17 ก.พ. 2023 เวลา 17:08 • ปรัชญา
ในชีวิตประจำวันของเรา เราก็อยู่กับเรื่องของโลก เรื่องการกินการอยู่การสนุกสนาน คุยกับคนนั้นคนนี้ เรียกว่าเป็นเวลาที่เราอยู่กับโลก
เราก็แบ่งเวลา หาเวลาให้กับตัวเราเองทุกวัน มาเป็นเวลาของธรรม เวลาเราไปนั่งหน้าสวดมนต์ เราก็บอกตัวเราเอง พูดคนเดียว ฟังเสียงตัวเราเอง จิตข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา ข้าพเจ้าได้นำธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา มากราบพระ สวดมนต์ ภาวนา เป็นเวลาเท่าไหร่เราก็กำหนดขึ้นมา แล้วก็ทำให้ได้ตามกำหนดเวลานั้น เช่นนำกายบิดามารดา มานั่งสมาธิ เดินจงกรม ยืนสมาธิ (นอนทำไม่ได้ จิตไม่แข็งพอ)
การเดินจงกรม เราก็กำหนด เส้นให้เราเดิน ..สมมุติขึ้นมาว่า เป็นเส้นของการเดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เส้นของการสร้างบารมีของตัวเราเอง ก่อนเดินเราก็กราบ รอยของท่าน เดินเสร็จเราก็กราบ เรื่องการเดินจงกรม เราก็เอาเทปมาติดที่พื้น เป็นเส้นที่เดิน เดินเหยียบไปตามเส้น ตามองที่เส้น ที่เราสมมุติเป็นเส้นสร้างบุญกุศล มีอารมณ์ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เราก็หยุดยืนนิ่ง ตามเพ่งมองที่เส้น จิตภาวนาพุทโธ อารมณ์ลอยผ่านไป เราก็เดินต่อ ..เราเดินเพื่อปลดปล่อยอารมณ์
ก่อนเดินเราก็ยกมือพนมอธิษฐานของนำกายธาตุทั้งสี่มาเดินตามรอยของท่าน บอกตัวเอง จิตข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา บอกกล่าวให้หูเราได้ยิน เพื่อให้วิญญาณหูส่งต่อไปให้จิต จิตส่งเก็บบันทึกไว้ที่ธาตุทั้งสี่ แล้วสำรวจตัวเองยืนตัวตรงมั้น คอตรงมั้ย บอกตัวเองไม่นึกคิดอะไร บอกตัวเองกายนิ่ง จิตเฉย แล้วสำรวจตัวเอง กายนิ่งมั้ย จิตนิ่งไม่นึกคิดอะไร
เมื่ิอสำรวจตรวจสอบตัวเองดีแล้ว ก็เริ่มเดิน ภาวนาพุทโธ ไปจนครบเวลาที่กำหนด เดินเสร็จเราก็กราบพระ ขมา .อุทิศกุศล..ที่เกิดขึ้น จากการนำกายบิดามารดา ก็ต้องบอกตัวเองตลอดเวลา ว่านำธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดามาอุทิศบุญกุศล
1
ในเรื่องของการนั่งสมาธิ ปกติเรานั่นพับเพียบ นั่งเรียบกราบพระเสร็จ สำรวจตัวเองเรียบร้อย กายตรง คอตรง เมื่อสองข้างวางที่หัวเข่า ยกมือซ้ายขึ้นมาที่หน้าอก..มารดายกมือขวาขึ้นมาประกอบ ..บิดา จิตของข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา ข้าพเจ้าขอนำธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา มาประพฤติปฏิบัติธรรมตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา พร้อมด้วยกายวาจาใจ เป็นเวลา สามสิบนาที ขอดินฟ้าอากาศเป็นสักขีพยาน
..ข้าพเจ้าขออาราธนา แสงรัตนะธรรม ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดหนุนนำเป็นประทีบส่องลงที่จิตของข้าพเจ้าให้รู้แจ้งเห็นตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้ววางมือซ้ายลงที่หน้าตักมารดา วางมือชวาลงที่หน้าตักบิดา สำรวจตัวเอง อีกครั้ง ตัวตรงมั้ย คอตรงมั้ย ทำนิ้วมือให้แข็งๆ ยืดตัวให้ตรง บอกตัวเอง กายนิ่ง จิตเฉย บอกตัวเอง จะไม่ขยับเขยื้อนกายไปไหน จนกายจะครบกำหนดเวลา จิตภาวนา แค่สองคำ พุทโธ อยู่มี่ลมหายใจเข้าออก ..กายมันจะเจ็บปวดทุกขเวทนา ..ก็บอกจิตตัวเองเฉย นั่นเป็นอารมณ์..ไม่ใช่ของเรา เราก็ทำจิตเฉยๆ ..อยู่กับลมหายใจ ..ภาวนาพุทโธ ความคิดอะไรเกิดขึ้น ..นั่นก็คือ อารมณ์.. ลืมคำว่าพุทโธ..ก็แสดงว่าจิตเราขาดสติ
นั้นก็การที่เราแบ่งปันเวลา ที่เราอยู่กับโลก มาฝึกหัดให้ใช้กายบิดามารดา กายวาจาใจ มาอยู่ในรอยของการสร้างบุญกุศลบารมี ฝึกหัดปฏิบัติธรรมตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เรียกว่า เราเก็บสะสมไว้แก่จิต บันทึกไว้กับธาตุทั้งสี่ ..เราก็สะสมไป ..กับจิต เพื่อให้จิตเราได้มีนิสัยสร้างบุญบารมีตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..ขอให้เกิดมามีกายเป็นมนุษย์ครบสามสิบสอง ขอให้พบธรรมโลกุตระ เพื่อสร้างบุญบารมี หนีเวรกรรมไปทุกชาติ คงมีสักชาติหนึ่ง ได้ถึงธรรม หยุดเกิดแก่เจ็บตาย
การที่เราเตือนสติของเรา บอกกล่าวว่า จิตของข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในธาตทั้งสองของคุณบิดามารดา ขอนำธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดามารสร้างบุญกุศลบารมี ล้วนเป็นวาจาที่สูง ๆ คำพูดที่เป็นปิยะวาจา แล้วก็คงไม่มีใครพูดว่า จิตข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา วันนี้ข้าพเจ้าจะนำธาตุสองของคุณบิดามารดา ไปด่าคนนั้นคนนี้ ไปกินเหล้าเมายา จะขอนำธาตุทั้งสองของบิดามารดาไปสร้างกรรม ..ก็คงไม่ใครกล่าวแบบนั้น ..จริงมั้ย
โฆษณา