Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ซับศิลป์
•
ติดตาม
14 ก.พ. 2023 เวลา 05:00 • ศิลปะ & ออกแบบ
จูบ (The Kiss) กุสตาฟ คลิมต์ (Gustav Klimt)
ภาพ “จูบ” (The Kiss) เป็นจิตรกรรมสีน้ำมันปิดทองบนผ้าใบ วาดขึ้นในปี 1907-1908 โดยกุสตาฟ คลิมต์ (Gustav Klimt) จิตรกรชาวออสเตรีย เขาเกิดเมื่อปี 1862 ที่เขตชานเมืองของกรุงเวียนนา พ่อเป็นช่างแกะสลักทองคำมีฐานะยากจน แต่ด้วยเขามีพรสวรรค์ด้านศิลปะมาตั้งแต่เด็ก เมื่ออายุ 14 ปีคลิมต์จึงออกจากโรงเรียนสามัญไปเข้าเรียนที่โรงเรียนศิลปะที่กรุงเวียนนา เขาได้รับการฝึกฝนในสไตล์การวาดแบบคลาสสิกดั้งเดิมที่เรียกว่าศิลปะตามหลักวิชา (Academic Art) และเริ่มฉายแววจนได้รับการว่าจ้างให้เขียนภาพตั้งแต่ยังเรียนอยู่
จนกระทั่งปี 1892 ทั้งพ่อ และน้องชายของเขาได้เสียชีวิตไป การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักมีผลกระทบต่อเขาอย่างมาก ทำให้คลิมต์เลิกยึดติดกับกฎเกณฑ์ตามหลักวิชาที่เขาฝึกฝนมาเปลี่ยนไปเป็นการสร้างศิลปะในสไตล์ของตัวเองที่เน้นการใช้สัญลักษณ์ในการนำเสนอความคิดและผลงานแทน จุดเด่นในผลงานของเขาคือองค์ประกอบที่สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของภาพพิมพ์ของญี่ปุ่นที่แพร่หลายในตะวันตกยุคอิมเพรสชันนิสต์ การใช้ลวดลายและการตกแต่งแบบอาร์ตนูโวกับการใช้แผ่นทองคำเปลวมาเป็นสีหลักในภาพ
โดยเฉพาะในผลงานชิ้นเอกอย่างภาพ “จูบ” ซึ่งเป็นภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา เขาได้รับเเรงบันดาลใจมาจากภาพโมเสกศิลปะแบบไบแซนไทน์ของ มหาวิหาร San Vitale ในราเวนนา หลังจากที่เดินทางไปชมงานโมเสกที่เมืองเวนิสและราเวนนาในอิตาลี สไตล์เฉพาะตัวที่งดงามแปลกใหม่และโดดเด่น กลายเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงและเงินทองให้กับเขาอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงระหว่างปี 1900 – 1908 ถือเป็นยุคทอง (Golden Phase) ของคลิมต์เลยก็ว่าได้
ภาพ “จูบ” แสดงกริยาของชายหนุ่มกับหญิงสาวโอบกอดกันแนบชิด และจูบจนแทบหลอมละลายกลืนกันไปท่ามกลางพื้นหลังสีทองที่ตกแต่งอย่างวิจิตร และเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ ร่างกายของหญิงสาวดูเหมือนถูกกลืนเข้าไปอยู่ในเสื้อคลุมสีทองที่ตกแต่งลวดลายอย่างสวยงาม ชายหญิงทั้งสองเหมือนนั่งชันเข่าอยู่บนลานดอกไม้ ผู้ชายใส่เสื้อลายสี่เหลี่ยมสวมมงกุฎที่เป็นเถาไม้เลื้อย ผู้หญิงสวมเสื้อผ้าลวดลายวงกลมและบนผมประดับแซมด้วยดอกไม้ ภาพอันหวานฉ่ำสะท้อนความงดงาม และความฟุ้งเฟ้อของอารมณ์ในห้วงรักได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามผลงานชิ้นนี้ได้ถูกวิจารณ์อยู่ไม่น้อยถึงความไม่เหมาะสมของภาพ จากขนมธรรมเนียมของคนในสังคมยุคหลังวิกตอเรียช่วงต้นทศวรรษ 1900 ที่ส่วนใหญ่มองว่าการ "จูบ" นั้นเป็นภาพอนาจาร แม้ว่าชายหญิงในภาพจะสวมเสื้อผ้ามิดชิดก็ตาม และการใช้ทองคำเปลวในผลงานยังถูกนำไปเปรียบเทียบกับการนำทองคำมาสร้างภาพทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ในยุคกลางซึ่งถือว่าเป็นการดูหมิ่นศาสนาอย่างรุนแรง
แต่แม้จะมีเสียงคัดค้าน ไม่เห็นชอบจากสาธารณชนอย่างไร ภาพ “จูบ” กลับขายได้ก่อนที่ศิลปินจะสร้างเสร็จ โดยพิพิธภัณฑ์ Belvedere แห่งเวียนนา ประเทศออสเตรียเป็นผู้จัดซื้อไป
แม้ว่าคลิมต์จะเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และคุ้นเคยกับบุคคลในแวดวงสังคมชั้นสูง แต่ตัวเขาเองกลับชอบใช้ชีวิตที่เรียบง่าย และไม่ต้องการให้ใครมาใส่ใจในชีวิตส่วนตัวของเขามากนัก คลิมต์ก็เป็นเหมือนศิลปินคนอื่นอีกหลายคนที่เป็นคนเจ้าชู้ และหลงใหลในเรื่องทางเพศมาก เขาคลุกคลีอยู่กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางแบบของเขาเอง และผู้หญิงชั้นสูงที่จ้างเขาให้เขียนภาพมากมายแทบนับไม่ถ้วน
แต่ผู้หญิงที่ผูกพันกับคลิมต์อย่างแนบแน่นและยาวนานที่สุดคือ Emilie Flöge เธอเป็นเสมือนคู่ชีวิตของเขา ทั้งคู่ผูกพันกันตั้งแต่แรกรู้จักจนกระทั่งเขาเสียชีวิต คลิมต์ไม่เคยแต่งงาน เขาอยู่กับแม่ตลอดมาจนกระทั่งเธอเสียชีวิตในปี 1915 และสามปีต่อมาเขาก็เสียชีวิตตามเธอไปด้วยโรคหลอดเลือดสมองและโรคปอดบวมในวัย 55 ปี
-ซับศิลป์- happy valentine's day ค่ะ
1
ที่มา
https://mymodernmet.com/the-kiss-gustav-klimt/
https://www.takieng.com/stories/16485
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B9%E0%B8%9A_(%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B9%8C)
https://www.gustav-klimt.com/The-Kiss.jsp
1 บันทึก
3
7
1
3
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย