12 ก.พ. 2023 เวลา 07:42 • นิยาย เรื่องสั้น

ผีแม่ลูกอ่อน

ขึ้นชื่อว่าคนเป็นแม่แล้วย่อมรักลูก เป็นห่วงลูกด้วยกันทั้งนั้น รักและห่วงมากกว่าชีวิตของตนเองซะอีก ไม่ว่าจะเป็นแม่คนหรือแม่สัตว์ก็ตาม ต่อให้หมดลมหายใจไปแล้ว แต่ความรักและความเป็นห่วงลูกยังคงมีอยู่
และเหตุการณ์ต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีมหาอุทกภัยปี 54 หลายคนคงจำกันได้ว่ามวลน้ำมหาศาลไหลลงมาจากภาคเหนือลงสู่ภาคกลาง จังหวัดที่รับน้ำไปเต็ม ๆ มีหลายจังหวัดไม่เว้นแม้แต่กรุงเทพมหานคร
ตุ๊กตาเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ในบริษัทแห่งหนึ่ง เดิมตุ๊กตาเป็นคนขอนแก่นแต่ได้ย้ายมาทำงานในกรุงเทพ ตุ๊กตาพบรักกับแมสเซนเจอร์ในบริษัทเดียวกัน คบกันได้ไม่เท่าไหร่ตุ๊กตาก็ตั้งท้อง ฝ่ายชายถึงจะไม่ได้มีฐานะอะไร แต่ก็รักจริง จัดงานแต่งเล็กๆ แค่ผูกข้อไม้ข้อมือ และทองอีก 2 บาทพอเป็นพิธี
ทั้งคู่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ถึงจะยากจนกันอย่างไร แต่ทั้งคู่ก็รักกันดี ช่วยกันทำงาน ขยันเก็บเงิน รอวันที่ลูกน้อยจะออกมาลืมตาดูโลก ตุ๊กตาและสามีตกลงกันว่าจะเลี้ยงลูกเองที่กรุงเทพ โดยให้แม่ของฝ่ายหญิงมาอยู่ด้วยเพื่อเลี้ยงหลาน ทั้งคู่จึงมองหาบ้านเช่าหลังใหม่ เพราะที่อยู่เดิมก็เป็นเพียงห้องเช่าอพาร์เม้นท์เท่านั้น ไม่เพียงพอสำหรับอยู่กัน 4 คน
ตุ๊กตาและสามีได้บ้านเช่าเป็นเทาวน์เฮ้าท์สภาพดี ราคาเหมาะสมแห่งหนึ่ง กว้างขวางพอที่จะอยู่กันทั้งครอบครัว เมื่อถึงกำหนดคลอด ตุ๊กตาคลอดประมาณปลายเดือนสิงหาคมของปี 54 พอคลอดเสร็จก็ไปอยู่ไฟที่บ้าน แม่ก็ช่วยเลี้ยงหลานไปด้วย
พอผ่านไปเดือนกว่า ลูกก็อายุเดือนเศษ ข่าวทาง TV ก็เริ่มรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วม ข่าวออกทุกวัน น้ำไล่มาทีละจังหวัด ตั้งแต่นครสวรรค์ อยุธยา มารังสิต ถนนวิภาวดี บางแห่งน้ำสูงจนถึงตึกชั้น 2 เลยทีเดียว มวลน้ำมหาศาลไหลเข้ามาจนถึงกรุงเทพมหานคร
บ้านตุ๊กตาได้รับผลกระทบเหมือนกัน แต่ดีที่เป็นปลายน้ำแล้ว ปริมาณน้ำเลยไม่มากเหมือนต้นน้ำ น้ำท่วมเข้าบ้านสูงประมาณเกือบหัวเข่า ยังพอเดินลุยน้ำได้ นี่ยังนับว่าน้อยแล้วเมื่อเทียบกับบริเวณอื่น
แต่มันก็ทำให้ชีวิตลำบากมากขึ้นทีเดียว ไหนจะเรื่องห้องน้ำห้องท่า จะไปซื้อกับข้าวกับปลาก็ลำบาก น้ำก็ใช่ว่าจะใสสะอาด ต้นน้ำทางเหนือไหลมาเป็นน้ำทุ่ง แต่พอไล่มาหลายจังหวัดจนมาถึงกรุงเทพ จากน้ำทุ่งมันกลายเป็นน้ำเน่าไปแล้ว ไหนจะขยะที่ลอยมาตามน้ำอีก
เวลาจะซื้อของก็ต้องลุยน้ำออกไป ตุ๊กตาทนใช้ชีวิตอยู่แบบนี้มาสักพัก วันหนึ่งตุ๊กตาออกไปซื้อของใช้ในบ้านเพราะสามีไปทำงาน แม่ก็ต้องเลี้ยงหลาน เธอจึงต้องออกไปซื้อเอง
ระหว่างเดินลุยน้ำอยู่นั้น ตุ๊กตาก็ต้องสะดุ้งสุดตัว และรีบชักเท้าออก เจ็บแปลบขึ้นมา เธอเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่างที่มีวัตถุปลายแหลม พอหันไปมองก็พบว่ามันคือแผ่นไม้อัดที่มีตะปูขนาดยาวเท่านิ้วก้อย ขนาดใส่รองเท้าแล้วมันยังทะลุมาตำเนื้อได้ ตุ๊กตาคิดในใจว่าโชคดีมาก นี่ถ้าไม่ใส่รองเท้ามีหวังตะปูทะลุเท้าแน่ แค่คิดก็หวาดเสียว
ตุ๊กตาพลิกฝ่าเท้าขึ้นดู ก็เห็นรอยบุ๋มยุบเข้าไปเป็นรู แต่แผลปิด ไม่มีเลือดไหลออกมา กดดูก็เจ็บๆ แต่พอทนได้ ฝ่าเท้าซีดเพราะแช่น้ำมาสักพักใหญ่ ตุ๊กตาเห็นว่าไม่เป็นอะไรมาก ก็ไม่ได้สนใจอะไร ไปซื้อของต่อ และลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
5 วันต่อมาตุ๊กตาเริ่มรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว และมีอาการปวดกล้ามเนื้อ ก็ไปซื้อยาแก้ปวดมากิน แต่อาการก็ไม่ทุเลา แต่ตุ๊กตายังชะล่าใจ คิดว่ากินยาหมดชุดอาการคงดีขึ้น
ตกดึกของวันถัดมาตุ๊กตามีไข้สูง แม่ตุ๊กตาพาหลานมาเลี้ยงอีกห้องหนึ่ง เพราะเข้าใจว่าลูกสาวเป็นไข้หวัดใหญ่ สามีซื้อยามาให้กิน แต่อาการไม่ดีขึ้น ตุ๊กตาเริ่มมีอาการหนาวสั่น กลืนอาหารและน้ำลำบาก ไข้สูง หัวใจเต้นแรง
เช้าวันรุ่งขึ้นตุ๊กตาไข้สูงมาก ปลุกแล้วไม่รู้สึกตัว สามีจึงรีบพาส่งโรงพยาบาล ระหว่างขับรถสามีเห็นร่างกายของตุ๊กตาเกร็งเป็นระยะ เขาเริ่มใจคอไม่ดีรีบขับรถไปให้ถึงโรงพยาบาลโดยเร็ว
แต่โชคชะตาก็ไม่เข้าข้างครอบครัวนี้ และแล้วก็ต้องเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ตุ๊กตาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลด้วยอาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง ครอบครัวเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมากกับจากไปอย่างกระทันหันของตุ๊กตา ยิ่งสามียิ่งทำใจไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้โทษฟ้า โทษโชคชะตา ว่าทำไมกลั่นแกล้งเขาเช่นนี้ เพิ่งแต่งงาน เพิ่งมีลูก กำลังเริ่มต้นชีวิต ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ทำไมต้องพรากเมียอันเป็นที่รักไปจากเขา
ฝ่ายแม่ตุ๊กตา ยิ่งเห็นหน้าหลานก็ยิ่งสงสารจับใจ
" โธ่!!หลานเอ้ย ตัวเท่านี้ก็มากำพร้าแม่เสียแล้ว "
ตุ๊กตาจากไปได้ 3 วัน กลางดึกคืนนั้น ลูกตุ๊กตาก็ตื่นร้องหิวนมตามปกติ แต่ร้องได้ไม่เท่าไหร่จู่ๆ ก็หยุดร้อง และยิ้มหัวเราะเอิ๊กออกมา เหมือนกำลังเล่นกับใคร แม่เห็นอาการของหลานทั้งหมด แม่รู้ทันทีว่านี่คือลูกสาวของตนแน่ แม่ไม่กลัวและอยากจะเห็นตุ๊กตา อยากจะสื่อสารกับลูกสาวด้วย แม่จึงพูดขึ้นมาว่า
" ตุ๊กตาเอ้ย เอ็งไม่ต้องห่วงนะ ไปสบายนะลูก แม่จะเลี้ยงลูกเอ็งให้ดี แม่เลี้ยงเอ็งอย่างไร แม่ก็จะเลี้ยงลูกเอ็งแบบนั้น " ทันทีที่แม่พูดจบ เปลผ้าขาวม้า ก็ขยับแกว่งเองเบาๆ
หลังจากงานศพและฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่พา หลานไปเลี้ยงที่ขอนแก่น ส่วนสามีของตุ๊กตาก็กลับไปอยู่อพาร์ทเม้นท์ตามเดิม และส่งเงินเลี้ยงลูกทุกเดือนไม่เคยขาด สามีตุ๊กตาเป็นคนรักลูกมาก มีสัจจะ ถึงเวลาจะผ่านไปเขาก็ไม่มีเมียใหม่ ยังคงรักตุ๊กตาและลูกเหมือนเดิม
เวลาผ่านไป ข่าวลือเรื่องคนที่ย้ายมาอยู่บ้านเช่าหลังนั้นก็มีมาเรื่อยๆ ผู้เช่าหลายคนต่างพูดตรงกันว่า ตกดึกจะได้ยินเสียงเพลงกล่อมเด็กบ้าง เสียงไกวเปลบ้าง ทำให้ไม่มีใครกล้ามาเช่าบ้านหลังนั้น ปล่อยร้างไว้นาน บางวันจะมีพวกวัยรุ่นท้าผีมาลองของกัน ซึ่งต่างก็เจอดีกันมาเยอะ
ไม่มีใครตอบได้ว่าวิญญาณของตุ๊กตายังติดอยู่ในบ้านหลังนั้นหรือไม่ เพราะจิตสุดท้ายอาจเป็นห่วงลูกและคิดว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงลูก จึงทำให้วิญญาณยังไปไหนไม่ได้ ยังติดอยู่ที่เดิมหรือไม่ อันนี้ไม่มีใครตอบได้
แต่ที่รู้คือความรักของผู้เป็นแม่ที่มีต่อลูก ต่อให้ร่างกายสลายไปแล้วเหลือแต่วิญญาณ ถึงอยู่คนละภพภูมิ ความรักความห่วงใยไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
โฆษณา