25 ก.พ. 2023 เวลา 03:00 • ไลฟ์สไตล์

ชวนรู้จัก “Resenteeism” เทรนด์ใหม่วัยทำงาน แม้จะไม่มีความสุข ไม่อยากทำงานแล้ว

ชวนรู้จัก “Resenteeism” เทรนด์ใหม่วัยทำงาน แม้จะไม่มีความสุข ไม่อยากทำงานแล้ว แต่ก็ลาออกไม่ได้ ไม่พร้อมตกงาน เลยขอทำงานไปแบบส่ง ๆ ซึ่งน่ากังวลมากกว่า “Quiet Quitting”
ในปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นใจ ไหนจะของแพง แต่ค่าแรงไม่ค่อยจะขึ้น แถมยังมีข่าวการเลิกจ้างในบริษัทใหญ่ทั่วโลกรวมถึงในไทย ทำให้ผู้คนจำนวนมากอยู่ในภาวะจำยอม ไม่กล้าลาออกจากงาน แม้ว่าจะไม่มีความสุขในการทำงานก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าว นำไปสู่เทรนด์ใหม่ในวงการแรงงานที่เรียกว่า “Resenteeism”
💼 “Resenteeism” เบื่องานแต่ออกไม่ได้
“Resenteeism” เป็นภาวะที่มีความร้ายแรงและต่อเนื่องมาจาก “Quiet Quitting” ใช้อธิบายภาวะที่ไม่พึงพอใจต่องานที่ทำอยู่ แต่ไม่สามารถหางานที่ดีกว่าได้ หรือเกิดจากความกลัวว่าจะไม่มั่นคงในงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน จนแสดงความไม่พึงพอใจออกมาอย่างชัดเจน ไม่ปกปิดอารมณ์เหล่านี้อีกต่อไป
1
แพม ฮินดส์ หัวหน้าฝ่ายบุคคลของ SaaS RotaCloud บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ อธิบายถึงเทรนด์ดังกล่าวไว้ว่า “พนักงานที่รู้สึกว่าตนเองถูกบริษัทประเมินค่าต่ำไปจากบริษัท ทำให้พวกเขากังวลว่าต่อไปจะไม่มีความสุขในการทำงาน ความกังวลและรู้สึกต่อต้านกำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก”
เหตุผลสำคัญ คือ หลังการระบาดของโควิด-19 เหล่าพนักงานได้มีเวลาทบทวนความสำคัญ และบทบาทของตนเอง ซึ่งพวกเขาตระหนักได้ว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต” ไม่ใช่หน้าที่การงาน
💼 อันตรายกว่าปรากฏการณ์อื่น ๆ
Resenteeism เป็นแนวคิดที่แตกออกมาจาก Presenteeism ซึ่งเป็นภาวะที่พนักงานทำงานได้แย่ลงเพราะอาการป่วย แต่ไม่ยอมหยุดพักงาน จนทำงานผิดพลาดบ่อยขึ้น หรือขาดแรงจูงใจในการทำงาน
แต่สิ่งที่ทำให้ Resenteeism นั้นแย่กว่า Quiet Quitting และ Presenteeism คือ พนักงานที่มีภาวะ Resenteeism จะแสดงออกชัดเจนว่า กำลังไม่พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ แต่อาจจะสะท้อนผ่านการทำงานอย่างส่ง ๆ ชุ่ย ๆ จนถึงส่งผ่านความรู้สึกลบไปยังพนักงานคนอื่น ทำให้บรรยากาศในบริษัทนั้นเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี แต่ก็ไม่เลือกที่จะลาออกไป เพราะยังหางานใหม่ไม่ได้ หรือ กลัวไม่มีงานทำ โดยประสิทธิภาพในการทำงานของพวกเขาจะลดลง และสร้างความขัดแย้งในองค์กรมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ Quiet Quitting จะหมายถึงพนักงานที่ไม่ได้ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ แต่ก็ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเป็นการเยียวยาตนเองไม่ให้ตกอยู่ในสภาวะหมดไฟในการทำงาน
เทรนด์ Resenteeism เป็นผลพวงจากการลาออกครั้งใหญ่ (The Great Resignation) ที่เกิดขึ้นช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะพนักงานที่เหลืออยู่ต้องทำงานอย่างหนัก ทดแทนหน้าที่ของพนักงานที่ลาออกไป หรือถูกเลิกจ้าง ทำให้เกิดความไม่พอใจแก่พนักงานที่เหลืออยู่ และเกิดความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
สถานการณ์ยังคงแย่ต่อไปอีก เมื่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ค่าครองชีพและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ในโลก ทำให้หลายบริษัทเลิกจ้างพนักงาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด ยิ่งทำให้พนักงานต้องรักษาตำแหน่งของตนเองไว้ แม้จะไม่ได้เต็มใจอยู่ก็ตาม เพราะการสูญเสียงานในช่วงนี้ ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ สำหรับโลกที่ต้องใช้ชีวิตรอดด้วย “เงิน”
1
จะเห็นได้ว่า เทรนด์การทำงานในระยะหลังนั้นมาจากเหล่าพนักงานรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับใช้ชีวิตมากกว่าการทำงาน อะไรที่ขัดแย้งต่อก็ความคิดหรือเห็นว่าไม่เหมาะสม พวกเขาก็จะต่อต้าน แต่ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจทำให้พวกเขาต้อง “จำยอม” ทนต่อไป แม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม
โฆษณา