17 ก.พ. 2023 เวลา 06:26 • การตลาด

Tesla เรียกคืนรถ 362,758 คัน เพราะปัญหาซอฟต์แวร์ Full Self-Driving Beta

Tesla เรียกคืนรถ 362,758 คัน เพราะปัญหาซอฟต์แวร์ Full Self-Driving Beta
Tesla ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กำลังเรียกคืนรถยนต์จำนวน 362,758 คัน โดยสมัครใจ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นทดลอง (Experimental driver-assistance software) ของบริษัท ซึ่งวางตลาดในชื่อ Full Self-Driving Beta หรือ FSD Beta ในสหรัฐอเมริกา
2
ในประกาศเรียกคืนรถยังระบุว่า Tesla จะส่งการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air (อัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านอินเตอร์เน็ตไร้สาย) ให้กับรถยนต์เพื่อแก้ไขปัญหา
ตามรายงานการเรียกคืนรถเพื่อความปลอดภัย (Safety Recall Report) บนเว็บไซต์ของสำนักงาน National Highway Traffic Safety Administration (NHTA) ระบุว่า ระบบ FSD Beta อาจทำให้เกิดการชน โดยทำให้ยานพาหนะที่ติดตั้งระบบดังกล่าว สามารถก่อให้เกิด
”การกระทำที่ไม่ปลอดภัยบริเวณถนนที่เป็นเส้นทางตัดกันเป็นสี่แยก เช่น รถวิ่งทางตรงผ่านแยกในขณะที่อยู่ในช่องทางบังคับเลี้ยวเท่านั้น, เข้าสู่ถนนที่เป็นเส้นทางตัดกันที่มีป้ายหยุดควบคุมโดยไม่หยุดรถ หรือ เข้าสู่ถนนที่ตัดกันเป็นสี่แยกระหว่างสัญญาณไฟจราจรสีเหลืองโดยไม่มีความระมัดระวัง”
ประกาศดังกล่าวยังระบุว่า นอกจากนี้ ระบบ FSD Beta อาจมีปัญหาในการตอบสนองอย่างเหมาะสม ”ต่อการเปลี่ยนแปลงการจำกัดความเร็วที่ระบุบนป้ายสัญญาณจราจร”
1
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla รุ่นที่ได้รับผลกระทบได้แก่ รุ่นรถและปีดังต่อไปนี้: 2016-2023 Model S และ Model X, 2017-2023 Model 3 และ 2020-2023 Model Y ที่ติดตั้งหรืออยู่ระหว่างการติดตั้ง FSD Beta
อย่างไรก็ตาม CEO ของ Tesla, Elon Musk และแฟน ๆ ของ Tesla คัดค้านการใช้คำว่า “Recall (เรียกคืนรถ)” เพื่ออธิบายข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยหรือปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ส่งผ่านอินเทอร์เน็ตไร้สาย
Musk เขียนบน Twitter เมื่อวันพฤหัสบดี ว่า ”การใช้คำว่า ‘Recall’ สำหรับการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air นั้นมันผิดยุคสมัยและผิดโดยสิ้นเชิง!”
Tesla ให้ผู้ขับขี่หลายพันคนลองใช้ ฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ บนถนนสาธารณะในสหรัฐอเมริกาผ่าน FSD Beta เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ขับเคลื่อนตัวเองอัตโนมัติ หรือ ขับขี่ปลอดภัยโดยไม่มีมนุษย์ควบคุม เพราะยังต้องมีมนุษย์ที่พวงมาลัยที่พร้อมที่จะเบรกหรือบังคับทิศทางในทุกวินาที แม้ชื่อซอฟท์แวร์ FSD Beta จะมีความหมายเป็นเช่นนั้นก็ตาม
เฉพาะเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ที่ติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (Driver assistance system) FSD ระดับพรีเมียมของบริษัทไว้ในรถของตนเท่านั้น ที่สามารถเข้าร่วมโปรแกรม FSD Beta ได้ ขณะนี้การเลือกใช้ Option ดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้า 15,000 ดอลลาร์ หรือ 199 ดอลลาร์ต่อเดือนในสหรัฐฯ และเจ้าของรถ จะต้องได้รับคะแนนความปลอดภัยของผู้ขับขี่ในระดับสูง ตามที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ของ Tesla ที่ตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ของพวกเขา และมีการดูแลรักษามัน เพื่อให้สามารถใช้ซอฟต์แวร์ FSD Beta ได้
1
การสรุปที่ดีที่สุดสำหรับ FSD Beta คือ เป็นโฮสต์ (Host) ของฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่ได้แก้ไขจุดบกพร่องอย่างสมบูรณ์ จุดหลักคือ ”พวงมาลัยควบคุมรถอัตโนมัติที่ควบคุมรถขับเคลื่อนบนถนนในเมือง (Autosteer on city streets)” ซึ่งช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ขับเคลื่อนในสภาพแวดล้อมในเมืองที่ซับซ้อนได้โดยอัตโนมัติ โดยที่ระบบยังไม่สมบูรณ์
2
Tesla ไม่เปิดเผยจำนวนผู้ที่ซื้อหรือสมัครสมาชิกใช้ Option ระบบ FSD แบบพรีเมียม แต่ Elon Musk, CEO ของ Tesla กล่าวว่า ”ณ ตอนนี้ เราได้ติดตั้ง Full Self-Driving Beta สำหรับการใช้งานบนถนนในเมือง ให้กับลูกค้าประมาณ 400,000 รายในอเมริกาเหนือ นี่เป็นก้าวสำคัญสำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่าง FSD Beta เป็นวิธีเดียวที่ผู้บริโภคสามารถทดสอบระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI รุ่นล่าสุดได้”
1
การสื่อสารของสำนักงาน National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) และ Tesla ระบุว่า ระบบนี้เป็นระบบที่ง่ายมาก "ด้วยฟีเจอร์การสนับสนุนผู้ขับขี่ SAE ระดับ 2 (SAE level 2) สามารถทำให้การบังคับรถและการเบรก / การเร่งความเร็ว ที่ช่วยผู้ขับขี่รถภายใต้ข้อจำกัดในการทำงานบางประการ”
รายงานการเรียกคืนรถเพื่อความปลอดภัย (Safety Recall Report ) ยังระบุว่า ”ผู้ขับขี่รถมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำงานของรถ เมื่อใดก็ตามที่มีการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ และต้องดูแลฟีเจอร์นี้อย่างต่อเนื่อง และผู้ขับขี่ต้องเข้าแทรกแซง เช่น บังคับเลี้ยว เบรก หรือ เร่งความเร็ว ตามความจำเป็น เพื่อให้รถมีการทำงานที่ปลอดภัย”
#ev #tesla #BrandAgeOnline
โฆษณา