11 ก.พ. 2023 เวลา 18:49 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี

ปล่อยใจสู่เสรี?

“พี่เห็นเธอยุ่งๆ ทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าทำอะไร
มาถึงก็ระเบิดคีย์บอร์ด ไม่รู้ว่ามีอะไรให้พิมพ์หนักหนา
ไม่รู้ว่าทำอะไรบ้าง เธออาจจะคิดว่าทำเยอะแล้วก็ได้
แต่สรุปว่าทั้งหมด ไม่ดีพอ
ที่ทำมานั้นเปล่าประโยชน์”
ประโยคที่ถั่งโถมเข้ามา
ขยายความว่าที่เราทำมาทุกวันไม่มีความหมาย
เราทำอะไรอยู่
เราไม่รู้หรอก
เหมือนจะทำต่อด้วย
ทั้งที่ดูทำไม่ค่อยไหว
ไม่รู้ทำไม
แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า ทำไมเราถึงอิน(มาก)
My Liberation Notes
และถึงเวลาเขียนถึงละครที่สุดแห่งปี 2565
ของเราสักที
เราคงรู้สึกเหมือนยอมมีจอง
ทำงานเท่าไหร่ ยิ่งได้รับข้อตำหนิจากหัวหน้า
ขณะที่เพื่อนร่วมงานก็ไม่ได้มองว่าเป็นเพื่อน
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกเหมือนเห็นใจกัน...บ้าง
เราไม่ได้ทำงานดีเท่ายอมมีจองหรอก
อาจดูเหมือนหัวอ่อน ใครให้ทำอะไรก็ทำ
ไม่ว่าจะที่ทำงาน ที่บ้าน
แต่ดื้อมากเช่นกัน
หรือเราอาจเป็นพวกเลือกมาก มากเรื่องแต่ไม่ไปไหน
เหมือน ยอมกีจอง พี่คนโต
หรือขี้บ่นมากพอๆ กับอดทนกับอะไรที่ไม่เข้าใ
จเหมือน ยอมชางฮีพี่คนรอง
ใดๆ ทั้งหมด การเปิดเรื่อง
ที่ว่าด้วยการใช้เวลาในการเดินทาง
มาทำงานยาวนาน
เพราะบ้านอยู่นอกเมือง
และการหวังว่าวันนี้จะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้น ในทุกๆ วัน
อาจเป็นเส้นเชื่อมโยงละครเรื่องนี้กับเราตั้งแต่ต้น
หรือเป็นอาการเหนื่อยล้าจนมองว่า ชีวิตของคุณกู
หลังอาทิตย์อัสดง กับโซจู แก้ว และทิวเขานี่แหละ ใช่สุดๆ
แต่ต้องไม่ลืมว่า ช่วงเวลากลางวันก็ต้องทำงานไม่โงหัวเลยนะ
อย่าคิดมาก แค่ต้องทำให้ดี ที่สุด
ไม่ว่าจะมีใครเห็นหรือไม่
แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยแคร์นี่นา
หากเล่าแบบไม่ใส่ชีวิตเราเข้าไปในเรื่อง
My Liberation Notes คือบทบันทึกของคนที่ต้องการปลดปล่อยตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่ใช่ว่าทำได้ทันทีทันใด แถมส่วนใหญ่ยังทำไม่ได้เสียมากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ใช่ว่าปล่อยใจสู่เสรีแล้วจะได้อิสรภาพดังหวัง
เรื่องเปิดด้วยความเหนื่อยล้าในการเดินทาง
ความลำบากในการทำงาน
ความตะขิดตะขวงหน่วงใจในการใช้ชีวิต
ของสามพี่น้องต่างคาแร็กเตอร์ในครอบครัวเดียวกัน
ดำเนินไปแบบไม่ค่อยคลี่คลาย
ความเหนื่อยหน่ายยังคงอยู่
ความไม่พออกพอใจแต่ก็ไม่รู้จะปลดเปลื้องอย่างไร
ความระบายแต่ก็ดูไม่ได้ปลดปล่อยเท่าไหร่
ความที่เหมือนโอเคแต่ไม่โอเค
ความไม่ต้องการ “รัก” หากเป็น “เชิดชู”
ความอินดี้ แต่ดีมากของ “คุณกู”
ที่สุดท้ายเป็นชายในโลกสีเทา ไม่ใช่อัศวินขี่ม้าขาว
ใช่ว่าจะไม่ดี
เช่นเดียวกับชีวิตที่อาจไม่ลงเอยอย่างหวัง
แต่ก็ไม่พังอย่างที่กลัว
ที่สำคัญ ระหว่างทาง มีเรื่องพลิกผันเกิดขึ้นได้เสมอ
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมือ
และเดินต่อไปอย่างไร
ดูแล้วก็ไม่ได้มั่นใจว่าตัวเองจะปล่อยใจสู่เสรีได้
ไม่รู้สึกว่าจะบันทึกชีวิตได้อย่างอิสระ
แต่อย่างน้อยก็รู้สึกว่ามีละครอีกเรื่อง
ที่สะท้อนภาพชีวิตจิตใจเราได้ดีจัง
เป็นละครที่จริงมากสำหรับเรา
และให้กำลังใจได้ทั้งที่ไม่ได้มีคำว่า
“สู้ๆ นะ” หรือ “ไม่เป็นไรหรอก” สะท้อนออกมาจากเรื่อง
และแม้เรายังเป็นคนไปไม่ถึงไหน
แต่เรายังมี My Liberation Notes
แค่ว่าถ้าเราไม่ได้เจอ คุณกู มาเชิดชู ในแบบที่ใช่สักที
ก็ต้องใช้ชีวิตที่ปลดล็อกตัวเองได้บ้างแม้เพียงนิดหน่อย
ทำให้หายใจออกได้บ้าง
เอาจริงๆ ก็ยังนึกไม่ออกว่าทำอย่างไรนะ
นี่แหละมั้ง ทำให้เรายกให้ My Liberation Notes
เป็นซีรีส์หนึ่งในใจ
ในปี 2565
แล้วก็ดูแบบไม่ได้หน่วง แม้เรื่องจะเนิบ
หรือนาบกับความอึดอัด
เรากลับสนุกที่จะรอดูแบบรีลไทม์
อินแบบเข้าใจทั้งที่ไม่ได้อธิบาย
ลุ้นทั้งที่ไม่ได้บิวด์
ผ่านมาข้ามปี ก็ยังอินมาก
อีกเรื่องที่ชอบมาก และอิน
แต่บิวด์ และสดใส สะท้อนกำลังใจ แบบสู้ๆ นะ
วันหนึ่งต้องทำได้สิ
ก็คือ อูยองอู ทนายอัจฉริยะ หรือ Extraordinay Attorney Woo
นี่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราอินแน่ และเป็นละครที่ส่องสว่างเป็นประกาย
แต่ My Liberation Notes นี่ไม่ทันจำก็จดจารในใจ
วกไปวนมา แบบบทความที่เราเขียนอยู่
และชีวิตที่เราใช้อยู่นั่นแหละ
โฆษณา