navigational intent - “มะม่วงกวน” ประโยคสนทนา “ไปเดินตลาด เลือกมะม่วงสุกมากวน”
★
Commercial-investigational intent - “มะม่วงกวน ไม่ใส่น้ำตาล” ประโยคสนทนา “สูตรมะม่วงกวนคนกลัวอ้วน”Transactional intent - “ข้าวเหนียวมะม่วง” ประโยคสนทนา “ชี้เป้า มูฮัมหมัดรสดี ข้าวเหนียวมะม่วงเจ้าดัง”
★
Transactional intent - “ข้าวเหนียวมะม่วง” ประโยคสนทนา “ชี้เป้า มูฮัมหมัดรสดี ข้าวเหนียวมะม่วงเจ้าดัง”
■
2. URL ของเพจ ควรสื่อความหมาย
ส่วนใหญ่ URL ของเพจตอนที่เริ่มต้น จะเป็นตัวเลข ซึ่งไม่สื่อความหมายใด ๆ เมื่อถูกนำไปอ้างอิงใช้กับสื่ออื่นๆ และ ที่สำคัญคือเมื่อ Search Engine ไม่เข้าใจเช่นเดียวกันว่าเพจของเรานำเสนอคอนเทนต์อะไร แต่เมื่อเพจของเรามีคุณสมบัติครบตามข้อกำหนดของ Facebook ให้ดำเนินการได้ ก็แนะนำให้เปลี่ยนเพจ URL ให้สัมพันธ์กับชื่อโปรไฟล์
■
ใช้คีย์เวิร์ดให้ครอบคลุมองค์ประกอบเหล่านี้
★
About
★
Description
★
Headline
★
Photo captions
★
Notes
★
Updates
★
Hashtag
★
Location tag
■
4. Video x Stories คอนเทนต์ - ทำงานทั้งบน Facebook และ Instagram เพิ่มโอกาสการมองเห็น และ แสดงผลใน Google organic results
■
5. ลงทุนเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล
โดยปกติ เครื่องมือที่ Facebook ให้มานั้น ช่วยสนับสนุนการวิเคราะห์ผลลัพธ์ของเพจได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะข้อมูล Insight ซึ่งให้ข้อมูลต่างๆ ของกลุ่มเป้าหมายได้ แต่เรื่องสำคัญคือ เราจะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้สนับสนุนการทำ SEO ได้อย่างไร
●
วิเคราะห์ Post reactions, Comments และ Shares: ผลลัพธ์ที่ได้จากแต่ละโพสต์ บอกถึงรูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์ คีย์เวิร์ดที่ใช้ ประเภทคอนเทนต์
●
วิเคราะห์ action session: สถิติคลิก action button คลิกโทร หรือ คลิกไปที่เว็บไซต์ และ เข้าไปทำ soft-events conversion
ในช่วงเวลาที่หลายคนมองหาโอกาสในการเริ่มต้นธุรกิจ เริ่มต้นด้วยการหารายได้เสริม การขายของออนไลน์จึงมักเป็นตัวเลือกแรก ๆ ด้วยเหตุผลหลายประการ และ เครื่องมือสนับสนุนหลัก ๆ คือ การสร้างเพจ Facebook มาเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ และด้วยความเร็ว และ ง่ายในการเปิดใช้งาน จึงทำให้หลายคนลืมคิดถึงต้นทุนธุรกิจที่จะเกิดขึ้นตามมา
ปัจจุบัน สัดส่วนการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบฟรีนั้นลดลง เหลือเฉลี่ยเพียง 2% - 5% จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องอัดฉีดเงินค่าโฆษณาเข้าไป ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนที่ชัดเจนว่าสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามปัจจัยการแข่งขัน และ คุณภาพของคอนเทนต์
การทำ SEO ให้เพจ Facebook จึงเป็นกลยุทธ์ที่นำมาช่วยสนับสนุนการขายของออนไลน์ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ผ่านผลลัพธ์การค้นหาบน Google ที่คนไทยใช้งานมากกว่า 90% ต่อวัน
รูปประกอบ:
Whatagraph.com
, WordStream
ผู้เขียน:
https://www.linkedin.com/in/udchaiyasit/
ธุรกิจ
เรื่องเล่า
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย