บ่นทึก : #หลังเดาะDiary เมื่อแมวอ้วนคนดื้อ หนีไปไหว้พระ 9 วัด

:
เจ้าเชื่อเรื่องปีชง บ่?
บอกเลยว่าเจ้าแมวอ้วนนี่ชอบมาก
แม้ว่าจะถูกเรียกว่าเป็นเจ้าแมวแสนดื้อ
จะหมื่นห้า โอมิครอนมายังไงก็ไม่หวั่น
ก็ยังจะดันทุรังจะไปให้ได้!
:
เค้าว่ากันว่า ก้าวแรก ไม่เป็นไร
ก้าวต่อไป ไฟไหม้สบง
ไม่ใช่แล้ว! ผ่ามผ้ามมม (น่านนน ตบมุกเองก็ได้)
ต่อ..ว่ากันว่าการก้าวออกจากบ้านก้าวแรกมันยากเสมอ ใช่เลย แมวอ้วนก็เช่นกัน
:
ลากตัวเองมาถึงแยกคปอ ยาวไปถึงห้าแยก ไปถึงโน่น ประเทศฝั่งธน ดินแดนแห่งโปเกม่อนป่า มารดาเปี่ยมบุญ ที่ไม่ได้มาด้วยในวันนี้
:
ธธิดาผู้มากะท่านชมิ้งและกางเกงเขียว ลองคำนวนในหัวดูแล้ว การกระโดดขึ้นตุ๊กๆมันเร็วก็จริง แต่เป็นภัยกับกระเป๋าตังค์แบนๆของเราแน่นอน สายตาไปจับกะพี่วิน พยักหน้าสองทีแล้วก็กระโดดขึ้น (ยางพี่เค้าไม่แบน สบายใจได้) ไปถึงวัดแรก วัดกัลยาณมิตร
:
ความสงบเงียบแบบที่เราชอบ กลับมาสู่วัดแล้ว ดีใจมากที่ได้ไหว้เหล่าเทพเงียบๆ
พี่มรรคทายกคนเดิมมานั่งประจำที่ แถมบอก ถ้ามาตอนปีใหม่ไม่เจอผมหรอก คนเยอะ คนเยอะกว่าตรุษจีนอีก
:
ไปกราบหลวงพ่อในอุโบสถ สงบ สบายใจ ตีระฆังดังมาก ขอให้ปีนี้ได้พบแต่กัลยาณมิตรที่ดี ขอให้เหล่ากัลยาณมิตรของแมวอ้วนนั้นประสบพบเจอแต่ความสุข ปลอดภัยจากโรค นี่คือสิ่งที่เราขอไปกับพระในวันนี้ สบายใจก็ไปกันต่อที่วัดที่สอง
:
ปกติ ตอนที่เดินออกมาจากวัด จะหาทางขึ้นเรือเพื่อไปวัดต่อไป แต่วันนี้ พอเดินมาปุ๊บ พี่วินหมายเลขสอง ขับผ่านเหมือนนัดคิวมา
“ไปไหมน้อง ไปไหนจ๊ะ” แหม่..
“วัดอรุณค่ะ”
:
ไปวัดอรุณ ผ่านกองทัพเรือ ชนกะท้ายรถใครไม่รู้หนึ่งที บึ้ก! แต่พี่เค้าไปต่อนะ รถไม่เสียหายอะไร
:
วัดอรุณเงียบมาก ไม่มีคนเลย ตอนแรกอาจหาญจะขึ้นพระปรางค์ ไม่เจียมสังขารเลยแมวอ้วนเอ๊ยยย เดินรอบพระปรางค์หนึ่งรอบ พยายามถ่ายรูปตัวเองหนึ่งรูป ก่อนเข้าไปกราบพระเจ้าตากสินมหาราช กับไหว้ที่วัดน้อย
:
ปอลิงก่อน หนนี้จะไม่เล่าประวัติแต่ละวัดแล้ว เพราะเล่าทุกหนที่ไปไหว้พระเลย เกรงว่าคนอ่านจะเบื่อ
:
ต่อ วัดอรุณในวันที่ไม่ใช่เทศกาลเงียบมากจริงๆนะ เดินไปสวัสดียักษ์วัดอรุณ ละก็เดินวนหาเรือข้ามฟาก หรือเรือด่วนอะไรก็ได้ จะไปวัดระฆัง โดยที่ไม่รู้อะไรเลย..
:
ข้อเสียของการมาวันธรรมดาก็คงมีประมาณนี้แหละ คือ ไม่มีเรือด่วน กับ ไม่มีฐานข้อมูล คือถ้ามากันหลายคน อย่างน้อยๆก็ช่วยกันหาข่าวได้ ประมาณนี้
:
เดินย้อนออกมาทางเดิม
เพื่อกระโดดขึ้นตุ๊กๆ
เพื่อมาถึงวัดระฆัง
เพื่อรู้ว่า
“ปิด”
เพราะกำลังเตรียมงานพระราชทานเพลิงสรีรสังขาร พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺมมหาเถร) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๑ และอดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม
:
แมวอ้วนเลยทำได้แค่ยืนสวดมนต์หน้ารูปเหมือนเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) แสดงพระธรรมเทศนา
ยืนสวดชินบัญชรไปพร้อมกับมีนกบินรายล้อมรอบ บันเทิงไปอีก เจ้าหญิงดิสนีย์มากไหมละ
:
สวดจบ ไปต่อค่ะ ข้ามเรือข้ามฟากกลับมาที่ท่าช้าง สามบาทห้าสิบแล้วได้ลองลงอุโมงค์มหาราชด้วย สวยงามและใหม่มาก โผล่มาจากอุโมงค์ก็เข้าสู่ช่วง ชีวิตเราเอาไงดี
:
เพราะปกติ พอเก็บวัดฝั่งธนหมด ข้ามมาฝั่งพระนครเราก็จะไปที่วัดพระแก้วกับวัดโพธิ์ นี่คือยังไงตอนเย็นก็ต้องมา เลยแปะไว้ก่อน แล้วเลยยืนเอ๋อแบบ ไปไหนดี
:
พี่ตุ๊กกวักมือเรียกเลย “มาทางนี้ จะไปไหนให้บอกมา พี่จะพาเธอไป” นี่ก็ไปยืนเอ๋ออยู่หน้าพี่เค้า เลยบอกว่า อยากไปวัดสุทัศน์ ไปไหว้ท้าวเวสสุวรรณ ไปค่ะหญิงเอ๋อ สู้!
:
ตีวงจอดหน้าวัด เพื่อที่จะรู้ว่า ทางเข้าหน้าวัดปิดค่ะ เดินบุกป่าฝ่าสนามวัด ไปไหว้พระประธานด้านใน ก่อนเดินหาพระอุโบสถ ที่ประดิษฐานของหลวงพ่อกริ่ง
และ ท้าวเวสสุวรรณ
:
นอกเรื่อง แมวหายไปไหนหมดวัดเลย คราวที่แล้วคือแมวตัวใหญ่ๆเต็มวัดเลย แง๊
:
ได้ไหว้ท่านสมใจแล้ว ใช้หลักการเดียวกับวัดอรุณคือ เข้าทางไหน ออกทางนั้น
เดินฝ่าดงสนาม ข้ามผ่านเสาชิงช้า ไปกินเย็นตาโฟ
:
ไอ้ตอนกินก็ไม่เท่าไหร่ รสชาติก็โอเค เครื่องครบ กินน้ำมาราธอนสะใจมาก มาสะดุดตอนเก็บเงินนี่แหละ
คนขาย : โอ้โห มาคนเดียวกินสองชามเลย
(พูดดังอีกตังหาก คนได้ยินทั้งร้าน)
สองชามมมมม น้ำสองขวดดดดด
จ้ะ ไม่ต้องย้ำนะ หรือจะให้กินพี่เข้าไปด้วยคะ แต่ดูแล้วไม่น่าจะอร่อยอ่ะ เฮ้อ หมดอารมณ์..
:
ออกจากร้านเดินย้อนมาต้นซอย มาเจอกับศาลเจ้าพ่อเสือ ที่มีการจัดการดีขึ้น อย่างน้อยก็คือแน่ใจได้ว่า ได้ของที่จะใช้แก้ชงครบ และ จุดธูปได้อย่างถูกต้อง อีกนิดลูกศิษย์วัดน่าจะจับมือพาเดินไหว้แล้ว
แถมราคาไม่แพง เป็นของทางวัด เต้นท์สีเขียว ครบ จบ ราคาถูก บอกคนขายได้เลยว่าแก้ปีชง เข้าไปผ่านประตูปั๊บเดินไปทางขวา จะมีเจ้าหน้าที่ให้บอกชื่อ บอกวันเกิดกับปีเกิด และก็ปัดชง 12 ครั้ง จากศีรษะจรดปลายเท้า เสร็จเอากระดาษไปเผา ก่อนจุดธูป 1 กำมือ ไหว้ทั้งหมด 6 ที่ คำเตือนนอกจากเรื่องกระเป๋าก็คือ จงถือธูปให้สูง ระวังปักหัวคนอื่น และเถ้าธูปตกใส่มือคือเจ็บมากนะคะ(โว้ย)
:
ปัดชงเรียบร้อยสบายใจ พร้อมกับใบเซียมซีที่ดีปานกลางในกระเป๋า แมวอ้วนก็ไปต่อ
โดยยังคงกระโดดขึ้นมอไซค์หน้าตาเฉยเช่นเดิม หนนี้คุณลุงที่พาไป คุยกันถูกชะตา แกเลยบอกว่า จะพาไปตามจำนวนวัดที่อยากไป แกคิดวัดละ 40 บาท เราเลยบอกว่า เราอยากไป วัดชนะสงคราม วัดบวร และ วัดเล่งเน่ยยี่
:
ระหว่างที่อยู่บนมอไซค์ ลุงแกชวนคุยเก่งมาก ไอ้เราก็เออ ออ ไป เพราะลมแรงแล้วครึ่งนึง ผ่านข้าวสารนี่เศร้ามาก มันเงียบและร้างกว่าที่เราคิดไว้เยอะ บางลำภูอีก
:
ไหว้ทำเวลา สองวัดผ่านไปอย่างเร็วมาก ชอบวัดชนะสงคราม กับความเงียบของวัดบวรแบบสุดๆ ลุงไซค์ (ลุง+มอไซค์) บอกว่า หนูนี่ไหว้ไวมาก พระจะได้ยินบทสวดรึเปล่า ละก็ขำมุกตัวเอง ลุงเล่าอะไรอีกเยอะ แต่ลมแรง หนูเลยไม่ค่อยได้ยิน
:
มาถึงวัดเล่งเน่ยยี่ ที่มีแต่คนเตือนว่า เออ วัดมันกำลังบูรณะอยู่นะ อย่าเพิ่งเข้าไปเลย นี่ก็ดื้อไง เข้าไปถึงกับอ้าปากค้าง นึกว่าอยู่ดรีมเวิร์ลต่อแถวเข้าเครื่องเล่น บูรณะใหญ่แบบปิดเหลือเป็นช่องทางเดินเล็กๆ กว่าจะหาทางเดินไปซื้อใบปัดชงได้ ทำเอามึนตึ้บ มึนควันธูปหนึ่ง มึนโคมแดงจำนวนมากอีกหนึ่ง
:
ขอบ่นนิดนึง คนบางคนไปวัดนี่ แต่งตัวไม่ให้เกียรติใครก็ให้เกียรติสถานที่นิดนึงเหอะ เห็นเกาะอกสีดำเข้าวัดละพี่ถึงกะเพลีย
:
อะแฮ่ม! ต่อ..ก็จุดธูปสามดอกแล้วไหว้ตรงกลางก่อน ปักธูปเสร็จ หาที่ซื้อใบปัดตัวแก้ชง เขียนชื่อ วันเดือนปีเกิด อายุ แล้วเดินกลับมาที่องค์ไท่ส่วยเอี้ย อ่านตามใบสีแดงแล้วปัดตัว 12 ที จากศีรษะจรดปลายเท้า แล้วนำใบไปฝากกับเจ้าหน้าที่ ก่อนถวายชุดไหว้ เป็นอันเสร็จสิ้น ออกมานั่งสตาร์บัคส์ได้
:
นั่งแช่พร้อมวางแผนว่าจะไปไหนต่อดี ทำเวลาดีมากจนเหลือแค่วัดเดียว ตอนแรกที่แปะไว้ที่บอกว่าจะกลับมาวัดพระแก้วกับวัดโพธิ์ก็คือทันแค่วัดโพธิ์ วัดพระแก้วปิดบ่ายสามครึ่ง
:
เหน่ยเลย เอาไงดี อะ เดินงงๆไปซื้อจันอับ กลับมาขึ้นรถไฟตั้งสองสถานี กลับมาวัดโพธิ์
สถานีสนามไชยยังสวยงามเสมอ และธธิดาก็กระโดดขึ้นพี่ตุ๊ก แข่งกับเวลาปิดวัดตอนห้าโมงเย็น..
:
มาถึงเจอแมวนอนเหยียดยาวรอต้อนรับ และได้เข้าไปกราบพระรูปกรมหลวงชุมพร กับไหว้คุณปู่คุณย่าของแมวอ้วนด้วย ก่อนรีบตรงดิ่งไปไหว้พระไสยาสน์ เจอแมวนอนท่ายากอีกหนึ่งตัวอีกตังหาก แถมด้วยแมวหางกุดอีกสามสี่ตัว กลายเป็นช่วงแมวอ้วนพบปะประชาเหมียวเต็มไปหมด มีความสุข! น่าอุ้มกลับบ้านทุกตัวเลย!! เสียดายว่ามีปลอกคอกะกล้องเต็มวัด เลยทำไม่ได้ (เดี๋ยวเถอะเจ้าแมวอ้วน!)
:
ลากตัวเองออกมาจากวัด มาซัดกาแฟกับเค้กที่ร้านA pink rabbit + bob เป็นร้านเค้กสวยที่แอบมองทุกครั้งที่เดินผ่าน ร้านเค้กที่ชิคมาก ของแต่งได้ใจแมวอ้วนที่สุด (เบบี้โยดา กับ lonely planet) มีเค้ก ข้าว สตูว์ แกงเนื้อ กาแฟ มีชา มีแอลและตรงข้ามถนนคือกำแพงวัดโพธิ์ มันสุดยอดมาก ราคาก็กระชากตับไตใช้ได้ นั่งนานๆรู้สึกเขินๆเลยออกมารอแม่ข้างนอกร้านดีกว่า
:
กินเสร็จออกมารอที่ป้ายรถเมล์ รอแม่มารับแข่งกะฝน ลมนี่ก็จะพัดแรงไปไหนว๊อยยย
:
เป็นอันจบทริปแมวอ้วนแสนดื้อ ยื้อจะไปไหว้พระเก้าวัดให้ได้ ครบเก้าวัดแล้ว ดีใจมากไหมล่ะ!!! ไชโยวววว
:
ไปคนเดียว มีข้อเสียอยู่ไม่กี่อย่างหรอก หลักๆก็คือ ไม่มีคนถ่ายรูปให้ ไม่มีคนแชร์ค่ารถ หรือช่วยตัดสินใจ เวลาอะไรๆมันไม่เป็นไปตามแผน
ไม่ค่อยมีคนคุยด้วย กินข้าวสองชามก็โดนตอนคิดตังค์ว่าจะกินไรเยอะแยะ เอ้า ก็หนูหิว!
:
แต่ข้อดีก็คือ เราสามารถกำหนดวิถีและเวลาของเราเองได้ เหนื่อยก็กินน้ำ พัก เข้าห้องน้ำ ไหว้นาน ไหว้ช้า ไม่มีใครว่า
:
ถ้าให้ไปก็ไปอีกได้ ไม่มีปัญหา หน้าตาไม่ให้ แต่ความจริงชอบทำบุญ ชอบไปวัดนะคะ
:
สำหรับทริปทรหดอดทนกับตัวเองวันนี้
แมวอ้วนขอขอบคุณพี่วินและพี่ตุ๊ก ทุกการเดินทาง ใช้เวลาน้อยลง และการเสี่ยงชีวิตที่มากขึ้น ถึงทุกที่หมาย ปาดทุกคัน ฝ่าฟันทุกไฟแดง เกาะให้แน่นแล้วอย่าร้อง กรีดร้องอยู่ใต้หน้ากากได้
:
ขอบคุณชมิ้ง หนุ่มน้อยหน้างอ ถ่ายรูปสวยให้แม่ได้แล้ว (กล้องอยู่บนหัวชมิ้ง) ออกมาทุกครั้งที่มีขนม เริ่มชินกับควันธูป วันนี้ก็เกือบตกแม่น้ำ..
:
ขอบคุณตัวเอง ที่พอดื้อแล้วก็ตัดสินใจดื้อไปจนสุดทาง ออกมาไหว้พระครบ 9 วัดจนได้ ขอบคุณสองขาหนึ่งใจ ที่ไม่ยอมแพ้ เอะอะจะไปตีบวกกะคนเค้าไปทั่ว 555 นี่ไปทำบุญหรือไปสนามมวย เอาดีๆ
:
สุดท้าย เรายึดมั่นในหลักการ โลกประกอบด้วยคนหลายแบบจึงประกอบเป็นโลกขึ้นมา
:
ขอให้ผู้อ่านที่รักทุกคน ปลอดโรค ปลอดภัย ไร้โควิทนะคะ
:
บุญรักษา
:
แมวอ้วนตัวเดิม เพิ่มเติมคือดื้อไปไหน!
โฆษณา