13 ก.พ. 2023 เวลา 06:41 • นิยาย เรื่องสั้น

หนทางสู่นรก 10 ประการ

หนทางสู่นรก หรือสู่อบายภูมินั้น เรียกว่า อกุศลกรรมบถ
มีทั้งหมด 10 ประการ
อกุศลกรรมบถ แปลว่า ทางแห่งความชั่ว ทางสู่ความเสื่อม ความทุกข์ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม มีดังนี้
ทางกายกรรม คือ การกระทำที่แสดงออกทางกาย มี 3 อย่าง
1) ปาณาติบาต คือ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต คือการกระทำโดยเจตนาที่จะให้สัตว์นั้นตายลง ไม่ว่าจะสัตว์เล็ก หรือสัตว์ใหญ่ อย่างเช่นแมลงหรือยุง มด เป็นต้น แม้เขาจะเป็นสัตว์ตัวเล็ก บุญน้อยกว่าสัตว์ใหญ่อย่าง หมู หมา แต่ถ้าเราเจตนาฆ่า ก็ถือว่าเป็นกรรมเช่นเดียวกัน แต่กรรมจะเยอะ หรือจะน้อย ก็ขึ้นกับสัตว์ที่เราฆ่า
อย่างพวกแมลงกวนใจ สร้างความรำคาญ เราอาจหาวิธีกำจัดโดยไม่ต้องฆ่าได้ เช่นใช้กลิ่นไล่ ใช้ควันไล่ หรือปัดออก เป่าออก ใช้แสงล่อให้ออกไปที่อื่น ก็หลีกเลี่ยงการฆ่าได้เช่นกัน
หรือสัตว์มีพิษ พวกงู ตะขาบ ก็ไม่ต้องไปตี ไปทำร้ายฆ่าเขา เราสามารถใช้วิธีเรียกกู้ภัยมาจับงูไปปล่อยที่อื่นได้ อย่างตะขาบ เขาอาจพลัดหลงมา ในใจเขาก็เกิดความหวาดกลัวเช่นกัน เราอาจจะหาใครสักคนที่ใจกล้า เอาไม้ยาวๆ เขี่ยเขาออกนอกบ้านได้ เท่านี้เราก็สามารถละเว้นการฆ่าได้
จะเห็นได้ว่า แมลงน่ารำคาญหรือสัตว์มีพิษ เราไม่จำเป็นต้องฆ่าเลย เราสามารถเลือกใช้วิธีอื่นได้
2) อทินนาทาน หมายถึงการลักทรัพย์ การเอาสิ่งของผู้อื่นมาเป็นของเรา โดยที่เขาไม่ยินยอม หรือยังไม่ได้อนุญาต
ข้อนี้อย่าคิดว่าเป็นเฉพาะเรื่องการลักขโมยเท่านั้น เช่น ต้องเป็นพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือแก๊งตกทองเท่านั้นที่จะผิดข้อนี้ เราคนธรรมดาก็อาจมีโอกาสผิดได้เช่นกัน
อย่างเช่น เราเอาของสำนักงานมาใช้ส่วนตัว เอากระดาษของ office มา print รายงานลูก , ถ่ายเอกสารงานส่วนตัวแต่ใช้กระดาษของ office หรือแม้แต่เอาเวลาที่ต้องทำงานให้นายจ้างมาทำงานส่วนตัว ก็ถือว่าเราโกงเวลา ขโมยเวลาของนายจ้างมาเป็นของเราเช่นกัน
แต่ถ้าจะบอกว่าใคร ๆ ก็ทำกัน แต่หากท่านเป็นผู้ตั้งใจปิดอบายจริง ๆ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เราก็ควรพิจารณาไตร่ตรองให้ดี มิฉะเช่นเราอาจทำผิดศีลโดยที่เราไม่รู้ตัว
3) ประพฤติผิดทางกาม คือการมีความสัมพันธ์กับชายต้องห้าม หญิงต้องห้าม คนที่เขามีคู่ครองอยู่แล้ว หรือเราเองมีคู่ครองอยู่แล้ว
ข้อนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าถ้าเรามีคู่อยู่ เราอย่าไปยุ่งกับคนอื่น หรือคนอื่นที่มีคู่อยู่ เราก็ไม่ควรไปยุ่งกับเขา
สมัยนี้บอกว่า ไม่ได้เป็นชู้กัน แต่เป็นแค่กิ๊กกันผิดมั้ย ? ท่าน ว.วัชรเมธีเคยเทศน์ไว้ว่า ถ้าเราเปลี่ยนชื่องูเห่าว่า "หนุงหนิง" ถ้าเราไปจับหนุงหนิง แล้วโดนหนุงหนิงกัด คิดว่าเราจะตายมั้ย ?
ท่านกล่าวได้ชัดเจนมากๆ เราแค่เปลี่ยนชื่อจากชู้เป็นกิ๊ก ให้เราสบายใจเท่านั้นเอง แต่ไฟนรกไม่ว่าสำหรับชู้หรือกิ๊ก ก็ร้อนเท่ากัน
3 อย่างนี้คือการทำผิดบาปทางกาย เรียกว่ากายกรรม มีการฆ่าสัตว์, การลักทรัพย์, และประพฤติผิดทางกาม
ทางสู่นรกและอบายภูมิอันดับต่อไป คือทางวาจา มี 4 อย่าง เรียกว่า วจีกรรม 4
ทางวาจา ไม่ว่าจะเป็นการพูดออกมา การเขียนบอก การแสดงกิริยาท่าทาง อันหวังสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจผิด หรือหลงเชื่อ
1) โกหก คือ การปั้นแต่งเรื่องขึ้นมา เรื่องมุสา คนในปัจจุบันถือว่าผิดกันมาก และตั้งใจที่จะทำเพราะคิดว่าเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นอะไร เช่น ตื่นสายไปทำงานไม่ทันแล้วบอกว่าท้องเสีย , ไม่อยากรับสายใครบางคนแล้วบอกว่าขับรถอยู่ ทั้งที่กำลังดูทีวีอยู่
จริงๆ เรื่องพวกนี้ใครๆ ก็เคยทำ ทำจนชิน จนไม่รู้ว่านี่ก็คือการโกหกอย่างหนึ่ง แต่เพราะคิดว่าเพื่อการเอาตัวรอดจึงจำเป็นต้องโกหก
แต่ถ้าเราเปลี่ยนความคิด เราจะค้นพบวิธีเอาตัวรอดแบบไม่ต้องโกหกก็ได้
เช่น ถ้าไม่อยากคุยกับประกัน หรือพนักงานขายของที่โทรเข้ามา ก็พูดตรงๆ เลยว่าไม่สะดวก หรือไม่สนใจ
อย่าลืมว่า แม้กรรมเล็กน้อยที่สะสมทุกวัน ก็สามารถเป็นกรรมใหญ่ในอนาคตได้ เราจึงไม่ควรประมาทแม้กรรมเพียงเล็กน้อย
2) การพูดส่อเสียด คือการพูดให้ผู้อื่นเกิดความขุ่นข้องหมองใจ เกิดความเข้าใจผิด หรือแตกความสามัคคี
ยิ่งตอนนี้เราใช้โซเซียลกัน การผิดข้อนี้ถือว่าทำได้ง่ายกว่าสมัยก่อนมาก ไม่ว่าจะไปคอมเม้นท์เรื่องดารา เรื่องการเมือง นักการเมืองที่เราไม่ชอบ บางทีเราก็ไปคอมเม้นท์แบบเสียดสี บางทีเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เห็นผู้คนแห่กันไปถล่ม เราก็ไปถล่มกับเขาบ้าง
อาจจะมองเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้เสียหายอะไร แต่การ กระทำทางวาจาแบบนี้ทำให้จิตใจเราบิดเบี้ยว ผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ กลายเป็นเห็นว่าสิ่งผิดเป็นสิ่งที่ทำได้
3) การพูดคำหยาบ คือการพูดคำที่ไม่สุภาพเพราะความโกรธ ต้องการให้ผู้ฟังเกิดความเจ็บช้ำใจ เช่น ด่าด้วยคำหยาบ แต่ถ้าพูดด้วยคำไม่สุภาพ แต่ไม่ได้เจือด้วยความโกรธอยู่เลย เช่น สรรพนามแทนตัวว่า "กู" เรียกผู้อื่นว่า "มึง" แบบนี้ถือว่าไม่ได้ผิดศีลในข้อนี้
4) การพูดเพ้อเจ้อ คือการพูดที่หาสาระไม่ได้ เชื่อถือไม่ได้ ไม่มีเหตุผล พูดไปเรื่อย ทำให้ผู้ฟังเสียเวลาในการฟัง
4 อย่างนี้คือการทำผิดบาปทางวาจา มีพูดโกหก พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
อกุศลกรรมบถทางใจ หรือ มโนกรรม
มโนกรรม คือ การกระทำทางใจที่เกิดจากความคิด มี 3 อย่างคือ
1) ความโลภ คือการอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่นในทางมิชอบ คิดจะลักขโมยของคนอื่น
2) พยาบาท คือการคิดที่จะกระทำให้ผู้อื่นมีความทุกข์ทั้งทางกายและใจ คิดแก้แค้น คิดจองเวร ข้อนี้ในหนังในละครมีเยอะ ส่วนในชีวิตจริงก็ไม่ต่างกัน ยิ่งบนท้องถนน บางคนเจอรถมาปาดหน้า โกรธ โมโห จะเอาคืน ปาดเขากลับ สุดท้ายเจ็บตัวด้วยกันทั้งสองฝ่าย แบบนี้ก็มีให้เห็นเยอะ
3) มิจฉาทิฐิ คือความเห็นผิด ไม่เชื่อเรื่องบุญบาป เชื่อว่าตายแล้วจบ ตายแล้วสูญ
และนี่คือ 10 หนทางลงสู่อบาย
- ทางกายมี 3 อย่าง คือฆ่าสัตว์ , ลักทรัพย์ , ประพฤติผิดในกาม
- ทางวาจามี 4 อย่าง คือ พูดโกหก , พูดส่อเสียด , พูดคำหยาบ , พูดเพ้อเจ้อ
- ทางใจมี 3 อย่าง คือความโลภ , ความพยาบาท , และความเห็นผิดหรือมิจฉาทิฐิ
จะเห็นได้ว่าทางกายและทางวาจานั้น มีอยู่ในศีล 5 ถ้าเราตั้งใจรักษาศีล 5 แล้ว เราจะไม่ประพฤติผิดอกุศลกรรมบถทางกายและทางวาจาเลย
ส่วนทางใจเราพยายามทำให้เจริญ พยายามละความโลภ ความโกรธ ศึกษาพระธรรม คบกัลยาณมิตร จนเปลี่ยนจากมิจฉาทิฐิจนกระทั่งกลายเป็นสัมมาทิฐิ คือความเห็นถูก และทำให้เจริญขึ้น ยกระดับปัญญาจนถึงพระโสดาบัน เราจะสามารถปิดอบายได้อย่างถาวร
โฆษณา