7 ก.พ. 2023 เวลา 05:19 • ท่องเที่ยว

ทมิฬนาดู (3) .. เรื่องที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปสู่ อินเดียใต้

เทวรูปที่ประดับบนโคปุรัม
เทวรูป หรือรูปปั้นเทพเจ้า พร้อมบริวาร สีสันสดใส ที่ใช้ประดับแต่ละชั้นของหลังคาลดหลั่นซ้อนชั้น (จำนวนชั้นจะเป็นเลขคี่เสมอ) ของโคปุรัม .. อาจจะบอกเล่าเรื่องราวที่เป็นเทวตำนาน หรือปกรณัมของฮินดูหลายๆเรื่องในโคปุรัมเดียวกัน
ตัวอย่างเช่นที่โคปุรัมของเทวาลัยกปาเรศวร เมืองเชนไน มีรูปชายคนหนึ่งใช้เท้าเหยียบบนศิวลึง หรือมีรูปปั้นเรื่องการกวนเกษียรสมุทร อยู่ท่ามกลางเรื่องราวในปกรณัมอื่นๆอีกมากมาน เป็นต้น
กันนัปปาร์ ผู้ยอมควักดวงตาถวายพระศิวะ
กันนัปปาร์ ๑ ใน ๖๓ นยันมาร์ หรือสาวกผู้ภักดีแด่องค์พระศิวะ ผู้ยอมสละดวงตาทั้งสองข้างเพื่อเยียวยารักษาดวงศิวเนตรแห่งองค์ "วายุลึงกัม" หรือศิวลึงค์ธาตุลมแห่งเทวาลัยกาลหัสติศวรา
... เมื่อราวๆหนึ่งพันห้าร้อยปีที่แล้ว มีครอบครัวชาวป่าในตระกูล "วยาธะ" หรือตระกูลนายพราน มีหัวหน้าหมู่บ้านชื่อ "นาคัล"
ผู้คนในหมู่บ้านนี้ ก็ยังชีพโดยเข้าป่าล่าสัตว์เป็นกิจวัตร แต่ก็จะล่าเฉพาะเพียงสัตว์ดุร้าย และเพื่อการดำรงชีพเท่านั้นความเป็นอยู่มีแต่ความสงบสุข
แต่ในใจของ "นาคัล" หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เหตุเพราะตัวเขายังไม่มีบุตรไว้สืบสกุล นาคัลและภรรยาจึงได้ทำพิธีบวงสรวงแด่เทพมุรุกัน (ขันธกุมาร) จนได้บุตรชายและได้ตั้งชื่อให้ว่า "ตินนัน" แปลว่าความกล้าหาญ
ตินนันก็ได้เจริญวัยขึ้น และได้ยึดอาชีพเป็นนายพรานเจริญรอยตามบิดาจนเติบใหญ่ แล้วได้ครองตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านสืบต่อจากนาคัลผู้บิดา
จนกระทั่งวันหนึ่งตินนัน ได้เข้าป่าล่าสัตว์ตามกิจวัตร และได้ล่าสังหารหมูป่าตัวหนึ่ง ในบริเวณที่ใกล้กับ "เทวาลัยกาลหัสติศวารา" และได้พบศิวลึงค์ที่อยู่ในเทวาลัย
ด้วยความที่ตนเองและคนทั้งหมู่บ้านก็นับถือเทพมุรุกัน ซึ่งถือเป็นวงศ์แห่งองค์พระศิวะ จึงคิดอยากจะบูชาศิวลึงค์แห่งนี้ .. แต่ด้วยชาติกำเนิดเกิดจากเป็นพรานป่า ทำให้กิริยามารยาทของตินนันนี้หยาบกระด้าง ไม่เคยมีคนสั่งสอนถึงวิธีบูชาและสิ่งของที่ควรบูชาแด่องค์ศิวลึงค์
ตินนันก็คิดว่า จะบูชาศิวลึงค์ด้วยเนื้อหมูป่าที่ล่าสังหารได้มา เพราะถือเป็นสิ่งมีค่าสูงสุดที่ตนเองมี .. ตินนันจึงทำการย่างหมูป่านั้น แล้วก็ถือเดินไปที่แม่น้ำ จากนั้นก็ได้อมน้ำมาในปาก เพราะมือสองข้างนั้นได้แบกชิ้นหมูป่าอยู่ แล้วเดินย้อนกลับมาที่องค์ศิวลึงค์
ตินนัน ได้ใช้เท้าของตัวเองกวาดที่องค์ศิวลึงค์เพื่อปัดกวาดเศษดอกไม้ที่คนนำมาบูชา และได้บ้วนน้ำจากแม่น้ำที่อมมา ราดรดลงบนศิวลึงค์ ทำตามกิริยานายพรานผู้หยาบกระด้าง และได้ถวายเนื้อหมูป่าย่างแด่องค์พระศิวะ
ตินนันได้ทำการบูชาองค์พระศิวะในลักษณะนี้อยู่ถึงหกวัน จนกระทั่งพราหมณ์ที่ดูแลรักษาเทวาลัยนี้ทราบเรื่อง และทนไม่ได้ที่ตินนันได้นำมังสาหารที่ตนเองได้สังหารมาถวายแด่องค์พระศิวะ จนพราหมณ์นั้นคิดจะฆ่าตัวตายเพราะทนในเหตุการณ์ไม่ได้ โดยจะวิ่งเอาศีรษะโขกศิวลึงค์จนตาย
แต่พระศิวะได้ปรากฏกายขึ้น และกล่าวกับพราหมณ์นั้นว่า ให้ดูจิตใจที่บริสุทธิ์ของตินนันในการบูชาด้วยใจที่บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน แทนการดูแต่ที่กิริยาในการบูชา หรือดูเพียงสิ่งของที่นำมาบูชา .. และพระศิวะก็ให้พราหมณ์นั้นหลบซ่อนอยู่ในเทวาลัย แล้วจะได้ทำเหตุการณ์เพื่อที่จะได้ดูจิตใจอันบริสุทธิ์ของตินนัน
ในวันถัดมา ตินนันก็ได้มาบูชาองค์ศิวลึงค์อย่างเช่นเคย ด้วยเนื้อสัตว์ที่ล่ามาได้ และด้วยน้ำที่อมมาจากแม่น้ำและได้ใช้เท้าปัดกวาด
แต่ในวันนั้นองค์ศิวลึงค์ได้บังเกิดโลหิต ไหลย้อยออกมาจากบริเวณดวงเนตรข้างหนึ่งของศิวลึงค์ที่วาดเอาไว้ ตินนันเห็นดังนั้นก็คิดว่าองค์พระศิวะต้องได้รับบาดเจ็บ จึงได้หาสมุนไพรมาพอกทาดวงเนตรนั้น แต่ก็หาได้ช่วยให้โลหิตหยุดไหลไม่
.. แต่ด้วยความจงรักภักดีแด่องค์พระศิวะ ตินนันจึงได้ใช้ลูกศรทำการควักดวงตาข้างหนึ่งของตนเอง แล้วนำมาติดไว้ที่ดวงเนตรแห่งศิวลึงค์องค์นั้น
แต่แล้ว ดวงเนตรอีกข้างของศิวลึงค์ก็ได้หลั่งโลหิตออกมาเป็นสาย ตินนันเห็นดั่งนั้นก็คิดที่จะควักดวงตาอีกข้างหนึ่งของตน ถวายแด่องค์ศิวลึงค์ .. แต่ก็พลันฉุกคิดได้ว่าหากเราควักนัยน์ตาข้างสุดท้ายของเราออกไปแล้วไซร้ เราจะรู้ได้เช่นไรว่า ดวงเนตรแห่งองค์ศิวลึงค์นี้ ตั้งอยู่ที่ตำแหน่งใด
เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงได้ยกขาข้างนึงของตนเอง โดยใช้หัวแม่เท้าไปวางไว้ในบริเวณดวงเนตรที่หลั่งโลหิตนั้นไว้เป็นที่หมาย .. จากนั้นตินนันก็ได้หยิบลูกศร เพื่อจะทำการควักดวงตาดวงที่สองออกมา
ทันใดนั้นเอง ได้ปรากฎพระหัตถ์แห่งองค์มหาเทพ ยื่นออกมาจากองค์ศิวลึงค์แล้วได้จับแขนของตินนันไว้ เพื่อที่จะห้ามการกระทำในครั้งนี้ และพระองค์ก็ได้มาปรากฎกายต่อหน้าตินนัน .. องค์ศิวะมหาเทพจึงได้ประทานดวงตาทั้งสองข้างคืนแก่ตินนัน และได้รับตินนันเข้าเป็นหนึ่งใน "นยันมาร์" หรือมหาสาวกแห่งพระองค์ พร้อมทั้งได้ประทานชื่อแก่ตินนันว่า "กันนัปปาร์" หรือ ผู้เสียสละดวงตา
การกำเนิดของตินนันนี้ เป็นชาติต่อมาของอรชุน .. จากบาปที่อรชุนได้กระทำการแข่งขันในการล่าหมูป่ากับนายพรานกีรติ ผู้เป็นอวตารแห่งพระศิวะ ในเรื่องราวที่อรชุนได้บำเพ็ญตบะเพื่อขอ "ศรปาษุปัท" จากพระศิวะ
อรชุนได้ขอพรจากองค์พระศิวะ หลังการบำเพ็ญเพียรลุล่วงแล้ว ๒ ข้อ
ข้อที่ ๑ ได้ขอ "ศรปาษุปัท" จากพระศิวะ
ข้อที่ ๒ ได้ขอให้ตนเอง บรรลุโมกษะ (ความหลุดพ้น) ในชาตินี้
แต่พรในข้อสองนี้พระศิวะไม่ได้ประทานให้ เพราะเหตุที่พรข้อแรก เป็นไปเพื่อการสังหารพี่น้องแห่งตนเอง โดยพรนี้จะสำเร็จในชาติถัดไป ในการเกิดเป็นบุตรของนายพรานนาคัล...
Ref : ไกด์โอ พาเที่ยว
โฆษณา