7 ก.พ. 2023 เวลา 02:55 • ธุรกิจ

กรณีศึกษา Din Tai Fung ร้านติ่มซำไต้หวัน รายได้ 5,000 ล้าน

หากพูดถึงร้านอาหารจากไต้หวัน ที่เข้ามาเปิดบริการในไทยแล้ว
ภาพที่หลายคนนึกถึง คงหนีไม่พ้น ชานมไข่มุก
แต่รู้หรือไม่ว่า ร้านติ่มซำ ที่เราน่าจะเคยเห็นเวลาเดินห้างกัน อย่างร้าน “Din Tai Fung” ก็เป็นร้านอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากไต้หวัน เช่นเดียวกัน
ซึ่งเดิมที Din Tai Fung เป็นเพียงร้านขายน้ำมันปรุงอาหาร
แต่หลังจากที่เจ้าของร้าน
ลองหันมาทำติ่มซำอย่าง “เสี่ยวหลงเปา”
ร้าน Din Tai Fung ก็ประสบความสำเร็จ
และได้กลายเป็นเชนร้านอาหารยอดนิยมจากไต้หวัน
1
เรื่องราวของ Din Tai Fung น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Din Tai Fung คือ ร้านอาหารติ่มซำจากไต้หวัน ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1958 หรือเมื่อ 65 ปีที่แล้ว โดยคุณ Yang Bing-Yi
โดยคุณ Yang เกิดในมณฑลชานซี ประเทศจีน แต่ย้ายไปทำงานบนเกาะไต้หวัน
โดยเริ่มจากสมัครเป็นพนักงานส่งสินค้าของร้านขายน้ำมันปรุงอาหาร ชื่อว่า Hen Tai Fung
1
แต่ต่อมา ร้าน Hen Tai Fung ประสบปัญหาขาดทุน เลยต้องปิดกิจการลง ทำให้คุณ Yang ตัดสินใจลงทุนเปิดร้านค้าปลีกน้ำมันปรุงอาหารของตัวเองขึ้นมาใหม่ ชื่อว่า “Din Tai Fung”
โดยเขานำไอเดียการตั้งชื่อร้านมาจาก บริษัทคู่ค้าที่จัดหาน้ำมันปรุงอาหารให้ คือ Din Mei Oils รวมเข้ากับ Hen Tai Fung เพื่อให้เกียรติแก่เจ้านายเก่าที่เคารพ
2
อย่างไรก็ตาม ผ่านมาถึงปี 1972 ผลิตภัณฑ์น้ำมันปรุงอาหาร เริ่มมีจำนวนคู่แข่งในตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดขายของร้าน Din Tai Fung ลดลงอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้น คุณ Yang จึงไปขอคำปรึกษาจากเจ้านายเก่า ซึ่งได้แนะนำให้เปลี่ยนพื้นที่ร้านบางส่วน มาลองขายอาหารติ่มซำควบคู่กันไปด้วย เพื่อหารายได้เสริม
1
ด้วยเหตุนี้ คุณ Yang จึงเลือกขายติ่มซำที่ตนเองคุ้นเคยอย่าง “เสี่ยวหลงเปา”
หากใครนึกภาพไม่ออก “เสี่ยวหลงเปา” คือ ซาลาเปาขนาดเล็ก และสอดไส้ด้วยหมูสูตรพิเศษ จากส่วนผสมต่าง ๆ และน้ำซุปเข้มข้น
ผลปรากฏว่า เมนูนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ชาวไต้หวัน เนื่องจากในเวลานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนัก ที่จะสามารถหา เสี่ยวหลงเปา กินได้
เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ คุณ Yang จึงตัดสินใจเลิกขายน้ำมันปรุงอาหาร แล้วหันมาปั้นธุรกิจร้านติ่มซำแบบเต็มตัว
สำหรับแนวทางที่คุณ Yang ใช้สร้างจุดเด่นให้กับร้าน Din Tai Fung คือ การโฟกัสไปที่มาตรฐานของคุณภาพอาหารและบริการ
โดยพนักงานต้องใส่ใจในวัตถุดิบ และรายละเอียดทุกขั้นตอนการปรุง เช่น เมนูเสี่ยวหลงเปา แป้งที่ห่อจะถูกพับเป็น 18 จีบทุกลูก และไส้มีน้ำหนักประมาณ 16 กรัม
นอกจากเรื่องคุณภาพแล้ว ร้าน Din Tai Fung ยังใส่ใจในรายละเอียดอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ภายในตัวร้านจะจัดวางพื้นที่ครัวเป็นกระจกใส อยู่บริเวณด้านหน้า เพื่อดึงดูดสายตาของผู้บริโภค และเปิดเผยให้เห็นถึงกระบวนการปรุงอาหารอย่างประณีต
ในเรื่องการโฆษณา แม้ร้าน Din Tai Fung จะไม่ได้โฆษณาทำการตลาดสักเท่าไร
แต่ด้วยคุณภาพความอร่อยของติ่มซำ ทำให้เกิดการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก จนเริ่มกลายเป็นร้านยอดนิยมของท้องถิ่น
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของร้าน Din Tai Fung เกิดขึ้นในปี 1993
เมื่อหนังสือพิมพ์ยอดนิยมอย่าง The New York Times ได้คัดเลือกร้าน Din Tai Fung ให้เป็น 1 ใน 10 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก
เรื่องนี้ส่งผลให้ร้าน Din Tai Fung เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และกลายเป็นจุดหมายของบรรดานักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นร้าน Din Tai Fung ยังมีสาขาอยู่แค่ในไต้หวัน ไม่ได้มีสาขาที่ประเทศอื่น
จนกระทั่ง ธุรกิจถูกส่งต่อไปให้รุ่นลูกอย่างคุณ Yang Chi-Hua ขึ้นมาบริหารงานต่อ
ซึ่งเขาเป็นคนที่เริ่มทำการขยายสาขาไปในต่างประเทศ โดยเปิดสาขาแรกที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1996
แม้ร้าน Din Tai Fung มุ่งเน้นความสำคัญกับเรื่องมาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม จากการที่เริ่มขยายสาขาไปในต่างประเทศ
ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าในแต่ละพื้นที่ก็มักจะมีรสชาติที่ชอบ แตกต่างกันออกไป
2
ทำให้ร้าน Din Tai Fung เริ่มปรับให้เมนูของแต่ละสาขา มีความยืดหยุ่น เพื่อให้เข้ากับคนท้องถิ่นต่าง ๆ
เช่น ในสาขาภูมิภาคตะวันออกกลางและอินโดนีเซีย ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ร้านก็จะใช้ไก่หรือเนื้อวัว แทนหมู เป็นต้น
จนในปี 2010 ร้าน Din Tai Fung สาขาฮ่องกง ก็ได้รับรางวัล Michelin Star ซึ่งนับเป็นร้านอาหารร้านแรกของไต้หวันที่ได้รางวัล
ส่งผลให้ร้าน Din Tai Fung ในสาขาประเทศอื่น ๆ ได้รับประโยชน์ตามไปด้วย
ปัจจุบันร้าน Din Tai Fung มีสาขาอยู่ 161 แห่ง ใน 13 ประเทศ
รวมถึงในประเทศไทยเอง ก็มีสาขาตั้งอยู่ในศูนย์การค้าดัง
อย่าง เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, Eight ทองหล่อ
1
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่หลายคนน่าจะอยากรู้กัน
ว่าร้าน Din Tai Fung ขายดีแค่ไหน ?
จากรายงานประจำปี 2019 ของพาร์ตเนอร์ที่ร่วมบริหารร้าน Din Tai Fung อย่างบริษัท BreadTalk Group
ระบุว่าในปี 2019 รายได้ของร้าน Din Tai Fung มีมากถึง 5,700 ล้านบาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 บริษัท BreadTalk Group ถูกเข้าซื้อกิจการ และถูกนำออกจากตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ไป
ซึ่งปัจจุบันร้าน Din Tai Fung ดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้
BTG Holding บริษัทสัญชาติสิงคโปร์
โดยหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่มากถึง 25% ของบริษัท BTG Holding ก็คือ บริษัทสัญชาติไทย ชื่อ ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือที่ใครหลายคนเรียกกันสั้น ๆ ว่า MINT นั่นเอง..
ใครอยากมีความรู้เรื่องตลาดหุ้น ลงทุนแมนแนะนำ หนังสือ BLACK SWAN เล่มนี้ ราคา 380 บาท ที่เล่าถึงความล้มเหลวก่อนที่จะสำเร็จของนักลงทุนในตำนาน 12 คน สามารถสั่งซื้อ ได้ที่
โฆษณา