Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Supawan’s Colorful World
•
ติดตาม
7 ก.พ. 2023 เวลา 09:05 • ท่องเที่ยว
ทมิฬนาดู (4) เรื่องที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปสู่ อินเดียใต้ .. ศาสนาฮินดู และมหาเทพ
ฮินดูมาจากไหน?
ศาสนาฮินดูเกิดในประเทศอินเดีย ก่อนศาสนาพุทธประมาณหนึ่งพันปี เป็นการรวมคติความเชื่อพื้นบ้าน ผสมผสานกับการนับถือเทพเจ้า ซึ่งมีอยู่มากมายหลายองค์ แต่มีพียง 3 องค์ที่เป็นเทพสูงสุดได้แก่
• พระศิวะ หรือพระอิศวร
• พระวิษณุ หรือพระนารายณ์
• พระพรหม
ผู้ที่นับถือพระศิวะเป็นใหญ่สูงสุด เรียกว่า “ลัทธิไศวนิกาย” ซึ่งเป็นพระนามของพระศิวะผู้สร้างโลก ลักษณะการนับถือมี 2 ลักษณะคือ
• บูชาศิวะลึงค์ เครื่องหมายบุรุษเพศ เป็นเครื่องหมายแทนพระศิวะ
• บูชาโคนนทิ พาหนะของพระอิศวร เป็นผู้ให้น้ำนมและเนื้อแก่มนุษย์ เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
ส่วนบางกลุ่มคนที่นับถือพระวิษณุเป็นใหญ่ที่สุด เรียกว่า “ลัทธิไวษณณพนิกาย” ...
อย่างไรก็ดีเทพทั้ง 3 องค์นี้รวมเป็นหนึ่งเดียวที่เรียกกันว่า “ตรีมูรติ” มีการนับถือการอวตารของพระนารายณ์มาเกิดเป็นมนุษย์เป็นพิเศษ เช่น พระรามในคัมภีร์รามายณะ เป็น พระกฤษณะในคัมภีร์ภควัทคีตา และเป็น พระพุทธเจ้า เป็นต้น
ศาสนาฮินดูมีการแบ่งชั้น วรรณะ โดยยกย่องให้พราหมณ์เป็นชนชั้นที่สูงที่สุดของสังคมรองจาก กษัตริย์ เพราะสามารถติดต่อกับเทพเจ้าได้ ทำหน้าที่ในพิธีกรรมต่างๆ รองลงมาจึงเป็นวรรณะแพศย์ (พ่อค้า) และวรรณะศูทร หรือกุลีเป็นวรรณะต่ำสุด ศาสนาฮินดูจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ศาสนาพราหมณ์นั่นเอง
ศิวลึงค์นั้นสำคัญไฉน?
กษัตริย์ที่นับถือศาสนาฮินดู ไศวนิกาย นิยมสร้างศิวะลึงค์ไว้ในเทวาลัยต่างๆ เพื่อใช้เป็นรูปเคารพ ศิวลึงค์เป็นเป็นเครื่องหมายองค์กำเนิดของเพศชาย เป็นพลังสร้างสรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า โดยศิวะลึงค์นี้จะตั้งอยู่บนฐานโยนี (แทนอวัยวะเพศหญิง) ของพระนางปรารพตี ชายาของพระศิวะ ตราบใดที่อวัยวะเพศทั้งสองนี้อยู่ด้วยกัน ก็จะเกิดความรุ่งเรือง บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข
การเซ่นสรวงบูชาพระศิวะ .. พราหมณ์จะตักน้ำรดศิวะลึงค์ แล้วให้น้ำไหลผ่านร่องโยนี แล้วจึงไหลไปตามท่อโสมสูตร ถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้รองรับไปดื่มกินเพื่อเป็นสิริมงคลและรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
เหตุที่ไศวนิกายบูชาศิวะลึงค์ มีเรื่องจากตำนานว่า .. ครั้งหนึ่ง พระพรหม พระวิษณุ และเทพบริวารไปเยี่ยมพระศิวะบนสวรรค์ชั้นไกรลาศ ขณะนั้นพระศิวะกำลังเมาสุรา และกำลังเสพกามกับเจ้าแม่กาลีพระชายา ไม่รู้ตัวว่ามีใครมา บรรดาทวยเทพต่างพากันหัวเราะขบขันและตำหนิสาปแช่งพระศิวะ
.. ครั้นพอสร่างเมา พระศิวะรู้สึกละลายพระทัยมาก และเสียพระทัย จนสิ้นพระชนม์พร้อมพระชายา ก่อนสิ้นพระชนม์ทรงตั้งความปรารถนาไว้ว่า .. ความละอายของตนจะต้องได้รับการบูชาจากมนุษย์ตลอดไป จะเกิดใหม่เป็นอวัยวะเพศชาย (ศิวะลึงค์ ลิงคัม) ใครบูชาจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นไกรลาศ
เทพเจ้า 3 องค์ของศาสนาฮินดู
พระพรหม
“พระพรหม” .. เป็นเทพเจ้าผู้สร้างโลกและจักรวาล ประทับนั่งบนอาสน์บัวบาน ทรงหงส์เป็นพาหนะ มีชายาคือ “พระสุรัสวดี” หรือ “พระนางพราหมี” ซึ่งถือเป็นเทวีแห่งความรู้
พระพรหม .. มี 4 พระพักตร์ 4 กร มีพระนามเดิมว่า “ปัญจานน” หมายถึงผู้ที่มี 5 เศียร แต่ถูกพระศิวะตัดเศียรออกไป 1 เศียร จากเหตุที่ พระพรหมเกิดหลงใหล “นางศตรูปาสตรี” ที่พระพรหมสร้างขึ้นมา แล้วเฝ้ามองตลอดเวลา เมื่อนางหนีขึ้นข้างบน จึงใช้พระพักตร์ที่ 5 ตามขึ้นไปดู พระศิวะไม่ชอบใจจึงตัดพระพักตร์ของพระพรหมทิ้ง
.. บางตำราก็ว่า พระพรหมถูกพระศิวะตัดเศียร เพราะไปกล่าววาจาดูถูก “พระนางอุมาเทวี” ชายาพระศิวะ
ชาวฮินดูที่นับถือนิกายไวษณพนิกาย เชื่อว่า พระพรหมเกิดจากพระนาภี (สะดือ) ของ “พระวิษณุ” ขณะบรรทมหลับอยู่เหนือลำตัว “พระยานาคอนันตริยะ” ในทะเลน้ำนม หรือ “เกษียรสมุทร” หรือที่เรียกว่านารายณ์บรรทมศิลป์
พระศิวะ หรือพระอิศวร
พระศิวะ .. เป็นเทพเจ้าผู้ทำลายและสร้างโลก หมายความว่าก่อนจะเกิดได้ต้องตายเสียก่อน .. ชาวฮินดูที่นับถือ ไศวนิกาย เชื่อว่าพระศิวะมีหนึ่งเศียร สี่กร สามเนตร โดยเนตรที่สามอยู่กลางหน้าผาก เวลากริ้วจะมีตัว “เกียรติมุข” หรือหน้ากาลออกมากลืนกินความชั่วร้ายจากเนตรที่สามนี้
.. พระศิวะทรงนุ่งหนังกวาง มีงูเป็นสร้อยสังวาล ทรง “โคนนทิ” เป็นพาหนะ เวลาไปเยี่ยมชมเทวาลัย นั่นย่อมแสดงว่าเทวาลัยแห่งนั้นๆสร้างอุทิศถวายแก่พระศิวะนั่นเอง
พระศิวะ .. สามารถกำหนดโชคชะตาของมนุษย์ด้วยการร่ายรำ เช่น หากท่ารำอ่อนช้อย มนุษย์โลกจะอยู่เย็นเป็นสุข การร่ายรำนี้เรียกว่า “ศิวนาฏราช” เป็นการแสดงพลังที่พระองค์กระทำต่อจักรวาล 5 ประการคือ การสร้าง การดูแลรักษา การทำลาย การปิดบัง และการอนุเคราะห์
ชายาของพระศิวะมี 2 บุคลิกในร่างเดียว คือ “พระนางปารวตี” หรือ “พระนางอุมาเทวี” และ “เจ้าแม่กาลี” ส่วนตามโบราณสถานมักปรากฏรูป “ทุรครา” โดยเฉพาะปาง มหิษสุรมรรทินี (ปราบอสูรควาย)
.. “ทุรครา” เกิดจากการที่บรรดาเทพมาช่วยกันชุบขึ้นเพื่อปราบอสูร
“อรรถนารีศวร” .. เป็นภาคที่รวมระหว่าง พระศิวะและพระนางปาราวตี .. ซีกหนึ่งเป็นบุรุษ ซีกหนึ่งเป็นสตรี
พระคเนศ หรือ วืนายกะ
“พระพิฒเนศวร์” โอรสของ พระศิวะ และพระนางปาราวตี .. มีร่างเป็นทารก เศียรเป็นช้าง มีพาหนะเป็นหนู เป็นเทพแห่งศิลปะวิทยาการ ความอุดมสมบูรณื และเป็นเทพแห่งการขจัดอุปสรรค
วิธีไหว้พระคเนศ .. คือ ยินกำมือ 2 ข้างยกขึ้นทุบเบาๆ 3 ครั้งที่ขมับ จากนั้นไขว้มือดึงติ่งหู พร้อมกับโน้มตัวไปข้างหน้า ย่อเข่า สลับกับยืดขา
ของบูชาพระคเนศ .. นอกจากเครื่องบูชาทั่วไปแล้วยังมีขนมโมทกะ แฃะหญ้าแพรก
พระสกันทะ หรือขันทกุมาร
พระสกันทะ หรือขันทกุมาร เป็นโอรสของ พระศิวะ และพระนางปาราวตี .. เป็นเทพแห่งสงคราม มีพาหนะเป็นนกยูง พระหัตถ์ถืออาวุธ หรืออาจจะถือธงรูปไก่
“อุรุมุกัน” .. เป็นปางหนึ่งของพระสกันทะ มี 6 หน้า
พระวิษณุ หรือพระนารายณ์
พระวิษณุ .. เป็นเทพผู้คุ้มครองโลก มีการอวตารลงมายังโลกมนุษย์เมื่อยามเกิดทุกข์เข็ญถึง 10 ครั้ง 10 ปาง ได้แก่ อวตารเป็นปลา เต่า หมูป่า นรสิงห์ พราหมณ์เตี้ย พราหมณ์ถือขวานเพชร พระราม พระพุทธเจ้า พระกฤษณะ บุรุษชื่อกัลป์ลี
พระวิษณุ .. ทรงครุฑเป็นพาหนะ มีพระชายาคือ “พระลักษมีเทวี” ซึ่งพระนางเกิดจากการกวนเกษียรสมุทร พราหมณ์ได้ปรับปรุงศาสนาฮินดูในพุทธศตวรรษที่ 10 เพื่อแข่งกับศาสนาพุทธที่กำลังเจริญรุ่งเรือง เช่น การบัญญัติให้พระพุทธเจ้าเป็นอวตารที่ 8 ของพระนารายณ์ เรียกว่า “พุทธาวตาร”
ยุคทั้งสี่ในคัมภีร์พระเวทย์
กฤดายุค .. เป็นยุคที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด มนุษย์มีความสุขที่สุด พระนารายณ์อวตารมาเกิดในโลกมนุษย์ถึง 4 ปาง คือ เป็นปลา เต่า หมูป่า และนรสิงห์
ไตรดายุค .. เป็นยุคที่ความดีลดลงเหลือเพียงสามส่วน พระนารายณ์อวตารลงมาเกิดเพียง 2 ปาง คือ พราหมณ์แคระ และ พระกฤษณะ
ทวาปรยุค .. เป็นยุคที่ความดีลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียว พระนารายณ์อวตารลงมาเกิดเพียง 2 ปาง คือ พระรามและพระกฤษณะ
กลียุค .. เป็นยุคที่ความดีเสื่อมถอย ลดลงเหลือ 1 ใน 4 ได้แก่ยุคปัจจุบัน โลกเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ทุกข์เข็ญ พระนารายณ์อวตารลงมาเกิดเพียงปางเดียว คือ เป็นพระพุทธเจ้า ในนาคตจะมาเกิดอีกปางหนึ่ง คือ พระกัลป์กิ เพื่อปราบยุคเข็ญ
ศาสนาฮินดูในอินเดียใต้
เทพเจ้าฮฺนดูของอินเดียใต้ มีมาจากคตินิยมจากอินเดียเหนือ ผสมผสานเข้ากับเทพท้องถิ่น อันอาจจะได้แก เจ้าพ่อ เจ้าแม่ต่างๆที่ผู้คนนับถือ เกิดเป็นเทพอีกปางหนึ่งของมหาเทพในศาสนาฮินดูเหนือ ซึ่งแต่ละท้องที่จะมีตำนานของตนเอง และบุคลิกภาพที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
1 บันทึก
3
1
3
1
3
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย