17 ก.พ. 2023 เวลา 03:57 • ความคิดเห็น
มนุษย์ที่ลืมตาดูโลกและหายใจครั้งแรก เริ่มรู้หน้าที่ดำรงชีวิตแล้วครับ
มนุษย์มหัศจรรย์แบบเราทุกคนที่เข้าเส้นชัยไม่ถูกกลไกลระบบของคุณแม่
กำจัดเสียก่อนวิ่งไปกอดไข่ของแม่ในรังไข่ ถือว่า บรรลุเป้าหมายขั้นเริ่มต้น
คิดนะครับพันล้านตัววิ่งไปข้างหน้า เหลือตัวสเปริ์มตัวเดียวที่เยี่ยมยอดที่สุด
ออกมาเป็น"คุณ" เป็น"เรา"ไง
เราก็คือและก็เคยเป็น เด็กอ่อน เด็กเล็กเด็กโตและผู้ใหญ่ในวันนี้
ที่มีประสบการณ์เดินทางเก็บเกี่ยวสะสมประสบการณ์มามากๆหลากหลายทั้งดีและไม่ดี วันนี้เราวิเคราะห์แยกแยะ สังเคราะห์ ได้ว่า
ทำไมคุณต้องบอกเด็ก บุตรหลานของคุณให้ตั้งหน้าตั้งตาเรียน มีหน้าที่เรียน ก็เรียนไป จริงๆแล้วไม่มีใครบอกชีวิตก็ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตอยู่จนตายก็หมดภาระกิจ
ในความหมายของคำถาม เราชอบมองว่า เรียนเพื่อมีความรู้ มีวุฒิบัตรความสำเร็จ
แล้วเอาไปเปลี่ยนความรู้เป็นเงินเขากรอบสังคมที่บางท่านกล่าวถึง (รูปภาพของ
คนจำนวนมากเดินไปทางเดียวกัน แต่มีคนหนึ่งเดินผ่าเหล่าผ่าฝูงผ่ากลุ่มออกไปอีกทาง)
นัยยะมองได้ว่า เราต้องการให้คนที่เรารัก รักมาก ห่วงใยมาก เดินทางตามแบบสังคม ไม่เรียกมาตรฐานนะครับเพราะมาตรฐานถูกลบและพัฒนาเขียนใหม่ตลอด
มาตรฐานของเราวันอดีต วันนี้ก็จะไม่ใช่กรอบมาตรฐานของสังคมในอนาคตของลูก ของเด็กอนาคต
เพราะเราเป็นพ่อเป็นแม่ที่เลี้ยงลูก เด็กมนุษย์มหัศจรรย์มาต้้งแต่แรก ใครจะไม่รัก กลัวลูกโง่ กลัวลูกน้อยหน้า กลัวลูกไม่ฉลาด กลัวลูกไม่เก่ง กลัวลูกไม่ได้เกรดวิชา
กลัวเข้ามหาวิทยาลัยที่พ่อแม่หวังว่าจะได้confirmedกับสังคมว่าลูกเก่ง กลัวๆๆๆ
และกังวลๆๆๆมากๆๆๆจึงต้องตวาดเสียงใส่ลูกอย่างเข้มงวด กลัวลูกจะพลาด
โอกาสดีๆในชีวิต
ก็ไม่ผิดนะครับ ไม่ผิดเลย ที่จะรักห่วงใยหวังดี มุ่งมั่นปั่นเงินทองสนับสนุนลูก
ทุกอย่างถึงขั้นปรนเปรอ เป็น ATM 24 ชั่วโมงเครื่องไม่เสียด้วย จนอาจมีหัวร้อน
ที่ลูกหรือเด็กของตนไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ขีเกียจ ไม่ใช่เสียดายเงินทองนะ แต่ตาของพ่อแม่แบบนี้มองเขาไปเป็นผู้ใหญ่อย่างเราไปแล้ว ว่าต้องสำเร็จต้องสำเร็จ มันติดในหัวพ่อแม่ทุกคนแหละครับ
บางครั้งหรือหลายครั้ง "คำว่าเด็กมีหน้าที่เรียน" แถมด้วยว่าไม่ต้องมายุ่งเรื่องผู้ใหญ่ อันนั้น แท้จริงคำว่า "พ่อแม่รังแกฉันก็ตามติดมาทันที"
ครอบครัวพอมีพอกิน มั่งคั่ง ไม่ยากจนจึงมีเปอร์เซนต์ที่จะสปอยลูกหลานทุกรูปแบบ เพราะพ่อแม่มีภาระหน้าที่มากมายต้องบริหารดูแลจัดการ ยิ่งพ่อแม่มีชื่อเสียงการงานมั่นคงมั่งคั่ง จึงให้เงินเป็นเพื่อนลูก ให้เงินเลี้ยงลูก ให้สังคมเลี้ยงลูกเพราะเวลาให้กันมันน้อยเหลือเกินจนไม่มีให้ เขาเรียกว่า ลูกรอความอบอุ่นจนใจหยาบกระด้างแล้ว มันเหงา มันขาดกำลังใจ ตรงข้ามพ่อแม่ก็บอกว่า "ให้ทุกอย่างแล้ว"
ถึงขั้นหลายครอบครัวประสบปัญหา"ลูกเรียกร้องความรักความสนใจจนต้องสร้างวีรกรรมลบมากมาย ประชดชีวิต แค่ต้องการให้พ่อแม่สนใจ" โห! เราส่วนใหญ่คงไม่มหารวย รวยล้นขนาดนั้นแต่ก็มีความเป็นไปได้ถ้าเราปรนเปรอแบบนั้น
สังคมกลางแบบเราคงไม่น่าเป็นกันนะครับก็ไม่แน่นะอะไรก็เกิดขึ้นได้จากน้ำมือของเราผู้สร้างกรอบคิด(- +)
"เคยถามลูกไม๊ว่า เงินที่ให้แบบพอเพียงถึงฟุ่มเฟือย และกำหนดหน้าที่ให้เรียนอย่างเดียว ลูกได้วิธีคิดได้แนวทางการพัฒนาชีวิตที่คุณภาพมีคุณค่ามากแค่ไหน"
มองตาลูกมองตาเด็กของคุณด้วยว่า เขารู้สึกอย่างไร เงินร้อยพันหมื่นอาจไม่สำคัญแค่พ่อแม่นั่งไถ่ถามความก้าวหน้า ชื่นชม ส่งเสริม มีใจสนใจใส่ใจเขาตั้งแต่เด็กๆจนโต มันอาจเป็นสิ่งที่เขาอาจรอเวลาหาโอกาสมาตลอดชีวิตก็ได้
หรืออาจแค่ต้องการ "กอด" อุ่นๆหอมเค้าจากคุณที่ไม่เคยทำเลยสักครั้งตั้งแต่
เขาโตขึ้นมา เพราะพ่อก็เขิน แม่ก็เขิน ลูกก็เขิน เลยห่างไกล(แขยงกัน อีเดียด)ซะแล้ว
" กอดเถอะครับ กอด กอด บ่อยๆ โตแล้ก็น่ากอด อวบอิ่มอ้วนผอม น่ากอดหมด"
พูดด้วยนะไม่ใช่ใบ้กิน "แค่ รักนะ สู้ๆ"ก็พอแล้ว นานมันเขิน
ไม่เสียตังส์ อบอุ่นด้วยหัวใจ
วันนี้เราเป็นครอบครัวที่ยัง"พูดคำว่าหน้าที่ของลูกคือเรียนอยู่รึเปล่า?"
ถ้าคุณไม่เข้าใจไม่เห็นภาพ และอยากได้ภาพของลูกที่มีพลัง มีความภูมิใจกับพ่อแม่ที่เป็นอาชีพอะไรก็ได้ อบอุ่นในสถาบันครอบครัว
ทบทวนตรองดูว่า
"ประสบการณ์ชีวิตของลูกได้เรียนรู้อะไรที่อบอุ่นเข้มแข็งเป็นภูมิคุ้มกันทุกสิ่งของลูก"
"วันนี้ครอบครัวทำหน้าที่ ให้อะไรกับเด็กที่ต้องมีหน้าที่เรียนอย่างเดียวบ้าง"
ลูกตื่นสาย ต้องเรียกลูกขาลูกครับสายแล้ว เรียกไม่ดีก็มีสวน น้ำตาพ่อแม่ที่รักซึมในเลยละ
อาบน้ำ เสื้อผ้าหน้าผมจัดเตรียมให้หมด ใช้แล้วก็โยนลงไม่ลงตระกร้า
เดียวแม่คนใช้ก็มาเก็บ ห้องสกปรกเลอะเทอะ กินข้าวจัดเตรียมให้พร้อม
รถโรงเรียน รถตู้ หรือรถหรูคนขับพร้อมส่งคุณหนู เขาจะทำอะไรเป็นครับ
ชีวิตไม่ใช่แค่การเรียนกระดาษที่รวมเล่มที่เรียกว่า"หนังสือ"กับครูที่หน้าเหลี่ยม
กดไปก็เสกก็ค้นหาแบบรอใครไม่เป็น เจ้าอารมณ์ต้องภายในวินาที สมาธิการเรียนสั้นไม่ฟังครูเพราะอธิบายเยิ่นเย้อ
ที่หนักไปกว่านั้น "พ่อแม่ที่รักที่สุดให้เรียนข้ามชั้นไปแล้ว อยู่มัธยม 1 เรียนติวเข้มจบมัธยม3 แล้ว"กลัวเป็นรองคนอื่น
"ชีวิตลูกหรือชีวิตลูกที่เป็นของพ่อแม่" ชีวิตลูก เด็กคนนั้นมีชีวิตของเขาสิทธิ์ในการเรียนรู้ เป็นของเขา เข้ากรอบได้แต่กรอบพ่อแม่รุ่นใหม่คิดใหม่นวตกรรมใหม่ควรบูรณาการอดีตที่เคยเป็นเด็ก
จนวันนี้มาเป็นพ่อแม่ของลูกตัวเอง หรือเอาแบบเดิมเร่งเครื่องให้หนัก กดดันลูกให้หนักว่าที่เราเคยพลาดมาให้ได้ตอบใจตอบโจทย์ตัวเอง ซะใจลูกสอบได้แล้ว ถามลูกบ้างเปล่า ว่าถูกใจลูกหรือถูกใจพ่อแม่
เปลี่ยนใหม่นะครับ "หน้าที่ลูกคือเรียนรู้ไปกับครอบครัว เรียนรู้ความอบอุ่นของครอบครัว เรียนเล่นสนุกกับพ่อแม่ ออกกำลังกายทำกิจกรรม
นั่งเบียดกันดูหนังฟังข่าว ช่วยกันวิเคราะห์เรียนรู้ ให้องค์ความรู้ ในเชิงตรรกะเหตุผลวิธีคิดกับเขา
ให้เขาได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกับความหมายของ หน้าที่เรียน ว่าครอบครัวส่งเสริมเป็นกำลังใจตลอดเวลา และให้เค้าภูมิใจในคุณ คุณพ่อคุณแม่ที่จะเป็นอาชีพอะไร พ่อแม่ก็เก่งที่สุดเป็นที่สุดของเขา และพลังมันจะออกมาจากความเป็นเด็กที่อบอุ่นเข้าใจตั้งใจส่งผลการเรียนดีๆมาให้อย่างไม่ต้องตามกำกับป้อนข้าวป้อนน้ำนั่งเฝ้า
เพราะ"วันนี้ลูก เด็กของคุณ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่เรียนด้วยความรักความตั้งใจ มีเป้าหมายที่จะเห็นพ่อแม่มีความสุขกับความสำเร็จของเขาที่ละขั้นทีละขั้น"
วันนี้คุณกอดรึเด็กของคุณหรือยัง?
วันนี้คุณบอกลูกว่าไงครับ? พูดรึยัง" มั่นใจในตัวลูก รักลูกนะ สู้ๆ"
รู้น่าไม่เคยหรือเขิน เริ่มเลย เริ่มใหม่ มันดีนะไม่เสียเงินไม่เสียตังค์
โฆษณา