D/E ratio เป็นอัตราส่วนที่วัดหนี้สินของบริษัท เมื่อเทียบกับทรัพย์สิน ยิ่ง D/E ratio สูง ยิ่งแปลว่าบริษัทได้ทรัพย์สินมาจากการกู้ยืม ไม่ใช่กำไร หรือส่วนของผู้ถือหุ้น
การที่บริษัทมี D/E ratio สูงหรือต่ำ ไม่สามารถวัดได้ว่าบริษัทนั้นกำลังมีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง (Undervalue) แต่ควรหาค่า D/E ratio ของบริษัทคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันแล้วเทียบกัน
วิธีการหา D/E ratio ทำได้โดยนำ “หนี้สินรวมของบริษัท (Debt) ÷ ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (Equity)”
Current ratio ที่น้อยกว่า 1 มักจะแปลความหมายได้ว่าบริษัทนั้นมีหนี้สินที่เยอะจนมากกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนของบริษัททั้งหมด ยิ่ง Current ratio ต่ำ ก็ยิ่งมีโอกาสที่หุ้นจะราคาลดลงจนถึงจุดที่หุ้นตัวนั้น Undervalue ได้
ตัวอย่างเช่น บริษัทกระต่ายมีสินทรัพย์หมุนเวียน 1.2 พันล้านบาท และมีหนี้สินหมุนเวียน 1 พันล้านบาท ดังนั้น Current ratio จะอยู่ที่ 1.2 (1.2 พันล้าน ÷ 1 พันล้าน)
#7 Price-earnings to growth ratio (PEG Ratio)
PEG Ratio ถูกต่อยอดมาจาก PE Ratio เพื่อคาดการณ์การเติบโตของกำไรในอนาคต
โดยมีวิธีคิดคือ “PE Ratio (Price to Earning) ÷ อัตราการเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิ (Net Profit Growth Rate(%))”
หากบริษัทนั้นมีรายรับที่มั่นคง และมี PEG Ratio ที่ต่ำ นั่นแปลว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้น Undervalue
ตัวอย่างเช่น หุ้นกระต่ายมี P/E ratio อยู่ที่ 5 และอัตราการเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิคือ 20% เพราะฉะนั้น PEG Ratio = 0.25 (5 ÷ 20%)
#8 Price-to-book ratio (P/B) หรือ Price to Book Value Ratio (P/BV)